ความคิดเห็นที่ 1
พอสักพักก็เห็นออสก้าชะเง้อมองหาและร้องเรียกหาเอมี่ลั่นร้านไปหมด ซึ่งเสียงของผู้จัดการในขณะนั้นก็ทำเอาพนักงานหลาย ๆ คนหันมามองทางเดียวกัน และก็คิดว่าเอมี่จะต้องมีปัญหาแน่นอน ส่วนฉันนั้นก็หันไปด้านหลัง เพื่อที่จะดูสีหน้าของคนที่ถูกเรียกด้วย ซึ่งในใจของฉันลึก ๆ ก็อดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ เพราะเธอท้องด้วย ได้แต่ภาวนาว่าเธอจะไม่ตกอกตกใจกับเสียงเรียกของผู้จัดการในครั้งนี้
ภาพเอมี่วิ่งมาอย่างเร็วทำให้ฉันใจหายไม่น้อย เพราะเธอใช่จะธรรมดาเหมือนฉันซะที่ไหน ที่จะวิ่งเร็วหรือวิ่งช้าได้ตลอด แต่นี่เอมี่กำลังตั้งท้อง และท้องของเธอก็ใช่ว่าจะเล็ก ฉันกลัวเหลือเกิน อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าการกระทำของเธอ อาจจะส่งผลกระทบให้เธอก็ได้ พอเอมี่วิ่งมาถึงหน้าแผนกแคชเชียร์ ผู้จัดการก็จัดการถามเอมี่ทันที
Where are you, Amy? You are supposed to stay in the front. Why did you go to the back? What are you doing? ด้วยอารมณ์ที่โกรธเคืองและไม่พอใจทำให้ออสก้าตั้งคำถามมากมายกับเอมี่
Nat hasnt clocked in yet. She is not supposed to pick up the phone. Do you know that the phone rang for many times and no one picked it up? Then Nat decided to pick it up. If you stay in the front, she wouldnt have to do your job. Its your job, Amy. Not her job นอกจากคำถามแล้วออสก้าก็พูดคุยมากมายให้เอมี่ได้เข้าใจด้วย
ฉันเห็นเอมี่ก้มหน้าก้มตาฟังผู้จัดการดุเธออย่างสำนึกผิด และก็อ้ำอึ้งตอบรับทุกอย่างที่เธอไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง โดยที่มีฉันยืนอยู่ข้าง ๆ ความรู้สึกในตอนนั้นยอมรับว่าฉันเห็นใจเอมี่ไม่น้อย ยิ่งเมื่อฉันแหงนมองดูท้องของเอมี่ที่โตวันโตคืนก็อดไม่ได้ที่จะทักท้วง
Oscar, please stop. Dont be mad at her. Just forgive her. ความรู้สึกของฉันในตอนนั้นรับไม่ค่อยได้ที่ผู้จัดการดุด่าเพื่อนที่กำลังตั้งท้องขนาดนั้น แม้ฉันจะรู้มาตลอดว่าเพื่อนคนนี้ชอบอู้งานและกินแรงคนอื่น ๆ เป็นประจำ แต่ความสงสารของฉันที่มีให้เธอนั้นมันมากกว่าความสะใจที่ใคร ๆ อาจจะคิดกัน
ผู้จัดการหันมามองหน้าฉันนิดหนึ่ง I have to tell her. If I dont tell her right now, she will never do her job. และก็ตอบอย่างจริงจัง
ฉันเข้าใจว่าคนที่เป็นผู้จัดการต้องการบอกสอนในสิ่งที่ถูกต้องให้กับลูกน้อง แต่ความที่ฉันเป็นคนขี้สงสารมักจะรับไม่ได้ที่เห็นผู้จัดการดุคนท้องเหมือนเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น ยิ่งเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไร ฉันจึงจำเป็นต้องช่วยปกป้องเพื่อนบ้าง
Please dont be angry at her, Oscar. I just wanted to help her. Sometimes I help people without getting paid. I am just happy to help people. Please dont feel bad. คำตอบของฉันดูจริงจังไม่น้อย ทำให้ผู้จัดการเลิกดุเอมี่ทันที โดยที่ฉันเองก็แอบพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ฉันยอมรับว่ารักเพื่อน ๆ ที่รู้จักทุกคน อะไรที่ฉันช่วยเพื่อนได้ ฉันก็ยินดีช่วยเพื่อนเสมอ การทำงานกับสังคมใหญ่ ๆ ฉันไม่ได้คิดหรอกว่าทุนกำไรเป็นอย่างไร คำว่าน้ำใจที่ฉันมีให้เพื่อนนั้นมันวัดกันไม่ได้ด้วยเงินตราและสิ่งของ และมันไม่มีคำว่าทุนกำไรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และฉันก็คิดว่าคำพูดของฉันที่มีให้ผู้จัดการในครั้งนี้ ทำให้ผู้จัดการได้รู้จักผู้หญิงไทยอย่างฉันมากขึ้น
นับตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นผ่านไป ฉันก็มาทำงานปกติทุก ๆ วัน และในวันนี้ฉันก็ต้องทำงานร่วมกับแคชเชียร์ผู้ชาย ชอร์นเป็นแคชเชียร์ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ทำงานอยู่ที่ร้านของฉัน ตลอดเวลาสองเดือนที่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน ชอร์นก็ได้พูดคุยกับฉันหลายอย่าง และก็ทำให้เข้าใจเรื่องราวชีวิตของชอร์นอยู่บ้าง แม้ไม่มากมายแต่ก็เข้าใจในฐานะเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง
วันนี้ชอร์นต้องเข้างานกะเช้าตั้งแต่หกโมงเช้าและก็ต้องอยู่ต่อจนถึงสี่โมงเย็น ส่วนฉันเข้างานตอนสิบโมงเช้าเลิกบ่ายสอง พอเดินเข้ามาที่แผนกแคชเชียร์ ฉันก็เห็นชอร์นส่งยิ้มมาให้แต่ไกลพร้อมทั้งทักทายตามมารยาท ฉันทักทายชอร์นพร้อมทั้งรูดบัตรเข้าทำงานไปด้วย เสร็จแล้วก็หยิบจับส่วนงานที่ต้องรับผิดชอบทำไปพลาง ๆ
พอสักพักชอร์นก็เดินมาคุยด้วย Nat, can you work for me on Tuesday? My girlfriend is coming down to visit me that day. I would like to have day off but I have to work. และก็บอกเล่าความต้องการให้ฉันได้ทราบ
Sure! No problem สำหรับฉันแล้วไม่เคยมีปัญหากับการที่จะช่วยเหลือเพื่อน โชคดีทีวันอังคารนี้ฉันหยุด จึงทำให้สามารถแทนงานให้ชอร์นโดยที่ไม่มีปัญหาใด ๆ
ฉันเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนเป็นอย่างดี เพราะแฟนสาวของชอร์นเรียนหนังสืออยู่ต่างรัฐ ซึ่งก็นาน ๆ ครั้งจึงจะได้พบเจอหน้ากัน ดังนั้นช่วงวันหยุดสปริงเบรคถือว่าเป็นวันหยุดสำคัญที่ชอร์นและแฟนจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน ฉันในฐานะเพื่อนที่ดีก็ต้องช่วยเหลือแบ่งปันน้ำใจเพื่อให้เพื่อนได้มีความสุขกับคนรักด้วย
หลังจากคุยกันเสร็จแล้ว ฉันก็เห็นชอร์นขอบคุณฉันหลายครั้ง ฉันคิดว่าชอร์นคงจะดีใจไม่น้อยกับการที่จะได้หยุดในวันนั้น รอยยิ้มของชอร์นพลอยทำให้ฉันมีความสุขเช่นเดียวกัน สำหรับชีวิตของฉันมีโอกาสได้อยู่กับแฟนตลอด เราสองคนห่างกันก็ตอนที่ฉันออกมาทำงานเท่านั้น และก็เข้าใจความรู้สึกของคนรักที่ต้องอยู่ไกลกันเสมอ เพราะฉันเองก็เคยสัมผัสความรู้สึกตรงนั้นมาเมื่อหกปีก่อน ฉันรู้ว่าความคิดถึงคนที่เรารักมันทรมานมากแค่ไหน ยิ่งความห่างไกลกีดกั้นความรักของคนสองคนด้วย ฉันยิ่งเข้าใจความรู้สึกของชอร์นมากขึ้น
ชีวิตการทำงานของฉันก็ยังคงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่การเรียนรู้ในแต่ละวันนั้นฉันได้สัมผัสเรื่องราวที่ไม่ซ้ำกันแทบทุกวัน พอช่วงบ่ายก่อนออกกะประมาณสามสิบนาที ฉันก็เห็นเด็กผู้ชายประมาณสิบขวบเดินผ่านไปมาหน้าร้าน และก็ล้วงกระเป๋ากางเกง พอสักพักก็เห็นเด็กผู้ชายยืนนับเหรียญที่มีในกระเป๋าทั้งหมด
หลังจากนั้นก็เปิดประตูเข้ามาที่ร้าน ฉันไม่รอช้าทักทายตามมารยาท และคำแรกที่เด็กผู้ชายทักทายฉันนั้นก็ไม่ใช่คำทักทายทั่วไป แต่เป็นคำถามเกี่ยวกับราคาเครื่องดื่ม
How much does a drink cost? ใบหน้าของเด็กผู้ชายบ่งบอกชัดเจนว่าคงเหนื่อยและกระหายน้ำไม่น้อย
ฉันถามเด็กผู้ชายด้วยถ้อยคำสุภาพ What kind of drink do you want, sweetheart?
I want Sprite เด็กผู้ชายตอบรับจริงจัง และก็ล้วงกระเป๋าทันที
ฉันคีย์ข้อมูลขายสไปร้แก้วเล็กให้เด็กผู้ชาย และราคาบวกภาษีเป็นจำนวน 1.68 เหรียญดอลล่าร์ For small Sprite the price is $1.68, sweetheart
พูดจบฉันก็เห็นเด็กผู้ชายยืนนับเหรียญไปพลาง ๆ ส่วนฉันเองก็แอบนับเหรียญที่เด็กผู้ชายมีอยู่ทั้งหมดไปด้วย และก็เข้าใจได้เลยว่าเด็กผู้ชายมีเงินไม่พอ จากนั้นฉันก็กดน้ำสไปร้ใส่แก้วเล็กให้เด็กผู้ชายคนนี้ทันที
Your drink, sweetheart. พูดพลางยื่นน้ำสไปร้ให้เด็กผู้ชายไปด้วย
เด็กผู้ชายไม่กล้ารับเครื่องดื่มจากฉัน และก็อ้ำอึ้งตอบ I dont have enough money.
ฉันส่งยิ้มให้เด็กผู้ชายด้วยความเห็นใจ เพราะฉันรู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร Dont worry, sweetheart. I will pay for the rest พูดพลางล้วงกระเป๋าเงินควักในกระเป๋าตังค์มาจ่ายให้เด็กผู้ชายคนนี้ทันที และก็ส่งใบเสร็จให้เด็กผู้ชายด้วย
Thank you so much, Maam เด็กผู้ชายกล่าวขอบคุณฉันพลางรับใบเสร็จไปด้วย และก็ส่งยิ้มให้ฉันก่อนที่จะเดินจากไป
ฉันมองตามหลังเด็กผู้ชายด้วยความสุขใจ เกือบปีแล้วสินะที่ฉันไม่เคยมีโอกาสได้ไปทำบุญที่วัดเลย นับตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ที่รัฐอลาบาม่า ฉันก็ไม่เคยได้ไปวัดเลยสักครั้ง อันนี้ก็เนื่องมาจากระยะทางเป็นหลัก ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันก็มักจะทำบุญโดยการโอนเงินไปให้พี่สาวที่เมืองไทยช่วยจัดการให้เท่านั้น ดังนั้นประสบการณ์ที่ฉันได้สัมผัส มันทำให้ฉันคิดว่าการทำบุญไม่จำเป็นต้องเข้าวัดเสมอไป การแบ่งปันน้ำใจให้คนเป็น ๆ และคนที่อยู่ชิดใกล้กับเรา ถือว่าเป็นบุญกุศลที่ล้ำค่าไม่น้อย
นับว่าโชคดีที่พ่อแม่พี่น้องและทุกคนรอบข้างสอนให้ฉันเป็นคนมีน้ำใจตั้งแต่เด็ก แม้ฉันจะจากบ้านมาไกลแค่ไหน ข้ามน้ำข้ามทะเลมาสักกี่ฟาก แต่ระยะเวลาไม่เคยลดความมีน้ำใจฉันไปได้เลย ฉันยังคงมีน้ำใจให้กับทุก ๆ คนเสมอ และก็ไม่เคยคาดหวังว่าคนอื่นจะต้องตอบแทนน้ำใจของฉัน เพราะสิ่งที่ฉันได้ทำไปนั้นมันคือความสุขทางจิตใจของฉันมากกว่า และมันเป็นนิสัยของฉันด้วย
ฉันไม่เคยทำบุญหรือแบ่งปันน้ำใจให้คนอื่นเพียงเพื่อหน้าตาของตัวเอง แต่สิ่งที่ฉันทำลงไปในแต่ละครั้งนั้น มันมาจากความสุขและหัวใจที่แท้จริงของฉันต่างหาก ซึ่งความสุขที่แท้จริงของฉัน ก็คือการได้ทำในสิ่งที่ฉันรักและรักที่จะทำด้วยใจ
********************* จบบริบูรณ์*********************
ขอขอบคุณพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนที่เข้ามาอ่านงานเขียนของยีนส์ค่ะ ขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจที่มีให้ยีนส์เสมอมา หากพี่ ๆ เพื่อน ๆ มีคำแนะนำติชม ก็ขอรบกวนบอกยีนส์บ้างนะคะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ _/\_
เรื่องเล่าเรื่องนี้ ยีนส์เขียนมาจากประสบการณ์ชีวิตที่ตัวเองประสบพบเจอเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่ผ่านมาค่ะ ยีนส์อยากเอามาแบ่งปันพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนได้อ่านกันค่ะ
สังคมต่างแดนที่ยีนส์พบเจอมา มีทั้งจุดที่ดีและไม่ดีแตกต่างกันตลอด ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องราวมากมายสักแค่ไหน แต่ความเป็นคนที่หัวใจยีนส์เป็นอยู่ก็ยังคงเหมือนเดิม ยีนส์รักที่จะเรียนรู้และเก็บเรื่องราวเหล่านี้มาแบ่งปันทุก ๆ คนได้อ่านเสมอค่ะ ไว้มีโอกาสได้เขียนเรื่องเล่าต่างแดนอีก ยีนส์จะเอามาแบ่งปันพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนได้อ่านกันอีกนะคะ ^ - ^
จากคุณ :
roslita
- [
17 มี.ค. 51 10:43:10
]
|
|
|