Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ความในใจ..ที่ไม่มีใครได้ยิน..ตอน..จดหมาย....ที่ไม่ได้ส่ง

    ถึง...พี่ชาย
    ..
    ..
    พี่ชายคะ…..อยู่ทางโน้น เป็นอย่างไรบ้างคะ?
    นี่คงเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่เป็นธรรมดาสามัญที่สุดที่ฉันพอจะนึกออก
    ฉันไม่รู้ว่า ควรเริ่มต้นประโยคอย่างไรดี…
    เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว เรื่องระหว่างเรานั้น มันไม่มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ด้วยประการทั้งปวง
    ต่อให้โลกหยุดหมุน วันเวลาย้อนกลับ หรือดวงตะวันอันร้อนแรงยอมรับรักอันจงรักภักดีจากดอกทานตะวัน
    แต่เรื่องของเราสองคนนั้น มันก็ไม่มีวันที่จะเป็นไปได้ และคงไม่มีใครยอมรับทั้งนั้น
    รู้ไหมคะ…ทุกวินาทีของวันที่เหลืออยู่ ฉันทำอะไรบ้าง
    ฉันก็ยังคงใช้ชีวิตของฉันไปเรื่อยๆนั่นแหล่ะค่ะ ฉันยังคงเฝ้ามองพระอาทิตย์ส่องแสงอบอุ่นในยามเช้าทางทิศตะวันออก
    เพื่อบอกให้รู้ว่า……นี่ถึงเวลาเริ่มต้นของวันใหม่แล้ว
    และยังคงเฝ้ามองดวงอาทิตย์ส่องแสงเรื่อเรืองก่อนลาลับขอบฟ้าที่ทิศตะวันตกเช่นเดิม
    ดวงตะวัน…ยังขึ้นและลงอยู่ที่เดิมและเช่นเดิม…ไม่เคยเปลี่ยน
    เหมือนกับความสัมพันธ์ของเราใช่ไหมคะ….ที่มันยังคงที่
    ฉันรู้ว่า…มันจะยังคงเป็นเช่นนี้….ตลอดไป
    …
    …

    ฉันเหนื่อยค่ะพี่…..เหนื่อยเหลือเกิน
    ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันถึงได้เหนื่อยอย่างนี้
    ฉันทำงานแค่วันละไม่กี่ชั่วโมง งานก็ไม่นักหนาเท่าไหร่นัก
    ฉันใช้เวลาในการทำงานเพียงวันละสี่ร้อยแปดสิบนาที แต่การคิดถึงพี่คือเวลาที่เหลือทั้งหมดของวันนั้น
    พี่ทำอย่างนี้…..ได้อย่างไรคะ?
    นี่เป็นคำถาม ที่ฉันอยากถามพี่
    พี่มีสิทธ์อะไร มาปล้นเอาเวลาอันมีค่าของฉันไปอย่างหน้าตาเฉย
    …
    …
    ตั้งแต่วันแรก ที่เราได้รู้จักกัน พี่ทำให้หัวใจของฉันสั่นไหว
    ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่รู้จักหรอกค่ะกันคำว่า“ตกหลุมรัก”เลยซักครั้ง
    ฉันรู้แต่ว่า วันที่ฉันได้สบตากับพี่
    โลกของฉัน มันเปลี่ยน ….เหมือนเวลาหยุดหมุนชั่วขณะ
    หรือถ้าพูดว่าหัวใจเราถูกจับเหวี่ยงออกไปนอกร่างกาย…ก็คงไม่เกินความจริงไปนัก
    ถ้าการตกหลุมรัก มันคือการที่หัวใจเต้นแรง
    ฉันคงเริ่มตกหลุมรักแล้วละค่ะ
    “หลุม”ที่พี่ขุดมาล่อฉัน ไม่ว่าพี่จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
    มันลึกเอาการทีเดียวค่ะ…….ลึกจนฉันมองไม่เห็นว่า มันอันตรายซักแค่ไหน
    อย่างนี้กระมังคะ…….ที่คนเค้าว่ากันว่า
    “น้ำนิ่งมันไหลลึก”
    ยิ่งน้ำนี่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น
    แต่อย่างว่า “ความรักทำให้คนตาบอด”มันคงไม่ใช่แค่คำนิยามเท่านั้นมังคะ
    รอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของพี่ ความใจดีของพี่ คือบางสิ่งบางอย่างที่แสนวิเศษ
    มันขับกล่อมให้หัวใจของฉันมึนเมา….ยิ่งกว่ายากล่อมประสาทชนิดใดใดในโลกนี้ซะอีก
    “ความรู้สึกรัก”นี่มันช่างพิเศษจริงๆเลยนะคะ
    เวลาที่ถูกรัก…..มันช่างแสนอ่อนหวานราวกับเรากำลังเดินข้ามสะพานสายน้ำผึ้งกระนั้น
    ที่แม้เราจะรู้ว่า มันสูงชัน  อันตราย เมื่อเราปีนป่ายอยู่บนนั้น และซักวันมันอาจพลาดพลั้ง พลัดตกลงมาได้
    แต่รสชาติที่หอมหวาน ที่เราได้สัมผัสเกาะเกี่ยว เก็บกิน ขณะที่ปีนป่ายอยู่นั้น มันอร่อยลิ้น เหลือเกิน
    เกินกว่า…ที่เราห้ามหักหัวใจได้
    ยิ่งรางวัลแห่งความฝัน ที่ยืนโบกมือรอเราอยู่ที่ปลายทางนั้น มันช่างยิ่งใหญ่สมกับการรอคอยจริงๆ
    …
    …
    …
    แต่เค้าว่ากันไว้….ว่า“ความสุขมักสั้นเสมอ”
    พี่คะ……ในวันที่ฉันพลาดพลั้งร่วงหล่นจากความฝันที่แสนหวาน มันเหลือเชื่อ
    ในวันที่ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้กำลังข้ามสะพานสายรุ้ง แต่เพียงผู้เดียว
    มีใครอีกคน ที่เดินอยู่ข้างหน้าฉัน คนที่มีความฝันอันเดียวกันกับฉัน
    ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรค่ะ….บางที ณ วันนั้น
    อาจเป็นเพียงฉันคนเดียว ที่กำลังเดินไปบนเส้นทางที่ทอดไปสู่แสงแห่งความรัก
    หากแต่ปลายทางแห่งรักนั้น…..กลับไม่มีใครที่กำลังเฝ้ารอฉันอยู่
    …
    …
    การรักคนที่มีเจ้าของอยู่แล้ว  มีทางไหนให้ฉันเลือกเดินบ้างคะ?
    ฉันสับสน ฉันดิ้นรน ฉันกำลังอยู่บนเส้นทางที่“กลับไม่ได้…ไปไม่ถึง”
    ฉันจะทำอย่างไรดีคะ??
    คำถามที่ไม่มีคำตอบ….มันไม่มีเส้นทางให้ฉันเลือกเลยซักทาง
    เมื่อฉันกลับไม่ได้ แต่ก็ไปไม่ถึง
    ฉันก็ขอหยุดค่ะ…..ฉันจะหยุดความรู้สึกดีดีที่มีต่อพี่ไว้แค่ตรงนี้
    ฉันจะไม่เลิกรักพี่หรอกนะคะ….ฉันแค่ถอยออกมาหนึ่งก้าวเท่านั้น
    ฉันรู้ค่ะ….ว่าพี่ก็รักฉัน….แต่มันไม่มากพอ และเราก็รักกันไม่ได้
    ฉันจะเป็นฝ่ายไปเองค่ะ……ฉันไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะคะ
    แต่หากเมื่อความรักที่เราจะได้มา มันไม่ใช่ของเราทั้งหมด เราก็ไม่ควรรับใช่ไหม
    พี่คงคิดว่าฉันเป็นคนโลภ ฉันยอมรับค่ะ…ว่าฉันโลภ
    แต่ฉันผิดด้วยหรือ ที่ฉันเห็นแก่ตัว อยากจะได้ครอบครองทุกอณูความรักของพี่ไว้คนเดียว
    …
    …
    ดีแล้วล่ะค่ะ ที่เรื่องของเรามันจบลงแบบนี้
    พี่คิดว่าฉันจะดีใจหรือคะ? ที่ความรักของเรา จะทำให้คนอื่นต้องเสียใจ
    มันคงน่าละอายเกินไป ที่ความสุขสมปรารถนาของฉัน
    คือการต้องเหยียบย่ำและหยิบยื่นความทุกข์ระทม ขมขื่นให้คนอื่น
    ใครอีกคน….คนที่ยืนอยู่ตรงนี้มาก่อนฉันเสียอีก
    ฉันมาทีหลัง…ฉันก็ควรจากไปแต่โดยดี
    ฉันจะไม่ขอให้พี่ลืมฉัน….เพราะฉันก็จะไม่ลืมพี่เช่นกัน
    ความรักของฉันที่มีต่อพี่
    มันทำให้โลกใบเล็กๆที่อ้างว้างของฉันสวยงาม
    สิ่งดีดีของพี่ที่มอบให้ฉัน….ฉันจะเก็บมัน ใส่ขวดโหลไว้ค่ะ
    พี่คะ….ขวดโหลแห่งความทรงจำนั้น….ฉันตั้งชื่อมันไว้ด้วย
    ฉันให้ชื่อมันว่า“พี่ชาย ที่แสนดี”
    รู้ไหมคะ…ทำไมฉันถึงตั้งชื่อไว้เช่นนี้
    ฉันตั้งมันไว้เพื่อเตือนใจตัวเองค่ะ…ว่าระหว่างเรานั้น
    ความสัมพันธ์ของเรา…..เป็นได้แค่ไหน
    ในขวดแห่งความทรงจำใบนั้น…….ฉันพับดวงดาวใส่ไว้ด้วยนะคะ
    เมื่อไหร่ที่ฉันคิดถึงพี่….ฉันจะคอยนับเวลาทุกนาที
    ครบหนึ่งพันนาที ฉันก็จะพับดวงดาวหนึ่งดวงใส่ลงไปในนั้น
    ถ้าพี่มาเห็น พี่ต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าฉันมีดวงดาวแห่งความคิดถึงมากกว่าดวงดาวที่ทอแสงอยู่บนฟากฟ้าเสียอีก
    …
    …
    พี่คะ…ฉันมีอะไรจะสารภาพ
    บางทีฉันก็แอบคิดฝันนะ….ฝันว่าพี่จะรับรู้ถึงความคิดถึงจากดวงดาวบนฟ้า
    ที่ทอแสงสุกสกาวเป็นสื่อนำความคิดถึง จากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง
    ป่านนี้….พี่จะทำอะไรอยู่คะ?
    พี่กำลังมองดาวดวงเดียวกันฉันรึเปล่า?
    ฉันกำลังมอง…….ดวงดาว…ดวงที่ส่องสว่างที่สุดอยู่นะคะ
    ดาวดวงนั้น ทอประกายแสงเจิดจ้า กระพริบวิบวับ….เสมือนกำลังบอกฉันว่า
    เธอเข้าใจความรู้สึกฉัน และจะนำมันไปส่งให้กับคนบางคน
    ฉันอาจเป็นคนโง่…..ที่รักใครบางคน ที่ไม่มีสิทธ์
    แต่ความรัก….มันห้ามไม่ได้นี่น่า
    คงไม่ผิดนัก หรอกใช่ไหม ที่ฉันจะรักคนคนนึงอยู่อย่างนี้
    รักแบบห่างๆรักอย่างห่วงๆรักอย่างนี้ไปเรื่อย….เรื่อย
    พี่คงไม่ห้ามสิทธ์….ที่ฉันขอแค่คิดถึงหรอกนะคะ
    …
    …
    วันนี้…พระจันทร์ข้างแรม…
    แสงอ่อนๆที่ทาทาบท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล
    ฉันนั่งมองอยู่ที่ข้างหน้าต่าง….เหมือนทุกๆวัน ตั้งแต่ฉันจากมา
    ฉันชอบมองค่ะ……ฉันชอบสีเหลืองอ่อนแกมส้ม ที่ดูอ่อนหวานไร้เดียงสา
    ฉันชอบที่บางคืน…ที่แสงของพระจันทร์เปลี่ยนเป็นสีม่วงอมแดง มันดูบอบช้ำเหลือเกิน
    แต่บางครั้งมันก็เป็นสีชมพูนะคะ….สีชมพู….ราวกับว่าพระจันทร์กำลังมีความรัก
    พี่เคยได้ยินเรื่องเล่าเรื่องนี้ไหมคะ?
    ที่ว่าพระจันทร์กำลังตกอยู่ในห้วงรักของพระทิตย์
    พระจันทร์ยังคงเฝ้ารักพระอาทิตย์อยู่เช่นนั้น
    …
    …
    แม้ว่ามันรู้ว่าไม่มีสิทธ์ครอบครอง….พระจันทร์ยังคงล่องลอยอยู่ใกล้พระอาทิตย์
    แม้แสงอันเจิดจ้า พราวพร่าง…กลบมิด…จนมองไม่เห็นแสงอันน้อยนิดของดวงจันทร์
    มันรู้ว่าตราบใดที่ทั้งสองยังคงมีแสงสว่างอยู่ในตัวเองเช่นนี้..
    มันคงไม่มีวันได้เคียงคู่กันแน่ แน่….
    แต่พระจันทร์….มันรู้จักที่จะเรียนรู้กฏความเป็นจริงของธรรมชาติ
    ว่า…..ทั้งสองสิ่ง….คือพระจัทร์กับพระอาทิตย์นั้น…
    มันไม่มีวัน ดับแสงในตัวเองได้
    เพราะมันรู้ว่า หากวันใด ที่โลกใบนี้ ไร้ซึ่งแสงสว่าง
    ทั้งแสงอันร้อนแรง ที่สามารถแผดเผาทุกสรรพสิ่ง แต่ก็ให้ความอบอุ่นแก่มวลมนุษย์
    และแสงนวลตาอันอ่อนหวาน…ที่คงส่องนำทาง ในค่ำคืนที่มืดมิดแล้วไซร้
    โลกก็คงถึงการดับสูญ……..
    ฉันกำลังพยายามเรียนรู้…
    การทำตนให้เป็นดั่งเช่นดวงจันทร์ค่ะ
    เพียงแต่ฉันเป็นเพียงคนตัวเล็กๆคนหนึ่ง
    ไม่มีประโยชน์….มากมายต่อใครต่อใครนัก
    แต่หากสิ่งที่ฉันทำได้……คือการไม่ต้องมีความรัก อยู่บนการทำร้ายหัวใจใคร
    แค่นี้…ก็เพียงพอแล้ว….ล่ะค่ะ
    …
    …
    แต่พี่รู้ไหมคะ?
    ว่ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน
    การทำตัวเป็นคนดี…….มันทรยศฉัน
    คำว่า“ศีลธรรม”มันกำลังกัดกร่อนหัวใจฉัน
    พี่คะ….ถ้าฉันรู้ว่าความรักมันเจ็บปวดอย่างนี้
    ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเอง ตกลงไปอย่างเด็ดขาด
    เค้าว่ากันว่า
    “ความรักทำให้คนเหมือนเด็ก”
    ฉันได้ยินมาจากไหนหนอ…ฉันจำไม่ได้แล้ว
    เด็กที่มองเห็นไฟ ใครๆบอกว่าร้อน เด็กก็ยังอยากลอง อยากสัมผัส
    ผู้ใหญ่อย่างฉันก็เหมือนกัน……เหมือนกัน…เหลือเกิน
    ทั้งรู้ว่าไฟแห่งความรักมันร้อน มันกำลังแผดเผาให้ร้อนรุ่ม
    แต่ฉันก็ไม่พยายามตะกายหนี จากไฟนั้น
    กลับยอมให้สะเก็ดไฟแห่งความคิดถึง….มันทำร้าย ให้หัวใจของเราพุพอง
    …
    …
    ฉันกำลังจะตายค่ะ…พี่
    ฉันเป็นโรคหัวใจขั้นสุดท้ายเสียแล้ว
    โรคหัวใจ…ที่ไม่มีหมอคนไหน ไหน จะรักษาหาย
    แค่ความคิดที่ว่า….จะต้องหยุดรักพี่
    หัวใจฉันก็ราวกับถูกบีดรัด ด้วยมือที่มองไม่เห็น จนหายใจไม่ออก
    คนคนนั้นของพี่…ก็คงเช่นกัน
    ความหวาดระแวงของเธอ ที่มีต่อความสัมพันธ์ของพี่กับฉัน
    ก็คงทำให้เธอนอนหลับไม่ลงหรอก
    ในหัวใจที่อ่อนหวานของเธอ…คงเต้นไม่เป็นจังหวะ
    ขณะที่ครุ่นคิดว่า“ในอ้อมแขนที่กำลังโอบกอดเธออยู่นั้น เจ้าของอ้อมกอดกำลังคิดถึงใคร”
    ในขณะที่ฉันต้องโอบกอดตัวเองอย่างเดียวดาย…เพราะไม่มีใครมาโอบกอด
    …
    …
    เราไม่ควรได้รู้จักกันเลยนะคะ
    เราไม่น่าผ่านมาเข้ามาพบกัน…ในเส้นทางรักสายนี้
    มันอาจเป็นแค่เพียง“ความบังเอิญ”…..หรืออาจเป็นเรื่องของ“พรหมลิขิต”ก็ได้
    แต่ทุกครั้งที่โรคความคิดถึงกำเริบ…จนฉันเจ็บ...ปวดหัวใจ
    ฉันจะโทษพรหมลิขิต ที่มันบังเอิญทำให้เราสองคนเจอกัน“ช้าไป”
    …
    …
    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
    โรคหัวใจ มันกำลังทำให้ฉัน“จะตาย”เท่านั้น
    แต่มันไม่ได้ทำให้ฉันตายไปจริงจริงซักหน่อย
    ถึงวันนี้…ฉันก็ยังมีลมหายใจอยู่….ยังดำเนินชีวิตต่อไปค่ะ
    ยังอยู่…เพื่อเฝ้ามอง“ความรักที่จงรักภักดี”ของพระจันทร์ที่มีต่อดวงตะวันต่อไป
    อยู่….เพื่อมองดอกทานตะวัน“เฝ้าเทิดทูน”พระอาทิตย์
    อยู่….เพื่อดื่มด่ำความงดงามของดวงดาวนับล้านดวง
    และอยู่….เพื่อมองนกน้อยบินไปบนฟ้ากว้าง“อย่างอิสระและเสรี”ด้วยความอิจฉา
    เพราะหัวใจของฉันยังคงถูกจองจำอยู่กับอดีต
    ที่รอคอยใครซักคน…….ที่มีกุญแจวิเศษ มาปลดปล่อยฉัน
    ออกจากกรงขังที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าของพี่
    “กรงขังหัวใจ”ที่แสนอึดอัดด้วยบรรยากาศแห่งความรัก ที่จับต้องไม่ได้
    มีอาหารจานพิเศษที่มีชื่อว่า“ความคิดถึง”ไว้ประทังชีวิต
    รสชาติของมันมีทั้งหวานชื่น...และขื่นขม
    เมื่อทานมันเข้าไปแล้ว…“รสหวาน”ของมันก็ติดลิ้น....ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ
    แต่แล้ว“รสขม”ก็ตามติดเข้ามา…แทรกซ่านเข้าไปในเส้นเลือดจนปวดร้าว
    …
    …
    “ฉันอยากถูกปลดปล่อย”
    ฉันบอกแบบนั้น…..แต่ความจริงแล้ว…ลึกลึกลงไป
    ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ…ว่าฉันต้องการมันจริง จริง หรือเปล่า
    ..
    …
    จดหมายฉบับนี้…
    ฉันเขียนมันด้วยปากกาแห่งความรัก…
    และไม่มียางลบ ....ลบออกซะด้วย
    ตอนเริ่มต้นเขียน…ฉันตั้งใจจะส่งไปหาพี่
    ฉันอยากทำตัวเป็นนางมารร้าย…ยื้อแย่งเอาพี่มา
    แต่“มโนธรรม”ที่ฉันเกลียดเข้าไส้ แต่ฉันก็หนีไม่เคยพ้น
    เพราะมันตามติดความคิดของฉัน ยิ่งกว่าเงาในยามเที่ยงวันเสียอีก
    และคำว่า“มโนธรรม”นี่แหล่ะ…ที่ยับยั้งฉันไว้
    ไม่ให้ทำร้ายหัวใจ….คนทุกคน
    แค่นี้…..พวกเรา ก็เจ็บมากพออยู่แล้ว
    แม้ฉันจะเจ็บมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย…จะเป็นไรไป
    …
    …
    แต่ฉันอยากจะขอร้องแค่นิดเดียว…ค่ะพี่
    บนโลกใบนี้…..พี่เป็นของเค้า...อยู่กับเค้า
    แต่ถ้าพี่ตายไปเมื่อไหร่ ...พี่ต้องรอฉันนะคะ
    รอฉันที่เส้นทางข้ามขอบฟ้า...ที่สุดขอบโลก
    บนโลกใบนี้….พี่เป็นคนใกล้ ที่ห่างไกลเหลือเกิน
    แต่ในโลกใบหน้า…ฉันขอเห็นแก่ตัว…ขอให้พี่เป็นของฉันนะคะ
    เป็นของฉัน ทั้งร่างกายและหัวใจ
    …
    …
    รักเสมอ
    ลงชื่อ…น้องสาวคนเดิม
    …
    …
    จดหมาย…ที่ไม่ได้ส่ง
    ...
    ...
    จบ
    อ่านแล้ว..ช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะ....ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
    น้อมรับทั้ง...คำติและคำชม...เพื่อจะนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป
    ...
    ...
    อ่านความรู้สึกของผู้หญิงอีกคนได้ที่
    "ความในใจ..ที่ไม่มีใครได้ยิน..ตอน..กอดฉัน..หัวใจเธอกอดใคร"

    แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 51 01:12:05

    แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 51 01:10:15

    แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 51 01:08:41

    แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 51 00:23:33

    จากคุณ : nikanda - [ 1 เม.ย. 51 00:00:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom