ความคิดเห็นที่ 1
องก์ที่ 3 : วิไลวรรณ
บทที่ 17
วิไลวรรณเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากได้นอนหลับเอาแรงเพื่อเตรียมพร้อมกับการผจญภัยในค่ำคืนนี้ แม้จะหลับเพียงไม่นานแต่เด็กสาวก็ยังอุตส่าห์ฝัน ... เธอฝันถึงสมัยเป็นเด็กประถมที่จำเป็นต้องย้ายโรงเรียนมาที่เชียงใหม่แห่งนี้ ที่ซึ่งทำให้ได้พบเจอกับเกศนีย์เพื่อนรัก รวมถึงได้รู้จักกับเพ็ญรตาและธารนทีในเวลาต่อมา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทั้งสี่คนก็ได้เป็นเพื่อนรักกัน ไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มเดียวกันตลอด กระทั่งเกิดเหตุแห่งความสูญเสียครั้งสำคัญที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ทั้งตัวเธอและเพื่อนคนอื่นเองก็ไม่อยากจะเชื่อ
เกศนีย์เพื่อนรัก ... รออีกนิด ! พวกเราจะช่วยให้เกดฟื้นคืนชีวิตให้ได้ !
ด้วยความฝันที่หวนสู่วัยเด็กเมื่อสักครู่ มันยิ่งเพิ่มพลังใจที่จะสามารถเอาชนะฟันฝ่าอุปสรรคของเด็กสาวให้มีมากขึ้นนับเท่าทวี ทว่าในความมุ่งมั่นของเธอนั้นกลับมีบางสิ่งสะกิดใจอยู่ ความฝันในกาลอดีตแห่งความทรงจำ ... มีบางอย่างที่ชวนให้นึกสงสัย
ทำไมเธอถึงต้องย้ายมาที่เชียงใหม่นี้ ? มีเหตุผลบางอย่างที่นึกไม่ออก ? ... บางทีมันอาจไม่สลักสำคัญ หากแต่บางทีมันอาจจะสำคัญมากจนเกินไป ... มากเกินกว่าจิตใจในวัยเด็กจะสามารถฝืนจดจำได้ ?
คิดนึกไปก็เปล่าประโยชน์เพราะไม่เห็นหนทางที่จะสะกิดต่อมความจำได้แม้สักนิด ครั้นเมื่อวิไลวรรณเดินลงบันไดไปหาพ่อแม่ที่ชั้นล่างก็ไม่ปรากฏร่างของท่านทั้งสอง มีแต่เพียงกระดาษใบน้อยข้างกับข้าวบนโต๊ะอาหาร
เห็นหลับแม่เลยไม่ปลุก วันนี้พ่อกับแม่มีธุระจะกลับค่ำๆ กินข้าวไปก่อนเลยนะ จากแม่ นั่นคือข้อความในกระดาษ
สาวน้อยอดีตนักกรีฑานั่งรับประทานอาหารเย็นจนเสร็จสรรพ ล้างถ้วยจานหมดก็เกือบๆจะหกโมงเย็น หากพ่อและแม่ยังไม่กลับเธอก็จะต้องเผชิญหน้ากับผีร้ายเพียงคนเดียว ... ทว่าเด็กสาวยังใจชื้นด้วยบ้านเธอนั้นอยู่กลางชุมชน หากมีปัญหาอะไรก็น่าจะสามารถพึ่งพาคนอื่นได้
ดังนั้นในความคิดของสาวรันแล้ว ปัญหาที่สำคัญยิ่งกว่าการที่ต้องอยู่คนเดียวนั่นก็คือ เธอต้องเผชิญหน้ากับตัวอะไรกันแน่ ? ปิศาจเผ่าพันธุ์แวมไพร์ดูดเลือดตามความฝันของธารนทีอย่างนั้นหรือ ? ... มันมีจริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ??
แสงลำสุดท้ายของตะวันกำลังจะลับฟ้า วิไลวรรณอยู่ในห้องนอนชั้นบนของตัวบ้าน เธอเหม่อมองไปด้านนอก มีผู้คนตามถนนด้านล่างมากมายซึ่งนั่นทำให้เด็กสาวยังพออบอุ่นใจ และเมื่อเห็นว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้นรันจึงถอยกลับมานั่งบนเตียง ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเด็กสาวสังเกตเห็นว่ายามเย็นนี้กลับมีหมอกสีขาวจางๆลอยล่องเจืออยู่ในบรรยากาศ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนักด้วยเพราะมัวแต่กังวลเรื่องที่ต้องเผชิญในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ซึ่งหากวิไลวรรณยืนชิดขอบหน้าต่างต่ออีกสักหน่อยล่ะก็ เธอจะได้เห็นผู้คนข้างนอกที่สักครู่เดินกันขวักไขว่ค่อยๆล้มลงทีละคนสองคน แปรผันตามความเข้มของหมอกสีขาวซึ่งทวีมากขึ้นเรื่อยๆ และบัดนี้นั้นผู้คนรอบๆบ้านของเธอล้มสิ้นสติกันหมด และพื้นที่การหมดสติของผู้คนยิ่งกว้างมากขึ้นเรื่อยๆตามรัศมีของหมอกลึกลับที่แผ่ขยายจนครอบคลุมไปทั่วเมืองเชียงใหม่
วิไลวรรณกลับมานั่งที่เตียงนอน ในใจครุ่นคิดคำถึงเรื่องเกศนีย์เพื่อนรักและยังกังวลกับเรื่องที่ต้องเผชิญหน้า ตุบ ! ครึ่ก ! เสียงคล้ายของหนักๆตกลงบนพื้นดังด้านล่างของตัวบ้าน
วิไลวรรณสะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันที หัวใจเต้นเร็วเป็นตีกลอง โสตสัมผัสตื่นเพริดเพื่อรับสรรพสำเนียงต่างๆที่อาจจะดังอีกครั้ง ไม่มีเสียงผิดปกติอื่นใดอีก
สาวนักกรีฑาเหลียวซ้ายแลขวา ในห้องไม่มีอะไรผิดปกติ จะมีก็แต่เพียงความเงียบเท่านั้น มันเป็นความเงียบที่เงียบสนิทจริงๆ เงียบเสียจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเต้นของหัวใจ รันตัดสินใจเด็ดขาด ค่อยๆเดินไปที่ประตูห้อง เธออยากจะรู้ให้ได้ว่าเสียงประหลาดเมื่อครู่เป็นเสียงอะไรกันแน่
วิไลวรรณค่อยๆเปิดประตูแง้มออกไปช้าๆ ด้านนอกตลอดทางเดินไปจนถึงบันไดทางลงนั้นไม่มีใครหรือสิ่งผิดปกติแปลกปลอม เมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กสาวจึงค่อยๆเดินออกไปที่บันไดที่จะนำไปสู่ชั้นล่างของตัวบ้าน
ใครน่ะ ? พ่อกับแม่หรือเปล่า ? วิไลวรรณตะโกนถามเพื่อหยั่งเชิง ความเงียบคือคำตอบ ?
รันรู้สึกใจสั่นหวิว มีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ ? เด็กสาวค่อยๆก้าวลงบันไดทีละขั้น จนในที่สุดขาอันสั่นเทาก็นำตัวเธอลงมายังชั้นล่างได้สำเร็จ ทั่วทั้งบ้านเงียบกริบราวป่าช้า สาวรันสอดส่ายสายตาเพื่อที่จะหาสิ่งผิดปกติที่ก่อกำเนิดเสีงประหลาดเมื่อสักครู่ และเมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังคงไม่มีอะไรที่ผิดสังเกต เด็กสาวจึงเดินช้าไปยังส่วนด้านหน้าของตัวบ้าน
วิไลวรรณเปิดแง้มประตูหน้าบ้าน หัวใจดวงน้อยแทบจะหล่นไปที่ตาตุ่ม ผู้คนบนท้องถนนที่บัดนี้ปกคลุมด้วยสายหมอกลึกลับ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ตกอยู่ในสภาพแห่งห้วงนิทรา นั่นคือสลบไสล ... นอนนิ่งไม่ไหวติงแม้สักคน !?
เด็กสาวยืนตัวสั่น ถึงตอนนี้เธอรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร นี่คือสถานการณ์ตัวต่อตัว ... สถานการณ์ที่คนกับผีต้องเผชิญหน้าเป็นแน่แท้ !
จากคุณ :
Luckard
- [
24 มี.ค. 51 21:27:16
]
|
|
|