ขณะที่กำลังนั่งรอการมา
ของเขา
เพื่อฉลองครบรอบห้าปีของการแต่งงานของเรา
โต๊ะเล็กๆขนาดสองที่นั่ง
ในร้านบรรยากาศอบอุ่น
ความเป็นกันเองของบริกร
ที่มาคอยต้อนรับ
และแวะเวียนมาที่โต๊ะเสมอๆ อย่างเอาใจใส่
ไม่ได้ทำให้ฉันอบอุ่นใจนัก
ฉันคิด
.ขณะเหลือบตาที่แต่งแต้มสีสันมาอย่างปราณีต
ไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ ที่ประดับฝาผนังด้านขวามือของร้าน
หนึ่งชั่วโมงแล้ว
ที่เลยเวลาที่เรานัดหมายกันไว้
เขาทำงานหนัก
ฉันเข้าใจ
.เขาเป็นอย่างนี้เสมอ ตั้งแต่เรารู้จักกัน
จนเราแต่งงานกัน เขาก็ยังไม่เคยเปลี่ยน
.เวลาที่เรามีให้แก่กัน
มันช่างน้อยนิด
แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันบอกตัวเองอย่างนั้นเสมอมา
ตลอดเวลา ฉันเฝ้าบอกตัวเองว่า เพื่ออนาคตของเรา ฉันทนได้
แม้แต่วันนี้
.วันครบรอบห้าปีของการแต่งงานของเรา
ทั้งๆที่เราอยู่บ้านเดียวกัน แต่ฉันกลับต้องมานั่งรอเขาเป็นชั่วโมงๆอย่างนี้
ความจริงการที่ต้องแบ่งเวลาของเขาไปให้งาน ฉันพอทนได้
แม้บางครั้ง
.ฉันอยากเรียกร้องให้เขาแบ่งเวลาอันที่ค่า มาให้ฉันมากกว่าที่ฉันเคยได้รับบ้าง
แต่เบื้องหลังความยุ่งเหยิงของงานและความเย็นชาของเขาต่างหาก
ที่กำลังทำให้หัวใจอันบอบบางของฉัน
.เริ่มครุ่นคิดบางสิ่ง
ดวงตาแสนหวานทอดมองไปยังเปลวเทียนบนโต๊ะตรงหน้า
เปลวเทียนที่ส่องแสงสีส้มอมชมพูจางๆระเรื่อ แต่ก็ให้ความสว่างไม่น้อย
แต่ความสว่างและความอบอุ่นอันน้อยนิด
มันคงเข้าไปไม่ถึงหัวใจฉัน
ในหัวใจฉันจึงเย็นเยียบราวกับนั่งอยู่บนธารน้ำแข็งเช่นนี้
ควันสีเทาหม่นของมันลอยละลิ่วล่องไปไม่มีทิศทาง
ดวงตาของฉัน
ยังคงมองมุ่งไปตรงหน้านั้น
ขณะที่หัวใจของฉันล่องลอยไปไกล
ไกลแสนไกล
ย้อนไปยังอดีตที่ฉันอยากลืมเลือน
ไปยังเวลาที่ฉันอยากให้มีปาฏิหารย์
ลบเลือนมันออกไปจากประวัติศาสตร์แห่งความทรงจำ
ฉันอยากให้มันเป็นเพียงความฝัน
ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง
ความฝันที่ฉันจะ
ไม่มีวันตื่นขึ้นมาพบพาน
เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของกาลเวลา
.ที่ดับสูญ
เป็นเพียงละอองไอหมอก
ที่ต้องแสงแดด..แล้วละเหยไปพลัน
หากแต่ความเป็นจริง
มันไม่ง่ายดาย
นางฟ้าแห่งการเวลา
คงไม่ปราณีฉันถึงเพียงนั้น
วันนี้
ฉันถึงยังคงนั่งอยู่ตรงนี้
..ด้วยความปวดร้าวหัวใจ
เพราะมีเศษเสี้ยวของความรักที่แตกหัก
.ปักและฝังรากลึกอยู่ในนั้นมานานแสนนาน
และการเวลาก็ไม่อาจเยียวยาได้
.
สองปีแล้วซินะ
ที่ฉันต้องรู้สึกอย่างนี้
สองปีแห่งความแตกร้าว
.ที่มันยากที่จะประสาน
สองปีที่นำมาซึ่งความปวดปร่า
.ของคนหลายคน
สองปีที่หัวใจของฉันวิ่งวน
.ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน
ฉันไม่รู้ว่า
ฉันผิดตรงไหน
ฉันไม่รู้ว่า
อะไรคือช่องว่างระหว่างเรา
ฉันรู้เพียงแต่ว่า
กว่าฉันจะรู้ตัว
ผู้หญิงคนนั้น
.เธอก็แทรกเข้ามา..อยู่ในหัวใจคุณเสียแล้ว
ฉันไม่รู้ว่า
เธอทำได้อย่างไร
ทำไมเธอคนนั้น
ถึงมีอิทธพลต่อหัวใจคุณนักหนา
บางที
..ฉันคงต้องหันกลับมามองตัวเองซักครั้ง
ว่าฉันพลาดอะไรไป
คุณรู้ไหม
.ว่าวันที่ฉันได้รับรู้ความจริงที่แสนโหดร้ายนี้
ฉันรู้สึกเช่นไร
ถ้าในชีวิตนี้ที่ผ่านมาในอดีตของคุณ
.เคยถูกทรยศหัวใจมาก่อนสักครั้ง
คุณคงเข้าใจ
มันไม่มีอะไร จะเจ็บปวดเท่านี้อีกแล้ว
แม้ว่าเธอคนนั้น
.จะได้จากไป..แม้ว่าคุณจะยังอยู่ตรงนี้กับฉัน
แต่มีดที่เคยปักลึกลงไปในความรู้สึก
ถึงคุณจะถอนมันออก..แต่ร่องรอยมันไม่เคยหายไปไหน
มันยังอยู่
มันยังอยู่ที่นี่.ที่ข้างในหัวใจฉัน
มันยังคงพุพอง
กลัดหนอง
รอคอย
วันแตกปริ
เพียงแค่สายลมแห่งความหวาดระแวง
พัดพลิ้วพาดผ่านเพียงเบาเบา
ก็อาจทำร้ายหัวใจได้
ถึงฉันจะรู้..ว่าผู้หญิงคนนั้น..เธอคงไม่ได้ตั้งใจ
เธอคงไม่รู้
ว่าคุณมีฉันอยู่แล้ว
ฉันรู้ค่ะ
ว่าเธอไม่ผิดเลยซักนิด
เธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง
.ที่รักคุณเท่านั้น
รักคุณ
..เหมือนที่ฉันเอง
ก็รัก
แต่ไม่ว่า
.มันจะมีกี่ร้อยพันเหตุผล
ก็ฉุดรั้ง
ความรู้สึกเกลียดที่ฉันมีต่อเธอไม่ได้
ฉันเกลียดเธอ
ที่แทรกเข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างเรา
ฉันเกลียดเธอ
ที่นำความสดใส ความแปลกใหม่ ความอิสระเสรีที่ฉันไม่เข้าใจนัก มาสู่คุณ
ฉันเกลียดเธอ
ที่เลือกที่จะไปจากความสัมพันธ์ของเราทั้งสามคน
และฉันเกลียดเธอที่สุด
.ที่เธอทำให้ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองยิ่งนัก
ยิ่งเธอทำตัวเป็นคนดีด้วยการจากไปเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งขยะแขยงตัวฉันเองมากขึ้นเท่านั้น
ขยะแขยงตัวเอง
.ที่อ่อนแอเหลือเกิน
ขยะแขยงตัวเอง
.ที่ยอมพ่ายแพ้ให้แก่ความรัก
ขยะแขยงตัวเอง
.ที่เอาความผูกพันธ์สงสารจากคุณ มาเป็นพันธนาการฉุดรั้งคุณไว้
ขยะแขยงตัวเอง
.ที่เห็นแก่ตัว
.ไม่ยอมปล่อยให้คุณไป เพื่อความสุขของฉันเอง
แต่ความเห็นแก่ตัว
มันไม่เคยให้คุณแก่ใคร
และตอนนี้
..ความเห็นแก่ตัว มันกำลังให้โทษแก่ฉัน
การลงทันฑ์ทางความรู้สึก
ทั้งๆไม่ใช่ความผิดของฉัน
และอาจไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น
มันคงเป็นแค่
.ความสนุกของนางฟ้าแห่งการเวลา
ที่ลิขิตให้เรา
ได้ใช้เวลาแห่งความสุขสมต่อกันแค่นั้น
มันคงเป็นแค่
.ความสนุกของนางฟ้าแห่งการเวลา
ที่นำพาใครอีกคนที่ไร้เดียงสา
เข้ามาสู่ชีวิตของเรา
และมันก็คงเป็นแค่
.ความสนุกของนางฟ้าแห่งการเวลา
ที่จะได้เฝ้ามองเราทุกคน
ดิ้นรน
หาหนทางออก
จากเขาวงกตแห่งรัก
ที่สลับซับซ้อน
จนเรามองไม่เห็นทางออกซักทาง
โดยที่จะไม่ทำให้ใครคนใดคนหนึ่ง
ไม่ต้องเจ็บปวดเสียใจ
..
..
และโทษๆนั้นของฉัน
..ก็คือความหวาดระแวงอยู่เสมอ
ในขณะที่เธอคนนั้น
.ยืนอยู่ตรงไหนของโลก
ฉันก็ยังไม่รู้
แต่หนามแหลมของรอยอดีต
ยังคงทิ่มแทงฉันอยู่
ในอ้อมแขนของคุณ
ที่โอบกอดฉันอยู่อย่างอบอุ่น
ในอกใจของฉันกลับหนาวเยือก
..เพราะไม่อาจรับรู้ได้ว่า
ในขณะที่คุณโอบกอดฉันนั้น
หัวใจของคุณ
กำลังเฝ้าครุ่นคิดถึงใครกันแน่?
รอยยิ้ม
ที่เรามีต่อกัน
มันไม่นำมาซึ่งความสดชื่นอ่อนหวานอีกแล้ว
ตาสบตากัน
.หากหัวใจมันไม่สบกับหัวใจดังเดิม
คุณคะ?
บางทีเวลาสองปี
มากอาจจะมากเกินไป
เกินไป
สำหร
.
เพล้ง
เสียงที่ดังขึ้นที่ข้างเก้าอี้
.ทำให้เธอสะดุ้ง
และรู้สึกร้อนนิดๆที่ปลายนิ้วเท้า
บนรองเท้าส้นสูงแบบเปิด
บริกรรีบก้มลงเช็ดให้และกล่าวขอโทษเป็นการใหญ่ในความซุ่มซ่าม..
หากแต่เธอรั้งไว้
กล่าวแก่บริกรผู้นั้น
ว่าไม่เป็นไร
เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
มันไม่ทำให้เธอเจ็บได้ซักเท่าไหร่หรอก
สิ่งที่เธอจะทำหลังจากนี้ต่างหาก..ที่มันจะเจ็บอย่างเหลือแสน
กลับมาจากห้องน้ำ..หลังจากไปล้างคราบรอยเปรอะเปลื้อนเรียบร้อย
ทุกอย่างที่แตกกระจายบนพื้นเมื่อกี้นี้
ถูกทำความสะอาด..จนเกลี้ยง ไม่หลงเหลือแม้ร่องรอย
ว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนี้มาก่อน
เธอยิ้มเล็กน้อย
ขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม
ตัวเก่า
เมื่อกี้
ฉันกำลังคิดอะไรอยู่นะ
อ้อ
..ฉันกำลังคิดว่า
บางทีเวลาสองปี
.มันอาจจะมากเกินไป
มากเกินไปสำหรับการที่จะพยายามประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวง
หัวใจที่ดวงหนึ่ง
.เป็นอื่นไปแล้ว
ขณะที่หัวใจอีกหนึ่งดวง
ก็มีแต่รอยแยกของความหวาดระแวงเท่านั้น
เวลาที่ผ่านมา
มันไม่ช่วยเยียวยาอะไรได้เลย
เมื่อขณะที่คุณกำลังยิ้มให้ฉัน
หัวใจคุณกำลังยิ้มให้คนอื่น
ฉันไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปแล้ว
ไม่ใช่สิ
ไม่ใช่ว่าฉันจะทนต่อไปไม่ได้
แต่ฉันจะไม่ทนกับมันอีกต่อไป
.ต่างหาก
ความรักของเรา
คงไม่ต่างกันนัก กับกาแฟถ้วยเมื่อกี้
กาแฟ
.ที่ทำให้เท้าของฉันแสบร้อนอยู่ในขณะนี้
..
..
ถ้วยของมันที่บรรจุ
กาแฟที่หอมหวาน และขมนิดๆ
กาแฟที่มัน
มีกลิ่นของความรักที่ลอยอบอวลหอมกรุ่น
หากแต่เมื่อมันร่วงหล่น
ลงมาแตกออกเป็นสองเสี่ยงแล้ว
มันก็ไม่มีวันเหมือนเดิม
.อีกต่อไป
ถ้วยใบนั้น
มันเอามาเชื่อมต่อกันใหม่ไม่ได้
หรือหากนำมา
หลอมละลายด้วยความร้อน
ผ่านกระบวนการผลิตอีกครั้ง
มันก็จะเป็นแค่ถ้วยใบใหม่เท่านั้น
ไม่มีความทรงจำของความรัก
ของเราอีกต่อไป
คุณคะ
ถึงแม้ว่าเราจะมีถ้วยใบใหม่
แต่เราไม่มีน้ำกาแฟ
.แห่งความรักอีกแล้ว
มันกระจายลงบนพื้นไปหมด
ทำได้อย่างเดียว
คือรอคอย
การเก็บกวาด
ทำความสะอาดเท่านั้น
..
..
คงถึงเวลาที่ฉันจะต้องยอมรับความจริง
แล้ว
ว่าความรักของฉันแต่เพียงฝ่ายเดียว
มันไม่เพียงพอ
ถึงเวลาแล้ว
ที่ฉันควรจะปล่อยคุณไป
ไปตามทางของคุณ
ถึงเวลาแล้ว
ที่ฉันจะต้องทำความสะอาดกาแฟของเรา
ที่มันหกเลอะเทอะมานาน
.เสียที
..
..
เสียงโมบายอันเล็กๆที่ประตูร้านอาหารดังขึ้น
เมื่อร่างสูงในชุดสูทเปิดเข้ามา
พร้อมกับกระเป๋าเอกสารใบย่อม
บ่งบอกให้รู้ว่า..เขาเพิ่งเลิกงาน ออกจากสำนักงานและตรงมาที่นี่ทันที
ดวงตาของเขาที่มองมุ่งมาที่หญิงสาว
มีความเป็นมิตร
อ่อนโยน
มีความเข้าอกเข้าใจ..หากแต่เบื้องหลังแววตานั้น
มีแววของความหมองหม่น และเหนื่อยล้าเหลือเกิน
หญิงสาวร่างบอบบางที่นั่งอยู่เมื่อครู่ ลุกขึ้นยืนต้อนรับ
พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น..แกมเศร้า
หากแต่ก็เป็นรอยยิ้ม
ที่เธอยิ้มให้เขา..ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งเป็นครั้งแรก ในรอบสองปีสุดท้าย
..
..
ลาก่อนค่ะ..ที่รัก
นี่คือคำที่ฉันจะต้องฝืนใจพูดให้ได้
ในวันนี้
แม้จะด้วยหัวใจที่ร้าวราน
ก็ตาม
...
...
จบ
...
...
อ่านแล้ว..ช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะ....ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
น้อมรับทั้ง...คำติและคำชม...เพื่อจะนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป
"ความในใจที่ไม่มีใครได้ยิน ตอน กอดฉันหัวใจเธอกอดใคร"
เป็นเรื่องต่อเนื่องจาก "ความในใจที่ไม่มีใครได้ยิน ตอน จดหมายที่ไม่ได้ส่ง"
ที่ผู้เขียนอยากให้เห็นถึงมุมมองของความคิดของเรื่องราวความรักสามเส้า
ว่าแต่ละฝ่าย..มีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร ผู้เขียน เขียนด้วยรู้สึกว่า"น่าจะเป็น"
หากเข้าไม่"ลึก"ถึงหัวใจของใครที่เคยโดนแบบนี้ ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
หากใครอ่านแล้ว...ไม่ชอบใจ ก็ขอเพียงแค่ผ่านไป..ด้วยรอยยิ้ม
หากแต่ถ้าใครชอบใจ...ก็ขอให้กลับไปอ่านความรู้สึกของผู้หญิงอีกคนได้
ที่ "ความในใจที่ไม่มีใครได้ยิน..ตอน..จดหมายที่ไม่ได้ส่ง"
แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 51 01:13:54
จากคุณ :
nikanda
- [
1 เม.ย. 51 00:04:23
]