ถึง...พี่ชาย
..
..
พี่ชายคะ
..อยู่ทางโน้น เป็นอย่างไรบ้างคะ?
นี่คงเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่เป็นธรรมดาสามัญที่สุดที่ฉันพอจะนึกออก
ฉันไม่รู้ว่า ควรเริ่มต้นประโยคอย่างไรดี
เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว เรื่องระหว่างเรานั้น มันไม่มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ด้วยประการทั้งปวง
ต่อให้โลกหยุดหมุน วันเวลาย้อนกลับ หรือดวงตะวันอันร้อนแรงยอมรับรักอันจงรักภักดีจากดอกทานตะวัน
แต่เรื่องของเราสองคนนั้น มันก็ไม่มีวันที่จะเป็นไปได้ และคงไม่มีใครยอมรับทั้งนั้น
รู้ไหมคะ
ทุกวินาทีของวันที่เหลืออยู่ ฉันทำอะไรบ้าง
ฉันก็ยังคงใช้ชีวิตของฉันไปเรื่อยๆนั่นแหล่ะค่ะ ฉันยังคงเฝ้ามองพระอาทิตย์ส่องแสงอบอุ่นในยามเช้าทางทิศตะวันออก
เพื่อบอกให้รู้ว่า
นี่ถึงเวลาเริ่มต้นของวันใหม่แล้ว
และยังคงเฝ้ามองดวงอาทิตย์ส่องแสงเรื่อเรืองก่อนลาลับขอบฟ้าที่ทิศตะวันตกเช่นเดิม
ดวงตะวัน
ยังขึ้นและลงอยู่ที่เดิมและเช่นเดิม
ไม่เคยเปลี่ยน
เหมือนกับความสัมพันธ์ของเราใช่ไหมคะ
.ที่มันยังคงที่
ฉันรู้ว่า
มันจะยังคงเป็นเช่นนี้
.ตลอดไป
ฉันเหนื่อยค่ะพี่
..เหนื่อยเหลือเกิน
ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันถึงได้เหนื่อยอย่างนี้
ฉันทำงานแค่วันละไม่กี่ชั่วโมง งานก็ไม่นักหนาเท่าไหร่นัก
ฉันใช้เวลาในการทำงานเพียงวันละสี่ร้อยแปดสิบนาที แต่การคิดถึงพี่คือเวลาที่เหลือทั้งหมดของวันนั้น
พี่ทำอย่างนี้
..ได้อย่างไรคะ?
นี่เป็นคำถาม ที่ฉันอยากถามพี่
พี่มีสิทธ์อะไร มาปล้นเอาเวลาอันมีค่าของฉันไปอย่างหน้าตาเฉย
ตั้งแต่วันแรก ที่เราได้รู้จักกัน พี่ทำให้หัวใจของฉันสั่นไหว
ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่รู้จักหรอกค่ะกันคำว่าตกหลุมรักเลยซักครั้ง
ฉันรู้แต่ว่า วันที่ฉันได้สบตากับพี่
โลกของฉัน มันเปลี่ยน
.เหมือนเวลาหยุดหมุนชั่วขณะ
หรือถ้าพูดว่าหัวใจเราถูกจับเหวี่ยงออกไปนอกร่างกาย
ก็คงไม่เกินความจริงไปนัก
ถ้าการตกหลุมรัก มันคือการที่หัวใจเต้นแรง
ฉันคงเริ่มตกหลุมรักแล้วละค่ะ
หลุมที่พี่ขุดมาล่อฉัน ไม่ว่าพี่จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
มันลึกเอาการทีเดียวค่ะ
.ลึกจนฉันมองไม่เห็นว่า มันอันตรายซักแค่ไหน
อย่างนี้กระมังคะ
.ที่คนเค้าว่ากันว่า
น้ำนิ่งมันไหลลึก
ยิ่งน้ำนี่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น
แต่อย่างว่า ความรักทำให้คนตาบอดมันคงไม่ใช่แค่คำนิยามเท่านั้นมังคะ
รอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของพี่ ความใจดีของพี่ คือบางสิ่งบางอย่างที่แสนวิเศษ
มันขับกล่อมให้หัวใจของฉันมึนเมา
.ยิ่งกว่ายากล่อมประสาทชนิดใดใดในโลกนี้ซะอีก
ความรู้สึกรักนี่มันช่างพิเศษจริงๆเลยนะคะ
เวลาที่ถูกรัก
..มันช่างแสนอ่อนหวานราวกับเรากำลังเดินข้ามสะพานสายน้ำผึ้งกระนั้น
ที่แม้เราจะรู้ว่า มันสูงชัน อันตราย เมื่อเราปีนป่ายอยู่บนนั้น และซักวันมันอาจพลาดพลั้ง พลัดตกลงมาได้
แต่รสชาติที่หอมหวาน ที่เราได้สัมผัสเกาะเกี่ยว เก็บกิน ขณะที่ปีนป่ายอยู่นั้น มันอร่อยลิ้น เหลือเกิน
เกินกว่า
ที่เราห้ามหักหัวใจได้
ยิ่งรางวัลแห่งความฝัน ที่ยืนโบกมือรอเราอยู่ที่ปลายทางนั้น มันช่างยิ่งใหญ่สมกับการรอคอยจริงๆ
แต่เค้าว่ากันไว้
.ว่าความสุขมักสั้นเสมอ
พี่คะ
ในวันที่ฉันพลาดพลั้งร่วงหล่นจากความฝันที่แสนหวาน มันเหลือเชื่อ
ในวันที่ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้กำลังข้ามสะพานสายรุ้ง แต่เพียงผู้เดียว
มีใครอีกคน ที่เดินอยู่ข้างหน้าฉัน คนที่มีความฝันอันเดียวกันกับฉัน
ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรค่ะ
.บางที ณ วันนั้น
อาจเป็นเพียงฉันคนเดียว ที่กำลังเดินไปบนเส้นทางที่ทอดไปสู่แสงแห่งความรัก
หากแต่ปลายทางแห่งรักนั้น
..กลับไม่มีใครที่กำลังเฝ้ารอฉันอยู่
การรักคนที่มีเจ้าของอยู่แล้ว มีทางไหนให้ฉันเลือกเดินบ้างคะ?
ฉันสับสน ฉันดิ้นรน ฉันกำลังอยู่บนเส้นทางที่กลับไม่ได้
ไปไม่ถึง
ฉันจะทำอย่างไรดีคะ??
คำถามที่ไม่มีคำตอบ
.มันไม่มีเส้นทางให้ฉันเลือกเลยซักทาง
เมื่อฉันกลับไม่ได้ แต่ก็ไปไม่ถึง
ฉันก็ขอหยุดค่ะ
..ฉันจะหยุดความรู้สึกดีดีที่มีต่อพี่ไว้แค่ตรงนี้
ฉันจะไม่เลิกรักพี่หรอกนะคะ
.ฉันแค่ถอยออกมาหนึ่งก้าวเท่านั้น
ฉันรู้ค่ะ
.ว่าพี่ก็รักฉัน
.แต่มันไม่มากพอ และเราก็รักกันไม่ได้
ฉันจะเป็นฝ่ายไปเองค่ะ
ฉันไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะคะ
แต่หากเมื่อความรักที่เราจะได้มา มันไม่ใช่ของเราทั้งหมด เราก็ไม่ควรรับใช่ไหม
พี่คงคิดว่าฉันเป็นคนโลภ ฉันยอมรับค่ะ
ว่าฉันโลภ
แต่ฉันผิดด้วยหรือ ที่ฉันเห็นแก่ตัว อยากจะได้ครอบครองทุกอณูความรักของพี่ไว้คนเดียว
ดีแล้วล่ะค่ะ ที่เรื่องของเรามันจบลงแบบนี้
พี่คิดว่าฉันจะดีใจหรือคะ? ที่ความรักของเรา จะทำให้คนอื่นต้องเสียใจ
มันคงน่าละอายเกินไป ที่ความสุขสมปรารถนาของฉัน
คือการต้องเหยียบย่ำและหยิบยื่นความทุกข์ระทม ขมขื่นให้คนอื่น
ใครอีกคน
.คนที่ยืนอยู่ตรงนี้มาก่อนฉันเสียอีก
ฉันมาทีหลัง
ฉันก็ควรจากไปแต่โดยดี
ฉันจะไม่ขอให้พี่ลืมฉัน
.เพราะฉันก็จะไม่ลืมพี่เช่นกัน
ความรักของฉันที่มีต่อพี่
มันทำให้โลกใบเล็กๆที่อ้างว้างของฉันสวยงาม
สิ่งดีดีของพี่ที่มอบให้ฉัน
.ฉันจะเก็บมัน ใส่ขวดโหลไว้ค่ะ
พี่คะ
.ขวดโหลแห่งความทรงจำนั้น
.ฉันตั้งชื่อมันไว้ด้วย
ฉันให้ชื่อมันว่าพี่ชาย ที่แสนดี
รู้ไหมคะ
ทำไมฉันถึงตั้งชื่อไว้เช่นนี้
ฉันตั้งมันไว้เพื่อเตือนใจตัวเองค่ะ
ว่าระหว่างเรานั้น
ความสัมพันธ์ของเรา
..เป็นได้แค่ไหน
ในขวดแห่งความทรงจำใบนั้น
.ฉันพับดวงดาวใส่ไว้ด้วยนะคะ
เมื่อไหร่ที่ฉันคิดถึงพี่
.ฉันจะคอยนับเวลาทุกนาที
ครบหนึ่งพันนาที ฉันก็จะพับดวงดาวหนึ่งดวงใส่ลงไปในนั้น
ถ้าพี่มาเห็น พี่ต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าฉันมีดวงดาวแห่งความคิดถึงมากกว่าดวงดาวที่ทอแสงอยู่บนฟากฟ้าเสียอีก
พี่คะ
ฉันมีอะไรจะสารภาพ
บางทีฉันก็แอบคิดฝันนะ
.ฝันว่าพี่จะรับรู้ถึงความคิดถึงจากดวงดาวบนฟ้า
ที่ทอแสงสุกสกาวเป็นสื่อนำความคิดถึง จากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง
ป่านนี้
.พี่จะทำอะไรอยู่คะ?
พี่กำลังมองดาวดวงเดียวกันฉันรึเปล่า?
ฉันกำลังมอง
.ดวงดาว
ดวงที่ส่องสว่างที่สุดอยู่นะคะ
ดาวดวงนั้น ทอประกายแสงเจิดจ้า กระพริบวิบวับ
.เสมือนกำลังบอกฉันว่า
เธอเข้าใจความรู้สึกฉัน และจะนำมันไปส่งให้กับคนบางคน
ฉันอาจเป็นคนโง่
..ที่รักใครบางคน ที่ไม่มีสิทธ์
แต่ความรัก
.มันห้ามไม่ได้นี่น่า
คงไม่ผิดนัก หรอกใช่ไหม ที่ฉันจะรักคนคนนึงอยู่อย่างนี้
รักแบบห่างๆรักอย่างห่วงๆรักอย่างนี้ไปเรื่อย
.เรื่อย
พี่คงไม่ห้ามสิทธ์
.ที่ฉันขอแค่คิดถึงหรอกนะคะ
วันนี้
พระจันทร์ข้างแรม
แสงอ่อนๆที่ทาทาบท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล
ฉันนั่งมองอยู่ที่ข้างหน้าต่าง
.เหมือนทุกๆวัน ตั้งแต่ฉันจากมา
ฉันชอบมองค่ะ
ฉันชอบสีเหลืองอ่อนแกมส้ม ที่ดูอ่อนหวานไร้เดียงสา
ฉันชอบที่บางคืน
ที่แสงของพระจันทร์เปลี่ยนเป็นสีม่วงอมแดง มันดูบอบช้ำเหลือเกิน
แต่บางครั้งมันก็เป็นสีชมพูนะคะ
.สีชมพู
.ราวกับว่าพระจันทร์กำลังมีความรัก
พี่เคยได้ยินเรื่องเล่าเรื่องนี้ไหมคะ?
ที่ว่าพระจันทร์กำลังตกอยู่ในห้วงรักของพระทิตย์
พระจันทร์ยังคงเฝ้ารักพระอาทิตย์อยู่เช่นนั้น
แม้ว่ามันรู้ว่าไม่มีสิทธ์ครอบครอง
.พระจันทร์ยังคงล่องลอยอยู่ใกล้พระอาทิตย์
แม้แสงอันเจิดจ้า พราวพร่าง
กลบมิด
จนมองไม่เห็นแสงอันน้อยนิดของดวงจันทร์
มันรู้ว่าตราบใดที่ทั้งสองยังคงมีแสงสว่างอยู่ในตัวเองเช่นนี้..
มันคงไม่มีวันได้เคียงคู่กันแน่ แน่
.
แต่พระจันทร์
.มันรู้จักที่จะเรียนรู้กฏความเป็นจริงของธรรมชาติ
ว่า
..ทั้งสองสิ่ง
.คือพระจัทร์กับพระอาทิตย์นั้น
มันไม่มีวัน ดับแสงในตัวเองได้
เพราะมันรู้ว่า หากวันใด ที่โลกใบนี้ ไร้ซึ่งแสงสว่าง
ทั้งแสงอันร้อนแรง ที่สามารถแผดเผาทุกสรรพสิ่ง แต่ก็ให้ความอบอุ่นแก่มวลมนุษย์
และแสงนวลตาอันอ่อนหวาน
ที่คงส่องนำทาง ในค่ำคืนที่มืดมิดแล้วไซร้
โลกก็คงถึงการดับสูญ
..
ฉันกำลังพยายามเรียนรู้
การทำตนให้เป็นดั่งเช่นดวงจันทร์ค่ะ
เพียงแต่ฉันเป็นเพียงคนตัวเล็กๆคนหนึ่ง
ไม่มีประโยชน์
.มากมายต่อใครต่อใครนัก
แต่หากสิ่งที่ฉันทำได้
คือการไม่ต้องมีความรัก อยู่บนการทำร้ายหัวใจใคร
แค่นี้
ก็เพียงพอแล้ว
.ล่ะค่ะ
แต่พี่รู้ไหมคะ?
ว่ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน
การทำตัวเป็นคนดี
.มันทรยศฉัน
คำว่าศีลธรรมมันกำลังกัดกร่อนหัวใจฉัน
พี่คะ
.ถ้าฉันรู้ว่าความรักมันเจ็บปวดอย่างนี้
ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเอง ตกลงไปอย่างเด็ดขาด
เค้าว่ากันว่า
ความรักทำให้คนเหมือนเด็ก
ฉันได้ยินมาจากไหนหนอ
ฉันจำไม่ได้แล้ว
เด็กที่มองเห็นไฟ ใครๆบอกว่าร้อน เด็กก็ยังอยากลอง อยากสัมผัส
ผู้ใหญ่อย่างฉันก็เหมือนกัน
เหมือนกัน
เหลือเกิน
ทั้งรู้ว่าไฟแห่งความรักมันร้อน มันกำลังแผดเผาให้ร้อนรุ่ม
แต่ฉันก็ไม่พยายามตะกายหนี จากไฟนั้น
กลับยอมให้สะเก็ดไฟแห่งความคิดถึง
.มันทำร้าย ให้หัวใจของเราพุพอง
ฉันกำลังจะตายค่ะ
พี่
ฉันเป็นโรคหัวใจขั้นสุดท้ายเสียแล้ว
โรคหัวใจ
ที่ไม่มีหมอคนไหน ไหน จะรักษาหาย
แค่ความคิดที่ว่า
.จะต้องหยุดรักพี่
หัวใจฉันก็ราวกับถูกบีดรัด ด้วยมือที่มองไม่เห็น จนหายใจไม่ออก
คนคนนั้นของพี่
ก็คงเช่นกัน
ความหวาดระแวงของเธอ ที่มีต่อความสัมพันธ์ของพี่กับฉัน
ก็คงทำให้เธอนอนหลับไม่ลงหรอก
ในหัวใจที่อ่อนหวานของเธอ
คงเต้นไม่เป็นจังหวะ
ขณะที่ครุ่นคิดว่าในอ้อมแขนที่กำลังโอบกอดเธออยู่นั้น เจ้าของอ้อมกอดกำลังคิดถึงใคร
ในขณะที่ฉันต้องโอบกอดตัวเองอย่างเดียวดาย
เพราะไม่มีใครมาโอบกอด
เราไม่ควรได้รู้จักกันเลยนะคะ
เราไม่น่าผ่านมาเข้ามาพบกัน
ในเส้นทางรักสายนี้
มันอาจเป็นแค่เพียงความบังเอิญ
..หรืออาจเป็นเรื่องของพรหมลิขิตก็ได้
แต่ทุกครั้งที่โรคความคิดถึงกำเริบ
จนฉันเจ็บ...ปวดหัวใจ
ฉันจะโทษพรหมลิขิต ที่มันบังเอิญทำให้เราสองคนเจอกันช้าไป
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
โรคหัวใจ มันกำลังทำให้ฉันจะตายเท่านั้น
แต่มันไม่ได้ทำให้ฉันตายไปจริงจริงซักหน่อย
ถึงวันนี้
ฉันก็ยังมีลมหายใจอยู่
.ยังดำเนินชีวิตต่อไปค่ะ
ยังอยู่
เพื่อเฝ้ามองความรักที่จงรักภักดีของพระจันทร์ที่มีต่อดวงตะวันต่อไป
อยู่
.เพื่อมองดอกทานตะวันเฝ้าเทิดทูนพระอาทิตย์
อยู่
.เพื่อดื่มด่ำความงดงามของดวงดาวนับล้านดวง
และอยู่
.เพื่อมองนกน้อยบินไปบนฟ้ากว้างอย่างอิสระและเสรีด้วยความอิจฉา
เพราะหัวใจของฉันยังคงถูกจองจำอยู่กับอดีต
ที่รอคอยใครซักคน
.ที่มีกุญแจวิเศษ มาปลดปล่อยฉัน
ออกจากกรงขังที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าของพี่
กรงขังหัวใจที่แสนอึดอัดด้วยบรรยากาศแห่งความรัก ที่จับต้องไม่ได้
มีอาหารจานพิเศษที่มีชื่อว่าความคิดถึงไว้ประทังชีวิต
รสชาติของมันมีทั้งหวานชื่น...และขื่นขม
เมื่อทานมันเข้าไปแล้ว
รสหวานของมันก็ติดลิ้น....ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ
แต่แล้วรสขมก็ตามติดเข้ามา
แทรกซ่านเข้าไปในเส้นเลือดจนปวดร้าว
ฉันอยากถูกปลดปล่อย
ฉันบอกแบบนั้น
..แต่ความจริงแล้ว
ลึกลึกลงไป
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ
ว่าฉันต้องการมันจริง จริง หรือเปล่า
..
จดหมายฉบับนี้
ฉันเขียนมันด้วยปากกาแห่งความรัก
และไม่มียางลบ ....ลบออกซะด้วย
ตอนเริ่มต้นเขียน
ฉันตั้งใจจะส่งไปหาพี่
ฉันอยากทำตัวเป็นนางมารร้าย
ยื้อแย่งเอาพี่มา
แต่มโนธรรมที่ฉันเกลียดเข้าไส้ แต่ฉันก็หนีไม่เคยพ้น
เพราะมันตามติดความคิดของฉัน ยิ่งกว่าเงาในยามเที่ยงวันเสียอีก
และคำว่ามโนธรรมนี่แหล่ะ
ที่ยับยั้งฉันไว้
ไม่ให้ทำร้ายหัวใจ
.คนทุกคน
แค่นี้
..พวกเรา ก็เจ็บมากพออยู่แล้ว
แม้ฉันจะเจ็บมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย
จะเป็นไรไป
แต่ฉันอยากจะขอร้องแค่นิดเดียว
ค่ะพี่
บนโลกใบนี้
..พี่เป็นของเค้า...อยู่กับเค้า
แต่ถ้าพี่ตายไปเมื่อไหร่ ...พี่ต้องรอฉันนะคะ
รอฉันที่เส้นทางข้ามขอบฟ้า...ที่สุดขอบโลก
บนโลกใบนี้
.พี่เป็นคนใกล้ ที่ห่างไกลเหลือเกิน
แต่ในโลกใบหน้า
ฉันขอเห็นแก่ตัว
ขอให้พี่เป็นของฉันนะคะ
เป็นของฉัน ทั้งร่างกายและหัวใจ
รักเสมอ
ลงชื่อ
น้องสาวคนเดิม
จดหมาย
ที่ไม่ได้ส่ง
...
...
จบ
อ่านแล้ว..ช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะ....ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
น้อมรับทั้ง...คำติและคำชม...เพื่อจะนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป
...
...
อ่านความรู้สึกของผู้หญิงอีกคนได้ที่
"ความในใจ..ที่ไม่มีใครได้ยิน..ตอน..กอดฉัน..หัวใจเธอกอดใคร"
แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 51 01:12:05
แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 51 01:10:15
แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 51 01:08:41
แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 51 00:23:33
จากคุณ :
nikanda
- [
1 เม.ย. 51 00:00:04
]