ม.ปลายสายสะดือ
ตอน 2
เผาศพตัวเอง...ในวันเกิดตัวเอง
หมายเหตุ ขอคงสำนวนแรงๆ (เท่าที่จะนำเสนอได้) เอาไว้ เพื่อสื่อสิ่งที่เพื่อนซึ่งตายไปแล้ว ให้ออกมาได้ใกล้เคียงที่สุดนะครับ
..........................................................................
10/ตุลา/44 23:43 น. เฮ้อ..สับสน
เผาศพตัวเอง...ในวันเกิดตัวเอง
จะมีใครหน้าไหนคิดเหมือนผมรึปล่าว...ว่ามันคงจะเป็นความรู้สึกที่ คนตายคงจะอ้างว้างพิลึก ...ก็
วันเกิดของตัวเองกลับกลายเป็นวันที่ร่างกายต้อง มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน
... เรารู้สึกแย่นะ ที่ ศพตู่ต้องรีบเผา แล้ววันเผามันตรงกับวันเกิดของตู่ ... แพทย์ที่ชันสูตรศพ บอกว่าตู่ตายมาเกือบสิบหกชั่วโมง รวมทั้งฤทธิ์ยาเบื่อหนูที่ตู่กินเข้าไปด้วย กว่าเราจะเจอ ตู่ก็เริ่มเน่าแล้ว
....แต่ที่เราทนไม่ได้! ก็คือรอยกรีดที่ข้อมือของตู่ ซึ่งตู่คงจะกรีดก่อนที่จะกินยาบ้าๆ พวกนั้น
...พอ ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่ายังไงตู่ของเราก็ไปดีแล้ว เราหวังว่าวิญญาณของตู่คงจะเข้าใจในสิ่งที่พ่อแม่ของตู่ ท่านรีบเผาศพตู่นะ
...ก็เพราะศพของตู่จะเก็บไว้ได้ลำบาก...พอจะทำพิธีเจ็ดวัน เหมือนทั่วไปก็ทำไม่ได้ ...เพราะว่าวันพรุ่งนี้
(หลังวันเกิดตู่นั่นแหละ)มันติดช่วงวันพระใหญ่ ต่อไปจนถึงออกพรรษา ... ดังนั้นพ่อแม่ของตู่ แม้ท่านทั้งสองเสียใจกับการจากไปของตู่มาก
...แต่ท่านก็ต้องจัดการกับงานศพตู่ ให้เรียนร้อยก่อน..ตู่คงเข้าใจท่านทั้งสองนะ
ตู่...วิญญาณของตู่ จะรู้บ้างไหม ว่าอย่างน้อยก็ยังมีพวกที่เหมือน ขบถ ในโรงเรียน อย่างกลุ่มของพวกเรา จริงใจและยังรักตู่ไม่เคยเปลี่ยน...แต่...มันมีอีกเรื่องหนึ่งที่เรารับไม่ได้ในงานศพของตู่
(นอกเหนือจากไอ้อาเลวๆของตู่ที่ทำทีเป็นเจ้ากี้เจ้าการในการจัดการจัดงานศพให้ตู่ ...ทั้งๆที่มันนั่นแหละ เป็นตัวทำลายชีวิตตู่ โดยที่พ่อแม่ของตู่ท่านไม่รู้ถึงความเลวของมันเลย....)
...ไอ้เรื่องที่เรารับกันไม่ได้อีกเรื่อง นั่นก็คือ วันนี้...เพื่อนที่ไปงานศพของตู่ มีแต่เพื่อนห้องเราไม่กี่คน เพราะโรงเรียนไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และพยายามปิดเรื่องนี้ไว้
...เออ...ปิดได้...ปิดกันไป ไอ้โรงเรียนเฮงซวย...นี่มัน ความจริง นะโว๊ย ที่นักเรียนตาย แต่โรงเรียนปิดบัง ... ทำไม (ขอโทษนะตู่ที่เราใส่อารมณ์อีกแล้ว)
...ตู่คงจำเรื่องฉาวๆคาวๆในโรงเรียนได้ใช่ไหม..อย่าง
ครูฝึกสอน แอบได้เสียกับนักเรียนหญิง...ฝ่ายการเงินโกงเงินโรงเรียน ...ครูหญิงตบครูหญิง เพราะแย่งแฟนกัน ...ครูบาดหมางใจกัน เพราะโกงค่าแชร์...ครูบางคนนึกว่าตัวเองเป็นพวกผู้มีบุญ ชอบพูดเพ้อเจ้อเรื่องพลังอำนาจบ้าๆบวมๆ ทีอย่างเนี๊ย โรงเรียนปิดบังกันดีนัก
โธ่...แล้วทีนักเรียนเอนทรานซ์ได้กี่คน เอามายืนหน้าเสาธง
อวดคุณภาพของโรงเรียน
....เปิดเผยกันจัง พูดกรอกหู...พูดชมเชยอยู่นั่นแหละ.... โรงเรียนนี้ คงสร้างแต่ เด็กเก่ง...ไม่ได้สร้าง เด็กดี...หรือเด็ก ที่กล้าคิดแตกต่าง และมองโลกอย่างกว้างขวาง (กว่าอาจารย์บางท่าน)...
อยู่ไปก็เหมือนเด็กขวางโลก เด็กแก่แดด เด็กมีปัญหา...ใหคนอื่นเค้าประณามปล่าวๆ ...เบื่อว่ะ...ลงไปเอานมในตู้เย็นมากินดีกว่า...
ตู่ดูนะ อีกไม่กี่วันหรอก..จะมี อีเมล์สนเท่ ประจานสิ่งเหล่านี้ใน เวบไซด์ ของโรงเรียน รอดูเถอะนะ ใน เวปบอร์ด ...มันจะมีอะไรอยู่...เอาวะ....งานนี้ โดนไล่ออกก็ยอม เพราะอย่างน้อยก็ได้ประจน ความจริง ให้โลกได้รับรู้ล่ะวะ....
..........................................................................
10/ตุลา/44 23:50 น. รู้สึกว่า...เราคงเจออะไรสักอย่างเข้าแล้ว
โครตน่ากลัวเลย...พูดแล้วขนลุก เคยรู้สึกบ้างไหม ในตอนดึกๆ ที่คุณ นอนไม่หลับ และเดินลงไปชั้นล่าง เพื่อที่จะต้มมาม่า หรือกินนมในตู้เย็น
...ในความมืดที่คุณเดินผ่าน (แม้มันจะเป็นบ้านตัวเองก็ตามเถอะ) เหมือนมีใครแอบมองคุณอยู่ หรือ มีสิ่งที่น่ากลับแอบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง..บางครั้ง...เหมือนมีลมวูบผ่านตัวคุณไป ให้เสียวสันหลัง...
ไม่รู้สิ...ผมกลัวนะ แล้วยิ่งนึกถึงเมื่อตอนกลางวัน ศพตู่เพิ่งเผาไปหยกๆ ...แต่ก่อนที่จะเผา...มีการเปิดโลงครั้งสุดท้าย
...โอย
มันเป็นภาพที่ปวดร้าวและน่ากลัวมาก...ดวงตา..ดวงตาของตู่ ไม่ปิด! มันลุกโพลงเหมือนเคียดแค้นใครสักคน ...อยากให้ตายตกไปตามกัน ...
ผมและเพื่อนๆตกใจกันมาก...โดยเฉพาะผมกับยัยแหม่ม เพราะผมกับยัยแหม่มเห็นกับตา ว่าตำรวจที่มาบ้านตอนที่พบศพตู่
เอามือลูบดวงตาของตู่ปิดลงไปแล้ว...ว...เฮ๊ย...นี่มันอะไรกัน !
.... จู่ๆตอนนี้ ผมก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว...เหมือน เหมือนกับมีคนเดินผ่านหลังไป แล้วเย็นท้ายทอย เหมือนมือใครมาจับ...ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว...ผมรู้สึกแย่จริงๆอยากจะร้องไห้
วิญญาณตู่มาหาผมหรือนี่
หรือว่าจิตของผมกับตู่สื่อถึงกันเพราะอยากให้ผมทำอะไรให้ เพื่อที่ตู่จะได้ไปสงบ
...โอย...โอย...โอย...แต่...แต่สิ่งที่น่ากลัวอีกอย่างนึง ที่คงมีแต่เรากับยัยแหม่มเห็นน่ะสิ...มันคืออะไร!?
ตอนที่ไฟที่เผาศพมอดลงไปแล้ว ผมกับยัยแหม่ม ไปดูสิ่งที่หลงเหลืออยู่จากเปลวไฟ...มีสิ่งหนึ่งที่มันไม่ไหม้ไฟ ... มันคือ
ก้อนเนื้อก้อนเล็กๆ สีคล้ำๆเหมือนมันเน่ามานานแล้ว ปะปนอยู่ในกองเถ้า
...ซึ่งไอ้เนื้อก้อนนี้...มันเหมือน...มันเหมือน...มันเหมือนกับ
ตัวอ่อนของเด็กที่อยู่ในท้องแม่สักสองเดือน...ที่เคยเห็นมาในหนังสือสุขศึกษาเลย...!
...มันอะไร...มันอะไรกัน...
ผมกับยัยแหม่มจ้องหน้ากันเลิ่กลั่ก...ต่างคน ต่างกลัว และไม่รู้ว่าก้อนเนื้อนั่นคืออะไรแน่...และทำไมไม่มีคนอื่นเห็นเลย....!
โอ๊ย ...เป็นอะไรไปวะ...จู่ๆตอนนี้ผมร้องไห้...น้ำตาผมไหล หยดลงมาบนกระดาษที่ผมเขียน
มันอึ้ง มันเป็นอะไรไม่รู้..หรือว่าตู่มาหยอกล้อเรา เหมือนกับตอนเมื่อกี้ ที่เราลงไปเอานม ..แล้วผมได้กลิ่น เหมือนกลิ่นแป้งหอมเอเวอร์เซนส์สีม่วง ที่ตู่ชอบใช้...แล้วได้ยินเสียงเหมือนคนมาเคาะประตูหน้าบ้าน
สามครั้ง...หยุด แล้วต่ออีกสองครั้ง
...เพราะมันเป็นเหมือนสัญญาณ ระหว่างผมกับตู่ จะได้รู้ว่าตู่มาหา
...โอ๊ย...อะไรกันวะ...กลัว..สับสน...สงสารเพื่อน...:-)ความรู้สึก เหล่านี้ มันตีกันมึนไปหมดทั้งหัว นอน...ผมนอนดีกว่า ...ไม่ไหวแล้ว พรุ่งนี้มาเขียนต่อ... ว่าแต่ผมจะหลับลงเหรอ..?...โอ๊ย...
..........................................................................
11/ตุลา/44 8:30 น. นอนไม่หลับทั้งคืน
โทรมแน่ๆโคตร...โคตร...โคตรทรมานมาก กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงจนฟ้าสว่างคาตา เพราะไอ้เราพอหลับตา หรือข่มตาจะให้มันหลับ ...กลับนึกถึง
ภาพของตู่ ตั้งแต่ตอนเราไปเจอศพ..กับภาพตอนที่ตู่เปิดฝาโลงครั้งสุดท้าย (ที่ดวงตาของตู่ไม่ปิด) และภาพก้อนเนื้อก้อนนั้น
...ภาพเหล่านี้ มันติดตา และเป็นความรู้สึกแย่ๆ
เหมือนครั้งหนึ่ง ผมเข้าไปในมหาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่..ตอนที่เดินอยู่ข้างถนนในมหาลัยนั้นน่ะ...มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ขี่มอร์เตอร์ไซค์จะไปเรียน แต่กระโปรงของเธอยาวมาก
...เธอขี่ผ่านผมไปประมาณยี่สิบเมตร จู่ๆชายกระโปรงก็เข้าไปพันกับล้อรถ...มันแย่มากกับภาพที่เห็น...ผมคงไม่ต้องบรรยายอะไรมากนะ..นอกเสียจากว่า
เธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุคาที่ ต่อหน้าต่อตา ...รถพังยับเยิน...ล้อหน้าพัง แต่ยังหมุนค้างอยู่เสียงมันดัง หลุน หลุน หลุน...หัวเธอน๊อคพื้น มันสมองสีขาวปนแดง มันเป็นเมือกขุ่นๆ ไหลออกมากองข้างๆ กระเป๋าถือ ที่กระเดนมาอยู่ใกล้ๆ เลือดไหลเปรอะไปทั่วเสือนักศึกษาเสียงผู้คนตกใจโหวกเหวก
...ซึ่งไอ้ภาพแย่ๆนี้ มันยังติดตาผมมาจนถึงทุกวันนี้เหมือนๆกับภาพในอดีต ที่ผมขี่มอร์เตอร์ไซค์กลับบ้าน...แล้ว เจอศพเด็กใส่ชุดลูกเสือ นอนคว่ำอยู่บนพื้น มีเลือดไหลนองจากศีรษะที่คว่ำอยู่...ข้างๆมีมอร์เตอร์ไซค์พังยับ กองอยู่ข้างๆ
...ผมไม่ได้เป็นโรคจิต แต่ผมกลัวกับภาพที่ติดตาเหล่านี้มาก
....ภาพของตู่ก็เช่นกัน...โอย...ครั้งที่ผมพบศพตู่ครั้งแรก ผมทั้งกลัว ทั้งมึนงง ทั้งสงสาร...ผมทำอะไรไม่ถูก
ศพตู่นั่งอยู่กับพื้น หลังพิงกับเตียง คอตู่ตก ใบหนามองตรงมาข้างหน้า ดวงตาของตู่เบิกโพลง..ปากตู่อ้ามีคราบน้ำลาย และผงยาเบื่อหนู เกรอะกรงเป็นวงไปทั่วปาก...ทั่วหองมีผงยาเบื่อหนูกระจายอยู่...พัดลมเพดานยังพัดเอื่อยๆเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด สร้างบรรยากาศให้มันกดกัน...กลิ่นคาวจากเลือด และอ๊วก คลุ้งไปทั่วห้อง
...ในอ๊วกกองหนึ่ง ...ผมเห็น เศษลูกชิ้น ที่ผมกับตู่ซื้อกินกันในโรงเรียนที่ร้านป้าหล่ำ เมื่อตอนเย็นก่อนจะกลับบ้าน...ผมรู้สึกอยากอ๊วกขึ้นมา...ผมรีบวิ่งไปห้องน้ำ แล้วอ๊วก...อ๊วก...น้ำย่อยสีเขียว-ขาวในกระเพราะออกมาแทบหมด...เพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้า กะจะไปกินกับตู่ที่โรงเรียน
...มึน...มึน....ไม่ไหว...ไม่ได้นอน...ชักมึน...ดีนะ ที่วันนี้เป็นวันเสาร์ไม่ต้องไปโรงเรียน..พ่อเลี้ยง กับแม่ ก็ออกไปทำงานกันตั้งแต่เช้าแล้ว...นอนต่อสักงีบดีกว่า
...........................................................................
44/ตุลา/44 บ่ายสองกว่าแล้วโว้ย (แต่ยังมึนๆชิบเป๊ง)
นี่ถ้าพ่อเลวๆของผมตาย...ผมคงไม่ร้องไห้เท่านี้
...มันเป็นสิ่งที่ผมนึกในใจ เมื่อวานนี้-ขณะที่จ้องมองผ่านม่านน้ำตา ไปยังเมรุซึ่ง ศพของตู่ถูกเผาด้วยไฟมอดไหม้
...ถ้าเป็นคุณ ใจคุณคงแทบจะขาดเหมือนกัน กับการจ้องมอง คนที่คุณรักให้กลายเป็นเถ้าถ่านไปต่อหน้าต่อตา...สำหรับผม...ตั้งแต่หลุดออกมาจากท้องแม่...ก็เมื่อวานแหละ เป็นครั้งที่สองที่ผมเสียใจที่สุดในชีวิต
อืม...เจ็ดปี...ผ่านมาเจ็ดปีกว่าแล้วสินะ...ครั้งแรกครั้งนั้นที่ผมร้องไหฟูมฟายเหมือนใจจะขาด...มันเป็นครั้งที่ไอ้พ่อที่แสนเลวของผม หลอน จากยาบ้า ทุบตีแม่ผม จนแม่แทบสลบ
...ผมร้องไห้ทั้งน้ำตาผวาเข้าไปกอดเข้าไปปกป้องแม่...สองมือที่ผมยกพนมวิงวินไอ้พ่อใจทราม อย่าทำอะไรแม่...แต่กลับได้รับสิ่งตอบสนองคือ หน้าแข้งของพ่อเลวๆ ที่เตะอัดเข้ามาที่ลำตัวของผมซึ่งเอาบังปกป้องแม่อยู่
...หึ..แค่นั้นยังไม่พอ
หากคุณอ่านหนังสือพิมพ์กรอบเช้าหลายฉบับ วันต่อมาเมื่อเจ็ดกว่าปีก่อน...คุณจะพบกับพาดหัวข่าว
พ่อใจสัตว์ เมายาบ้า...มีดจี้คอลูกสาว
...ใช่
เด็กผู้หญิง ในข่าว... คือผมเอง!
ไม่...คุณเข้าใจไม่ผิดหรอก
ผมนี่แหละ...คือเด็กผู้หญิงคนนั้น...?
หมายเหตุ : มีภาพข่าววันนั้นที่ผู้เขียนได้ตัดเก็บไว้ แต่ขออนุญาตไม่เอามานำลง เพื่อให้เกียรติ์แก่เธอ
จากคุณ :
เอ๋taxiครับผม
- [
29 มี.ค. 51 15:33:05
]