Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องเล่าต่างแดน....อยู่ที่ไหนน้ำใจเต็มเปี่ยม

    เรื่องต่างแดน....ผ้าห่มอุ่นใจ...จากใครคนหนึ่งที่ฉันรัก

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6411876/W6411876.html

    เรื่องเล่าต่างแดน...อยู่ที่ไหนน้ำใจเต็มเปี่ยม

    วันนี้อากาศไม่ค่อยดีมากนัก เพราะมีเม็ดฝนโปรยลงมาแต่เช้า โชคดีตอนที่ฉันขับรถออกจากบ้านฝนหยุดตกเสียแล้ว ทำให้การเดินทางไปทำงานในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น แม้ถนนหนทางจากบ้านไปยังที่ทำงานจะเปียกแฉะอยู่บ้าง แต่ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทำให้การขับรถในแต่ละครั้งไม่เคยพบเจออุปสรรคใด ๆ เลย

    เมื่อมาถึงจุดหมายแล้ว ฉันก็จอดรถตรงจุดที่ทางร้านจัดไว้ให้ จากนั้นก็ค่อย ๆ ปลดเข็มขัดนิรภัยออกช้า ๆ และก็ปิดแอร์และซีดีเพลงให้เรียบร้อย พร้อมทั้งหมุนกุญแจปิดเครื่องยนต์ทันที และก็ปลดล็อกรถก่อนที่จะเปิดประตูเดินออกมาจากรถ ฉันเดินสำรวจรอบ ๆ รถ เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองจอดรถตรงเส้นขอบที่ทางลานจอดรถได้กำหนดเอาไว้ เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็ไม่ลืมที่จะล็อกรถก่อนที่จะเดินเข้าไปที่ทำงาน

    อากาศในวันนี้เย็นฉ่ำเพราะมีฝนตกลงมาแต่เช้า แม้ว่าฤดูนี้จะเป็นปลายฤดูหนาวที่จะย่างเข้าฤดูสปริง (ใบไม้ผลิ) ของที่นี่ แต่ในบางวันอากาศก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอด แน่นอนไม่ว่าสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไรบ้าง แต่ฉันก็ยังมาทำงานและรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองเสมอ

    วันนี้ฉันมาทำงานเร็วกว่าปกติ และเร็วกว่าเวลาที่กำหนดประมาณสิบห้านาที เมื่อมาถึงที่ทำงานฉันก็ถือโอกาสทักทายผู้จัดการตามมารยาท และก็ถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องงานด้วย

    “Are you busy? Do you need me to clock in right now?” ฉันเป็นคนที่รักการทำงานเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อมาถึงที่ทำงานก็ไม่อยากยืนดูดายอย่างเดียว

    “No, please wait until 10.00 am” ผู้จัดการตอบพลางจัดเรียงเอกสารไปด้วย ฉันเข้าใจดีว่าทางผู้จัดการใหญ่ต้องการให้พนักงานทุกคนทำงานเป็นระบบ และก็ไม่อยากให้ใครทำงานล่วงเวลา เพราะช่วงนี้ทางเจ้าของร้านไม่ต้องการที่จะให้ชั่วโมงพนักงานแต่ละคนเกินเลยที่กำหนดเอาไว้ เพราะนั่นหมายถึงว่าจะต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้พนักงานด้วย

    ฉันตอบรับอย่างเข้าใจ “OK” และก็ไม่ได้สนใจมากนัก เมื่อผู้จัดการอยากให้ทำงานตรงเวลาที่กำหนด ฉันก็ยินดีทำตามเสมอ ไม่ว่าฉันจะทำงานมากหรือน้อย เป้าหมายชีวิตของฉันก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยสักนิด ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเสมอต้นเสมอปลาย

    ฉันยืนอยู่ตรงจุดทำงานของแคชเชียร์ทั้งหมด และก็ทอดสายตามองดูผู้คนเดินผ่านไปมา ส่วนใจของฉันก็คิดเรื่องราวหลายอย่างที่อยากจะขีดเขียนในค่ำคืนนี้ แน่นอนฉันไม่เคยปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉย ๆ สมุดโน๊ตเล็ก ๆ กับปากกาด้ามหนึ่งที่พกติดตัวไปด้วย ฉันก็มักจะคว้ามันมาจดได้ตลอด ยิ่งถ้าช่วงเวลาที่ฉันไม่ได้ทำงาน ฉันก็มักจะคิดเรื่องราวได้ไม่รู้จักเบื่อเลยสักครั้ง

    วันนี้พนักงานแคชเชียร์ที่เข้ากะเช้ามีเพียงคนเดียวก็คือ Amy (เอมี่) นั่นเอง แม้เอมี่จะท้องสี่เดือนแล้ว แต่เธอก็ยังทำงานอยู่เหมือนเดิม ฉันเข้าใจดีว่าเอมี่มีภาระและความรับผิดชอบหลายอย่าง ดังนั้นชีวิตของเธอจึงไม่ง่ายมากนัก แม้ว่าสามีของเธอจะทำงานเช่นกัน แต่รายได้ของเธอและสามีรวมกันแล้ว ก็ยังไม่สามารถที่จะแบ่งเบาภาระหนี้สินที่สร้างด้วยกันได้เลย

    ฉันทักทายเอมี่ตามมารยาทและก็ปล่อยให้เธอทำงานตามหน้าที่ไป ตลอดเวลาที่ทำงานกับเอมี่นั้น ฉันได้เรียนรู้และเข้าใจเสมอว่า เอมี่มักจะอู้งานและไม่ค่อยรับผิดชอบงานมากนัก เธอไม่ได้ขี้เกียจตอนที่เธอกำลังท้องอยู่ แต่ความขี้เกียจของเธอมีมาตั้งแต่ยังไม่ตั้งท้องเสียอีก ซึ่งก็ไม่ใช่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่รู้ เพื่อน ๆ แคชเชียร์หลายคนก็รู้ดีมาตลอด เพียงแต่พวกเราไม่มีใครพูดบ่นอะไร เพราะถือว่าอนุโลมให้คนท้องได้

    เมื่อเอมี่เห็นฉันยืนคิดอะไรไปพลาง ๆ เธอก็วิ่งไปพูดคุยกับเพื่อนที่ออฟฟิตด้านหลัง โดยที่เธอไม่สนใจงานที่ตัวเองรับผิดชอบเลย ส่วนทางด้านผู้จัดการนั้นก็เดินไปเคลีย์เอกสารกับพวกพนักงานที่ดูแลเรื่องอาหารพร้อมทั้งนับจำนวนรายการสินค้าที่ทางบริษัทมาส่งให้ด้วย

    ช่วงที่ฉันยืนคิดอะไรไปพลาง ๆ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ข้าง ๆ เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ดังขึ้น ซึ่งคนที่ทำหน้าที่รับโทรศัพท์ของทางร้านก็คือ แคชเชียร์เท่านั้น แต่ถ้าหากในช่วงเวลานั้นแคชเชียร์ยุ่งจริง ๆ พนักงานคนอื่น ๆ ก็สามารถช่วยรับโทรศัพท์ได้

    ในบริเวณที่ทำงานของฉันมีโทรศัพท์ตั้งไว้ทุกจุดทุกมุมไม่ต่ำกว่า 10 เครื่อง ซึ่งก็หมายถึงว่าไม่ว่าแคชเชียร์จะเดินไปมุมไหน หากโทรศัพท์ดังขึ้นคุณก็สามารถรับผิดชอบหน้าที่ได้เสมอ ขึ้นอยูที่ว่าแคชเชียร์แต่ละคนจะมีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานของตนมากน้อยเพียงใด

    ในช่วงเวลานั้นฉันปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังไปสามครั้ง แต่ก็ยังไม่มีคนรับสายสักที พอเสียงโทรศัพท์ดังครั้งที่สี่ฉันก็ถือวิสาสะรับสายทันที เพราะคิดว่าถ้าตัวเองไม่รับก็คงไม่มีคนรับแน่นอน อีกอย่างฉันก็อยากช่วยเอมี่ด้วย

    ซึ่งในตอนนั้นฉันคิดว่าเอมี่คงจะกำลังคุยธุระสำคัญอะไรกับเพื่อนด้านหลังอยู่ก็ได้ เมื่อรับโทรศัพท์เสร็จแล้ว ฉันจึงได้รู้ว่า ลูกค้าที่โทรมานี้ต้องการพูดสายกับผู้จัดการอีกคนหนึ่ง ปกติแล้วเวลาที่มีโทรศัพท์เข้ามาไม่ว่าจะเป็นเรียนสายกับใคร หน้าที่ของแคชเชียร์ก็ต้องประกาศให้คน ๆ นั้นรับโทรศัพท์ทันที

    “Oscar, please pick up line one for catering” และก็ถือโอกาสพูดซ้ำอีกครั้งอย่างง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องเป็นทางการมากนัก

    “Oscar, line one for catering please” เมื่อประกาศเสร็จฉันก็วางหูและก็ยืนอยู่ที่เดิม พลางมองดูนาฬิกาข้อมือว่าได้เวลาที่ต้องรูดบัตรทำงานได้หรือยัง แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นฉันมีเวลาเหลืออีกตั้งสิบนาที สิ่งที่ฉันทำได้ก็คือยืนคิดและทอดสายตาดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาเท่านั้น

    เมื่อออสก้าเดินมารับโทรศัพท์ด้านหน้าก็หันมาถามฉันทันที “Where is Amy?”

    ฉันตอบผู้จัดการไปตามความจริง “I saw her walk to the back”

    มีต่อค่ะ
    v
    v
    v

    จากคุณ : roslita - [ 17 มี.ค. 51 10:37:05 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom