โลกของซัน
เสียงละเมอสะอื้นผ่านความมืดสลัว เด็กชายตัวอ้วนกลมนอนขดตัวบนเตียง
คราบน้ำตายังหลงเหลือบนแก้ม มือของเด็กชายยังกำดินสอไว้แน่น บ้านทั้งหลังเงียบกริบ
"ซันครับ แม่ขอโทษ" นภาก้มตัวลงแตะแก้มที่เปื้อนน้ำตา เหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา
ยังติดตรึงในความคิด
ตอนเย็นหลังโรงเรียนเลิก นภาไปรับลูกชายที่โรงเรียน
"น้องซันไม่ยอมเขียนหนังสือเลยค่ะ คุณแม่" คุณครูไก่ ครูประจำชั้นปรัถมปีที่4 เดินเข้ามาฟ้อง
"นี่คุณครูก็บังคับให้เขียน แต่เป็นชั่วโมงแล้ว น้องซันก็เขียนไม่เสร็จสักที จนโรงเรียนเลิกก็ไม่ยอมเขียน"
ครูไก่ ยังรัวใส่เป็นชุด
"การบ้านก็ไม่ทำ ยังงี้เรียนตามเพื่อนไม่ทันนะคะ คุณแม่"
นภาฟังแล้วอารมณ์พุ่งปริ้ด กวาดสายตามองหาเจ้าตัวยุ่ง ดูทีรึ งานก็ยุ่งรัดตัวอยู่แล้ว
ยังมาต้องรับฟังปัญหาลูกที่ดื้อด้านอีก
โน่นแน่ะ เธอเห็นร่างอ้วนกลมวิ่งเล่นอยู่กลางสนามเด็กเล่น ส่งเสียงแจ้วๆ
"ต้องขอโทษคุณครูด้วยนะคะ ต่อไปดิฉันจะดูแลเรืองการบ้านให้เรียบร้อย"
นภาพุ่มมือขึ้นไหว้ครูสาวที่อ่อนวัยกว่า หวังอยากเอาใจครูให้อดทนต่อลูกชายจอมดื้อของเธอ
"เอ่อ ถ้าคุณ:-)านยุ่งนะคะ มารับช้าแบบนี้ ก็ให้น้องซันเรียนพิเศษสิคะ ครูก็รับสอนการบ้านให้เด็กด้วยค่ะ"
ครูสาวยิ้มกว้าง น้ำเสียงที่พูดก็อ่อนโยนขึ้น
"น้องซัน ถ้าได้เรียนพิเศษน่าจะตามเพื่อนทัน เพราะเขาก็ฉลาดนะคะคุณแม่ คุยเก๊งเก่ง พูดจาเหมือนผู้ใหญ่เชียว"
นภายิ้มดีใจ "ดีสิคะ คุณครู โชคดีของน้องซันจริงๆที่ได้อยู่ห้องคุณครู"
"ค่ะ งั้นเริ่มเรียนพรุ่งนี้เลยนะคะ พรุ่งนี้คุณแม่มารับเย็นๆแล้วกัน " คุณครูไก่รับคำ
"ค่ะ ๆ งั้นพรุ่งนี้จะมารับสัก เย็นๆ" นภาดีใจเหมือนยกภูเขาน้ำแข็งออกจากอก
งานที่รัดตัว การจะแวบออกมารับลูกที่โรงเรียนตอนสี่โมงเย็น ดูเป็นเรื่องหนักหนาเอาการ ไหนรถจะติด
ไหนจะต้องจัดการภาระกิจในความรับผิดชอบ การออกมารับลูกต้องใช้เวลานานกว่า สามชั่วโมงไปกลับ
การที่ได้มารับลูกช้าไปอีกชั่วโมงสองชั่วโมง ทำให้เธอมีเวลาทำงานได้มากยิ่งขึ้น
นภายกมือขึ้นไหว้ครูไก่ ครูประจำชั้นของลูกชายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอไหว้ด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจ
ครูไก่ยิ้มพราย พร้อมรับไหว้
"เอ่อ..คุณแม่คะ ส่วนเรื่องค่าเรียนพิเศษ คิดชั่วโมงละ 150 นะคะ จ่ายทีละสัปดาห์ก็ได้ค่ะ" เสียงนุ่มของครูไก่
อย่างน้อยคงจะได้สัก 3-4 พันบาท แหมเป็นครูก็ดีมีรายได้พิเศษเหนาะๆ เดือนๆครูไก่ได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นบาท
สอนโรงเรียนลูกคนรวยก็มีโอกาสกว่า โรงเรียนต่างจังหวัด ครูไก่รำพึงในใจ
นภาชะงักนิด แล้วผงกศรีษะรับ จริงสินะ คงไม่มีอะไรฟรีในโลกนี้ เธอคิดไปได้ไงนะว่า ครูสมัยนี้จะเอาใจใส่สอนเด็กที่เรียนช้า
หลังเลิกเรียนแบบครูสมัยก่อน ก็ยังดี บอกกันตรงๆการค้าแบบนี้จะได้ไม่ต้องมานั่งเป็นบุญเป็นคุณ
หลังจากแยกกับคุณครู นภาแล่นไปหาเจ้าตัวเล็ก ส่งเสียงเขียวไปก่อนอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่
"ซัน มานี่เดี๋ยวนี้นะ"
ซันหันขวับเห็นแม่เดินมา แม่มาแล้ว วันนี้แม่มารับเร็วดีใจจัง คิดถึงแม่
เด็กชายวิ่งถลาเข้าหามารดา "แม่คร้าบ"
มือกลมๆเล็กๆมอมแมมคว้าหมับที่กระโปรงตัวสวยของมารดา
"หยุดนะ วันนี้ซันทำให้แม่ต้องโดนครูต่อว่า รู้ไหมว่าแม่อาย" เสียงเขียวเข้มของแม่ทำให้เจ้าตัวเล็กแหงนมองแม่
สายตาที่มองมาทำให้ซันสะดุ้ง มือที่เอื้มจับแม่ปล่อยตกลงเหมือนใบไม้ที่ค่อยๆปลิวหลุดจากขั้ว
น้ำเสียงแบบนี้ สายตาแบบนี้ซันไม่ชอบเลย เขารู้ว่าแม่โมโห แม่ไม่ชอบ
เด็กชายห่อไหล่ลง เดินไปคว้ากระเป๋าที่วางไว้ วันนี้ซันมีเรื่องตั้งมากมายอยากเล่าให้แม่ฟัง
รวมถึงเรื่องที่เขาช่วยแม่ครัวยกของด้วยละ แม่ครัวยังบอกว่า ซันเก่ง เด็กเล็กๆคนอื่นทำไม่ได้หรอก ยกของหนักๆแบบนี้
ตลอดทางนั่งมาในรถ แม่บอกซันแต่เรื่องลูกของเพื่อนแม่ที่สอบได้ที่หนึ่ง ลูกของเพื่อนแม่อีกคน
ก็สอบได้ไม่แพ้กัน ก็ซันไม่ใช่ลูกของเพื่อนแม่ ซันเป็นลูกของแม่
กลับมาถึงบ้าน ก็เย็นมากแล้ว นภารีบเข้าครัวเตรียมอาหาร แต่ไม่ลืมสำทับให้เด็กชายทำการบ้าน
ทำกับข้าวเสร็จ เธอเดินมาดูการบ้านที่สั่งลูกให้รีบทำ มีร่องรอยเขียนผิดๆและรอยเลอะ และที่สำคัญ
การบ้านไม่เสร็จ
"ซัน ทำไมไม่ทำการบ้าน" นภากรีดเสียงโมโห อารมณ์พลุ่งพล่าน ดูเอาเถอะ เธออุตส่าห์ทำงานหาเงินอย่างหนัก
ไหนจะรับส่ง ไหนจะทำอาหาร แต่ลูกชายคนเดียวของเธอกลับดื้อด้าน
"แม่บอกแล้วใช่ไหมให้ทำการบ้าน" นภาตวาดเสียงดัง
ซันสะดุ้งตกใจ เขาลนลานคว้าดินสอมา เขียนลงไปอย่างยากลำบาก
"แค่วันที่ ยังไม่เสร็จเลย เป็นชั่วโมงแล้ว ดี ฉันจะไม่ให้แกกินข้าวถ้าการบ้านไม่เสร็จ"นภาขู่ลูกชาย
"เอา เขียนไป วันนี้วันอะไร " นภานั่งลงข้างๆ ตั้งใจสอนการบ้านลูก เย็นนี้คงไม่ได้กลับไปทำงานที่ร้านละมั้ง เธอคิดในใจ
ยังไงสอนการบ้านลูกดีกว่า เสร็จแล้วแวบไปตอนมืดๆ
"เอาว่าไง วันนี้วันอะไร" เธอถาม
"วันจันทร์" เสียงเล็กๆตอบกลับมา
"เมื่อวานวันจันทร์ วันนี้เป็นวันอะไร" นภาถามกลับ
"วันศุกร์" เจ้าตัวตอบกลับมา นภาข่มใจให้อดทน
"ซัน ป.สี่แล้ว วันอะไรทำไมไม่จำมั้ง ไหนท่องวันมาให้ฟังสิ" นภาสั่ง
"แม่ ซันจำไม่ได้ " เด็กชายส่ายหน้า
นภาสอนลูกท่องวัน ท่องแล้วก็ลืมลืม และลืม
"ทำไมถึงโง่อย่างนี้ สอนไม่จำเลย" นภาตวาดลูก เด็กชายตัวสั่น เวลาแม่โกรธ ทำไมเขาถึงกลัวแบบนี้นะ
"ตอบมาสิ วันอังคารแล้ววันอะไร " นภาเอื้อมมือคว้าแขนกลมเล็กของลูกชาย มือบีบแน่นอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
"ววัน..น ศุกร์" ซันสั่น น้ำตาคลอ
"โง่ โง่ที่สุด ปัญญาอ่อนใช่ไหม จำไม่ได้เหรอ ฮึ" นภาบีบแขนข้างหนึ่งพร้อมตวัดฝ่ามือไปที่หลังลูกชายอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้
เด็กชายตัวสั่นเทา น้ำตาพรั่งพรู
"บอกมาสิ ว่าวันอะไร" นภาขู่เข็ญลูก
"ซันจำไม่ได้.." เสียงเล็กๆเบาๆตอบมาอย่างหวาดกลัว
เพี๊ยะ " นี่แน่ะจำไม่ได้" เสียงฉาด เมื่อมือผู้เป็นมารดากระทบแก้มลูกชายอย่างเหลืออด
"ดี ถ้าแกจำไม่ได้ แกไม่ต้องกินเกินทั้งนั้น" เธอลุกขึ้น คว้าจานกับข้าวที่ตั้งไว้บนโต๊ะอาหารโยนทิ้งลงถัง
"แม่ครับ ซันหิว" เด็กชายอ้อนวอนแม่เสียงสั่น
"ไม่ต้องกิน คืนนี้แกไม่ต้องกิน " เธอตวาดลูกชายด้วยความผิดหวัง
จนสามทุ่ม การบ้านก้ยังไม่เสร็จ เด็กชายกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ผู้เป็นแม่ ด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยโทสะ
จนเด็กชายหลับคาสมุดที่เปิดค้างไว้ เลอะด้วยคราบยางลบและน้ำตา
ใบหน้าอ่อนใส ดวงตาหลับไหลด้วยความอ่อนเพลีบ คราบน้ำตาที่ค้างบนขนตา
ดูน่าสงสารและไร้เดียงสา
นภาหันมาเห็นลูกชายหลับผล็อย อย่างน่าเวทนา เธอรู้สึกเกลียดตัวเองอย่างจับใจ
ทำไมเธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์เวลาสอนการบ้านลูกได้เลย ทุกครั้งที่สอนการบ้านต้องจบลงแบบนี้ทุกครั้ง
จนทำให้นถาแกล้งทำเป็นลืมๆการบ้านของลูกบ้าง
นภาอุ้มลูกชายไปนอนที่เตียง ที่ตั้งอยู่มุมห้อง เธอเอื้อมมือปิดสวิทช์ไฟ
ก่อนที่จะได้ยินเสียงละเมอสะอื้นของเด็กชายบนเตียง
นภาทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ความสงสารลูกสะท้านจับใจ
" แม่ครับ แม่ต้องอดทนนะ พระก็บอกให้แม่อดทนไง" เธอนึกถึงวันที่เธอหย่ากับพ่อของซัน
เธอรู้สึกเครียด กังวล และท้อแท้ นภาพาลูกไปหัวหินด้วยกันในวันนั้น ปากพร่ำบ่นว่า พ่อของซันไม่ดี
พ่อซันทำร้ายแม่ไปตลอดทาง โดยที่เด็กชายตัวน้อยนั่งฟังเงียบๆ หันหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง
เมื่อมาถึงหัวหิน นภาพาลูกไปไหว้พระ มีป้ายสลักไว้ตามก้อนหิน เธออ่านมันเบาๆ
"ความอดทน คือคุณค่าของมนุษย์" เด็กชายเขย่ามือแม่ แม่ พระบอกแม่แล้วนี่ไง ให้แม่อดทน
น้ำเสียงแจ๋วๆของเด็ก 5ขวบที่พยายามให้กำลังใจแม่
เธอจึงได้สำนึกว่า เธอยังคงมีลูกที่เธอต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่เวลามานั่งบ่นกร่นทุกข์
นภาก้มตัวลงกอดลูกไว้แนบอก ลูกจ๋า แม่จะอดทน แม่จะเข้มแข็ง
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายภวังค์
นภากรีดน้ำตา พร้อมลุกขึ้นเดินไปรับโทรศัพท์ พนักงานที่ร้านอาหารของเธอโทรมาสอบถามว่า
เธอจะเข้าร้านไหม ไม่เช่นนั้นจะปิดร้าน นภาจึงสั่งงานเล็กน้อยก่อนจะวางสาย
คืนนั้นนภาตัดสินใจ ต่อไปเธอจะไม่ตีลูก ไม่สอนการบ้านลูกอีก คงเป็นเพราะเธอไม่มีความเป็นครูมากพอ ไม่ใจเย็นพอที่จะสอนลูกได้
นภานึกดีใจว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป การบ้านลูกจะเรียบร้อยเพราะจะมีครูสอนการบ้านลูกแล้ว
เธอบอกตัวเองว่า ไม่ว่าจะมีใคร หรือไม่มีใคร แต่ทุกครั้งเธอจะมีลูกเสมอ
เรื่องราวของเด็กชายซัน ที่เป็น LD (learning Disability)ยังมีอีกหลายตอน ฝากเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตของซันด้วยนะคะ
จากคุณ :
สาริสา
- [
30 มี.ค. 51 23:23:26
A:124.120.85.217 X: TicketID:113562
]