Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ^^^แมวเน่า......เจ้าน้ำอบ^^^^

    เรามักจะชอบให้อาหารแมวหรือหมาจรจัดอยู่เสมอ เวลาไปต่างประเทศนอกจากน้ำพริก และมาม่าที่เอาติดตัวไปประทังชีวิตแล้ว เราต้องเอาพวกปลาหมึกแห้งหรือทาโร่ไปด้วยตลอด ปลาหมึกแห้งและทาโร่พวกนี้มันค่อนข้างเบาเอาไปครั้งละเยอะๆก็ไม่หนักกระเป๋า

    เมื่อมาอยู่หอพักในต่างประเทศหลังจากสำรวจที่ทางดูเรียบร้อยแล้ว เราก็คอยจับตาดูว่ามีหมาแมวจรจัดบ้างมั้ย ส่งเสียงร้องเรียกเมี้ยวๆๆๆไม่นานก็มีแมวตัวนึง สองตัว สามตัวเดินออกมาตามเสียงเรียก เพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่า"เมี้ยว"เป็นภาษาสากลของแมว เพราะแมวทุกชาติทุกภาษาเข้าใจหมด

    เราเริ่มการผูกมิตรเจ้าแมวเหล่านี้ด้วยปลาหมึกนั่นเอง ตามสัญชาตญาณของแมวจรจัด จะไม่ค่อยให้เราเข้าใกล้ ทำได้แค่ให้อาหารแล้วก็นั่งดูอยู่ห่างๆ

    ระหว่างที่เอาทาโร่ให้แมวอยู่นั้น เราได้กลิ่นอะไรเหม็นๆ พอหันไปมองก็เจอแมวอีกตัวนึงเพิ่งเดินมา นั่งมองอยู่ไกลๆไม่กล้าเข้ามาเหมือนตัวอื่น พอมองให้ชัดๆว่าทำไมแมวตัวนี้กลิ่นมันช่างเหม็นเหลือร้าย ก็รู้ว่าที่คอเจ้าเหมียวมีรอยแผลเหวอะหวะเหมือนโดนใครฟันมา

    เราลองโยนทาโร่ให้กิน ตอนแรกเจ้าเหมียวตกใจวิ่งหนีไปตั้งหลัก พอรู้ว่าเราไม่ได้จะทำร้าย ก็ค่อยขยับเข้ามาใกล้ๆและกินทาโร่ที่เราโยนให้

    เราแกล้งถามเจ้าเหมียวว่า “ไปโดนอะไรมาน่ะ ทำไมคอเป็นแผลซะขนาดนั้น”

    เจ้าเหมียวไม่ตอบ คงไม่ชอบให้ใครมาถามเรื่องส่วนตัว อิอิอิ

    จากนั้นทุกๆวันเวลาเราคลุกข้าวให้บรรดาแมวๆหมาๆที่หอกิน เจ้าน้ำอบ(เราแกล้งตั้งชื่อให้มันดูหอมๆ)ก็จะมากินด้วยทุกครั้ง แต่มักจะมาเป็นตัวสุดท้ายทุกที

    เวลาน้ำอบไปที่ไหนกลิ่นจะมาก่อนเลย เราเองต้องเอาวาเป็กโปะผ้าเช็ดหน้าผูกไว้ที่คอเวลาน้ำอบมา เพราะกลิ่นน้ำอบมันเหม็นสุดๆ

    สาเหตุที่คอน้ำอบเน่าเป็นเพราะมีคนใจร้ายเอาเส้นลวดมาผูกคอน้ำอบ คิดว่าคงผูกตั้งแต่น้ำอบยังเล็กๆเพราะพอน้ำอบโตขึ้น เส้นลวดมันก็กินลึกลงไปในผิวหนัง จนเกิดเป็นรอยแผลเน่าส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว

    บางทีเราทนเหม็นไม่ไหว พอน้ำอบกินข้าวแล้วเผลอ เราจะเอาแป้งเด็กโรยตัวน้ำอบตลอดแต่ก็ไม่ได้ผล

    เราคิดว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้น้ำอบคงตายแน่เลย คิดหาวิธีว่าจะทำยังงัยดีเพื่อช่วยน้ำอบ แต่น้ำอบไม่ยอมให้จับตัวเพราะยังกลัวคนอยู่

    ปฏิบัติการปิดประตูตีแมวจึงเกิดขึ้น

    เนื่องจากว่าน้ำอบเริ่มไว้ใจเราในระดับหนึ่ง เพราะเราหาข้าวให้น้ำอบกินทุกวัน บางทีเวลาเราเปิดประตูห้อง น้ำอบจะค่อยๆย่องเข้ามาสำรวจในห้อง เราต้องแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น หรือไม่สนใจเพราะถ้าเราทำเป็นสนใจเมื่อไหร่น้ำอบจะวิ่งหนีออกนอกห้องทันที

    บางทีน้ำอบก็มานั่งๆนอนๆในห้อง เราก็เกรงใจไม่กล้าไล่ ทั้งๆที่เหม็นจนสุดจะทนแต่เราคิดว่าน้ำอบให้เกียรติเราอย่างมากที่ไว้ใจมานั่งเล่นในห้อง เราก็เลยต้องทนอยู่ในห้องเดียวกับน้ำอบทั้งๆที่เหม็นอยู่อย่างนั้น

    น้ำอบคงคิดว่าจมูกเราเป็นไซนัสแน่เลย เราเคยถามน้ำอบว่า “น้ำอบ แกเคยเหม็นตัวเองบ้างป่ะเนี่ย”

    น้ำอบร้องตอบ “เมี้ยว” แปลได้ว่า”เหม็นอะไร ใครเหม็น อย่ามากล่าวหาผมนะ” แล้วก็ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้

    วันนั้นเราหยุดและเราคิดว่า มันถึงเวลาเผด็จศึกซะที เราล่อน้ำอบเข้ามาในห้อง แกล้งเอาทาโร่ไปวางไว้ใต้โต๊ะหนังสือแล้วทำเป็นไปยืนตรงระเบียงห้อง

    น้ำอบค่อยๆย่องเข้าไปในห้องเหมือนเดิม ขณะที่น้ำอบกำลังกินทาโร่อย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น เราก็ค่อยๆย่องเข้าห้องตัวเอง และรีบปิดประตู

    น้ำอบตกใจสะดุ้ง หันมามองหน้าเราแล้วร้อง “เมี้ยวววว” แปลได้ว่า “จะทำอะไรน่ะ”

    เราบอกน้ำอบว่า “ไม่ต้องตกใจนะ เดี๋ยวจะช่วยให้หายทรมานนะ”

    น้ำอบร้องเสียงหลง”แง๊ววววววว แง๊วววววว” ซึ่งแปลว่า “ไม่อาวววว ปล่อยผมไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อาววววววว ช่วยด้วยยยย”

    น้ำอบวิ่งหนีไปรอบห้อง เราใช้ไม้ตายเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ตะครุบน้ำอบ แล้วจัดการเรียกเพื่อนที่รอท่าอยู่หน้าห้องให้เข้ามาช่วยจับน้ำอบ

    เพื่อนเราช่วยกันจับแขนขาน้ำอบไว้ไม่ให้ดิ้น ส่วนเราเอาเทปพันปากน้ำอบไว้ ป้องกันไม่ให้น้ำอบกัด

    จากนั้นเป็นขั้นตอนที่ทรมานที่สุดคือ เราดูคอน้ำอบ เส้นลวดมันฝังที่คอน้ำอบลึกกว่าที่คิดไว้มาก จมลงไปในเนื้อของน้ำอบเลย เรานึกในใจน้ำอบคงจะเจ็บและทรมานมากๆ

    เราเอากรรไกรตัดลวดที่ยืมมาจากช่าง ตัดฉับตรงลวด น้ำอบหยุดดิ้นทันที น้ำอบคงคิดว่าเราตัดคอมันมั้ง พอตัดลวดเสร็จ เราก็ทำการล้างแผล ใส่เบทาดีน แล้วก็ตามด้วยผงชูชีพที่พกมาทาแก้สิว อิอิอิ มีประโยชน์กับน้ำอบตอนนี้เอง

    พอใส่ยาเสร็จก็จัดการจับน้ำอบยัดใส่กรงที่ซื้อมาจากในเมือง เพราะเราไม่อยากให้น้ำอบเตลิดไปที่อื่น วันหลังเราจะได้ใส่ยาให้น้ำอบอีก

    กว่าจะเสร็จขั้นตอนรักษาน้ำอบเล่นเอาเราเหงื่อตกไปเลย ไอ้เหนื่อยจับน้ำอบน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เจ้าน้ำอบคงกลัวมาก เพราะมันฉี่แตกเหม็นไปทั้งห้องเลย เราต้องนอนเหม็นกลิ่นฉี่แมวผสมกับกลิ่นเน่าของเจ้าน้ำอบตั้งหลายวัน

    เราขังน้ำอบไว้ในกรงตรงหน้าระเบียง ส่งข้าวส่งน้ำให้กินทุกวัน รวมทั้งใส่ยาด้วย ทุลักทุเลอยู่ประมาณสิบกว่าวัน ในที่สุดแผลของน้ำอบก็เริ่มดีขึ้น รวมทั้งความสัมพันธ์ของเรากับน้ำอบก็ดีขึ้นตามลำดับ

    น้ำอบไม่ทำฤทธิ์แล้วเวลาเราทำแผลให้ มันคงคิดได้ว่า “ดิ้นไปก็เหนื่อยเปล่า”

    พอเห็นว่าแผลเริ่มแห้งเราก็เลยปล่อยน้ำอบออกจากกรง น้ำอบวิ่งจู๊ดหายไปด้านหลัง

    วันรุ่งขึ้นเราตื่นมาตอนเช้า เห็นเจ้าน้ำอบนอนสบายใจเฉิบอยู่ในกรง พอน้ำอบได้ยินเสียงเราก็ลุกขึ้นมาดูและร้อง “เมี้ยววว”

    เราทักน้ำอบว่า “เมื่อคืนมานอนที่นี่เหรอ”

    น้ำอบเอียงคอและมองหน้าเรา จากนั้นก็เดินเอาตัวมาถูขาเรา พันขาเราไปมา ปากก็ร้องเมี้ยวๆม๊าวๆไม่ได้หยุด ในใจเราคิดว่าน้ำอบคงมาขอบใจเราและขอเป็นเพื่อนกับเราแน่เลย

    ตั้งแต่วันนั้นน้ำอบก็ไม่กลัวแล้วเวลาเจอเรา พอเห็นเราทีไรก็รีบวิ่งเข้ามาคลอเคลียทุกที

    ฮึ ความจริงเรารู้หรอกน่าว่าน้ำอบน่ะติดใจทาโร่ที่เราให้กินทุกวันต่างหาก คิคิคิ

    จากคุณ : ข้าวโพดแมวติสต์แตก - [ 31 มี.ค. 51 18:19:17 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom