แดดยามสายของวันเสาร์ส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่เจ้าของห้องไม่ได้ปิดไว้ตั้งแต่กลางคืน เหตุผลเพราะอยากนอนชมดาวท่ามกลางความหม่นมืดของหมอกควันกรุงเทพฯโชคดีที่พักอยู่บนชั้นสูงสุดของ อพาร์ตเมนท์ก็เลยยังพอเห็นดวงดาวระยิบระยับบ้างในยามดึก แล้วก็เป็นผลให้วันหยุดสุดสัปดาห์อย่างวันนี้ได้นอนหลับอย่างสบายใจไม่ต้องรีบแหกตาลุกตั้งแต่ตีสี่เพื่อไปให้ทันทำงาน แต่ขณะกำลังนอนหลับอย่างมีความสุขเสียงกริ่งโทรศัพท์ก็ดังขึ้นบาดแก้วหู
โฮ้ย ไม่ต้องเลยพัท ไม่ต้องมาเลยค่ะ แบบว่าพัทให้เค้าอยู่คนเดียวบ้างสิคะ นะคะ ขอบคุณ หวัดดี เมรีกระแทกหูโทรศัพท์ลงแรงๆ จนตัวเองยังสะดุ้ง แล้วก็อดที่จะหยิบขึ้นมาสำรวจไม่ได้ พังหรือเปล่าหว่าไม่แฮะ ขอบคุณนะค้าที่แข็งแรงทนทาน แล้วก็วางโทรศัพท์รูปพระจันทร์เสี้ยวลงอย่างเบามือและลุกจากที่นอน อย่างเสียไม่ได้
เฮ้อ..สบายใจจริงๆ เล้ย
บางทีเมรีก็อยากจะอยู่กับตัวเองบ้าง โดยเฉพาะวันหยุด เมรีอยากนอนตื่นให้สายๆ ลุกขึ้นมาทักทายตะวันยามบ่าย ซักผ้ากองโตอย่างใจเย็นรดน้ำต้นไม้ จัดหนังสือ ปัดฝุ่นเครื่องเรือน และเพลิดเพลินกับเสียงเพลงจากเครื่องเสียงที่เปิดสนั่นลั่นห้อง แม้จะเป็นความสุขเพียงสองวันในรอบสัปดาห์แต่เป็นวันที่ได้พักผ่อนอย่างสบายใจที่สุด
กริ๊ง
อีกแล้ว เมรีอยากจะโยนเจ้าเครื่องโทรศัพท์พระจันทร์สีเหลืองลงจากหน้าต่างจริงๆ
ฮาโหลค้า
ที่นี่โรงงานน้ำปลาตั้งมาเจ๊งค่า
ยายเม ขายน้ำปลาตั้งแต่เมื่อไหร่ยะหล่อน
อ้าวหนิ่งนิ้งหรอกเหรอ นึกว่าพัท ตะกี้เพิ่งตะเพิดไปหยกๆ นึกว่าอยากจะโดนด่าอีก
แกก็ อีกแล้วเหรอ ไม่สงสารเขาบ้างหรือไง ไม่รักก็บอกเขาไปตรงๆซี่แกจะแกล้งเขาทำไม
ตอนนี้ไม่รักแต่วันข้างหน้าอาจจะรักก็ได้นี่ ว่าแต่แกมีอะไรโทฯ มาหาแต่เช้า นี่มันเวลาส่วนตัวนะ รู้จักไหมเวลาส่วนตัวน่ะ
ฉันจะชวนแกไปหาชุง
เพื่อนสาวหมายความถึงเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มของเมรี
ไม่ ไม่เด็ดขาดเลย
เมรีปฏิเสธเสียงแข็ง
ทำไมกลัวเจอภูวัตใช่ไหมล่ะ แกนี่น๊า ถ้าอยากทำใจให้ได้ไวๆ ก็หาแฟนซะสิจะได้ช่วยเยียวยาแผลหัวใจไง
ไม่หรอก ฉันไม่เคยคิดจะใช้ใครเป็นเครื่องมือ ฉันทำใจเองได้ รักเองก็ต้องไม่รักเอง ทำไม แกคิดว่าฉันไม่มีทางหักใจจากภูวัตได้งั้นสิ ตกลง ฉันจะไปหาชุงกับแกด้วย
พอรับปากไปแล้วนั่นแหละถึงได้มานั่งคิดทีหลังว่าไม่ควรเลย เพราะเมรีรู้ตัวเองดีว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อภูวัตนั้นเป็นอย่างไร ไม่ง่ายเลยที่จะต้องทำใจให้ไม่รัก เมรีอดนึกถึงพัทไม่ได้ ชายหนุ่มผู้แสนดี ทั้งๆ ที่เธอเองก็ทำร้ายความรู้สึกเขามานับครั้งไม่ถ้วน
อย่ายุ่งกับเค้าเลยพัท เค้ามันคนไม่ดีนักหรอก เอาแต่ใจตัวเองก็เท่านั้น โมโหร้ายก็เท่านั้น เค้าเป็นคนรักที่ดีของใครไม่ได้
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ใส่ใจกับคำพูดที่ทำร้ายจิตใจต่างๆ นาๆ นั้นเท่าไรนัก เขายังเป็นห่วง ไปหา และหวังดีอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดมาทั้งๆ เรื่องของภูวัตเขาก็รู้ดี
ภูวัตไม่รักเค้าหรอก เขามีคนอื่นให้รักให้ชอบอยู่แล้ว เค้ามันก็แค่เพื่อน
พยายามเหมือนกันแหละพัท อยากจะทำใจให้ได้ แต่มันยากจังเลย
ก็
หาใครสักคน
พัทอาจจะเห็นใจ บางทีเขาคงหมายถึงตัวเอง--
ไม่หรอกพัท เมื่อไหร่ที่เค้าทำใจเรื่องภูวัตไม่ได้เค้าจะไม่คบใคร เพราะถ้าหากเค้าทำอย่างนั้นมันก็หมายความว่าเค้าไม่ได้ชนะตัวเอง
อาจเพราะเหตุนี้ก็ได้จึงทำให้พัทรอ รอว่าสักวันเมรีจะทำใจได้ด้วยตัวเอง
ที่บ้านของชุง บ้านไม้หลังเล็กริมแม่น้ำป่าสัก มีท่าน้ำเป็นชานยื่นออกไปในแม่น้ำ เมรีชอบมานั่งที่นี่ทุกครั้งที่มาบ้านชุง เธอจะนั่งหย่อนเท้าลงไปในน้ำ ความเย็นของน้ำทำให้เมรีใจเย็น
กลิ่นหอมของดอกมะลิทำให้เมรีนึกถึงพัท พัทชอบดอกไม้สีขาวกลิ่นหอมแรงๆ บ้านของพัทปลูกดอกไม้สีขาวไว้ไว้เยอะแยะ และที่สำคัญบ้านของพัทอยู่ริมทะเล เมรีชอบนักชอบหนาเวลาที่ได้ไปเที่ยวบ้านพัท ได้นั่งมองคลื่นสาดกระทบโขดหิน เวลาน้ำขึ้น น้ำทะเลก็จะท่วมจนถึงเสาบ้าน แล้วมีฝูงปลาทะเลตัวเล็กๆ มาว่ายวนให้เห็นใกล้ๆ เมรีชอบนั่งมองเพลิน พัทใจดี พ่อกับแม่ของพัทก็ใจดีกับเมรีทั้งๆ ที่เมรีบอกกับท่านว่า หนูเป็นเพื่อนพัทค่ะ ท่าทางเศร้าๆ ในแววตาของพัท ผู้ใหญ่คงสังเกตได้ แต่ลูกผู้ชายอย่างพัทก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกใดให้เห็น แต่เอ ทำไมคิดถึงพัทขึ้นมาก็ไม่รู้
เม มานั่งอยู่ตรงนี้เอง หากันตั้งนานนึกว่าเข้าตลาดกับนิ้งซะอีก
เสียงเจ้าของบ้านดังมาแต่ไกล ชุงเป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน ซึ่งในกลุ่มของเมรีนอกจากชุงและนิ้งแล้วยังมีภูวัตอีกคน
ชุงตามหาเราทำไม
ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ
ภูวัตเพิ่งมา ดูเหมือนพาใครมาด้วย และคงอยากแนะนำให้เมรู้จัก
เมรีมองหน้าชุง
ใครเหรอ แฟนใหม่ภูล่ะสิ
เมรีเดาไม่ผิด
คงงั้น นั่นแน่ะมากันพอดี เราไปนะ เดี๋ยวไปช่วยนิ้งทำกับข้าวดีกว่า
ชุงลุกไปและคนที่เพิ่งมาถึง นั่งลงแทนที่
หวัดดีเม ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะ
น้ำเสียงของภูวัตแจ่มใส หญิงสาวที่มาด้วยนั่งลงข้างๆ เขา
ตรงนี้เย็นดี แล้วก็สงบ เงียบ
เมรีพูดห้วน เธอไม่ได้ใช้น้ำเสียงแบบนี้กับใครบ่อยนัก ภูวัตรู้ เมรีไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าแค่ความเป็นเพื่อน ที่ผ่านมาเมรีคิดเอาเองทั้งหมด เธอแปรเจตนาแห่งความเป็นเพื่อนที่ดีเป็นอย่างอื่น เขาเองก็ไม่มีสิทธิจะห้ามความคิดของใคร
เม คนนี้น้องเหมียว รู้จักกันหน่อยสิ
เมรีหันมายิ้ม ยิ้มแบบฝืดๆ.. ก็สวยดี เหมาะสมกันดี แต่เมรีอยากรู้นัก ภูวัตเอาน้องอังไปไว้ไหน คนเจ้าชู้อย่างภูวัตคบใครไม่ได้นาน เมรีก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้รักเขา แม้ในตอนนี้เธอก็รู้ตัวเองดีว่าปวดร้าวกับการที่เขาพาคนอื่นมาเย้ย.. และทั้งๆ ที่บอกตัวเองให้ทำใจ
บางทีเธออาจจะต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้
เสียงกีตาร์ดังมาจากบนบ้าน คนรักสองคนกลับขึ้นบ้านไปนานแล้วและฟ้ากำลังเริ่มมืด เมรียังไม่ลุกจากตรงนั้น เสียงตะโกนเรียกของนิ้งจากบนบ้านเมรีได้ยินแต่ก็ไม่ลุกไป จนเพื่อนสาวต้องลงมาตาม
ขึ้นบ้านเหอะเม มืดแล้วเดี๋ยวงูเงี้ยวมันกัดเอา
นิ้งดูสิ ดาวประจำเมือง ที่กรุงเทพฯ ไม่มีให้เห็นนะ
เมรีชี้มือขึ้นไปยังกลุ่มดาวที่ทอแสงสุกสกาวอยู่บนผืนฟ้าที่มืดดำ
เม เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายใจอะไรใช่ไหม..เรื่องภูวัตหรือเปล่า
นิ้งถามไถ่ด้วยความห่วงใย
ทำไมเขาต้องพาคนอื่นมาตอกย้ำเราด้วยก็ไม่รู้
เมก็รู้จักภูวัตดี เขาเคยคบใครได้นานเสียที่ไหน
เราก็บ้านะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่เคยจริงใจกับใครก็ยังงมงายอยู่แต่กับความคิดของตัวเอง ไม่ยอมเปลี่ยน
เพราะเมรักเขา
แต่ไม่นานหรอกนิ้ง เราสัญญาเราจะทำใจให้ไม่รักเขาให้ได้ เรารักเขาเองก็ต้องไม่รักเอง นิ้งให้กำลังใจเรานะ แล้วสักวันเมื่อเราทำใจได้.. เราจะฉลองกัน
น้ำเสียงของเมรีดีขึ้น
เออ ฉันเชื่อแก
แล้วนิ้งก็เปลี่ยนสรรพนามในการเรียกขานทันที เมื่อไหร่ที่มีเรื่องเศร้าๆ ไม่รู้ทำไมทั้งนิ้งและเมรีพูดกันเพราะๆ ได้ แต่พอหมดเรื่องเศร้า ก็แกกับฉันเหมือนเดิม.. เฮ้อ แต่นิ้งเป็นเพื่อนสนิทที่เข้าข่ายเรียกได้ว่า เพียงมองตาก็รู้ใจ จึงไม่ต้องพูดอะไรมากถึงความรู้สึกที่มีต่อกัน
ว่าแต่..ถามจริงเหอะเม แกคิดยังไงกับพัท
เพื่อน
เมรีตอบโดยไม่ต้องคิด
แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเขาไม่ได้คิดกับแกแค่เพื่อน
โฮ้ย..เดี๋ยวเขาก็เลิกคิดเองแหละ ในโลกนี้มีผู้หญิงตั้งมากมายเยอะแยะจะมาเอาอะไรกับคนอย่างฉัน
เมรีตอบแบบขอไปที
แต่ท่าทางเขารักแกจริงๆ นะ
ก็ช่างเขาสิ ฉันคบหากับเขาแบบเพื่อน แค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเข้าใจไหมนังหนู
แล้วทั้งสองสาวก็จบเรื่องราวของคนอื่นไว้เท่านั้น
ดาวบนฟ้าทอแสงพริบพราย ที่กรุงเทพฯ ไม่มีให้เห็น แต่ที่บ้านของพัท ยามค่ำคืนดวงดาวเต็มฟ้า แสงจันทร์ยามตกกระทบผืนทะเลสวยงามเกินบรรยาย เปลญวนที่ผูกอยู่ริมระเบียง ตอนนี้พัทจะอยู่ตรงนั้นหรือเปล่าน๊า..
ทำอะไรกันสองสาว นั่งมองดาว ระวังหล่นใส่หัวนะจ๊ะ
ชุงตามมาและนั่งลงข้างๆ นิ้ง อย่างหนึ่งที่เมรีรู้ แต่นิ้งไม่รู้คือชุงชอบนิ้ง แต่เขาไม่พูด ชุงบอกกับเมรีว่าเขาไม่อยากทำร้ายความเป็นเพื่อนที่ดีลงไป ถ้านิ้งรู้ว่าเขาชอบบางทีนิ้งอาจจะไม่เหลือความเป็นเพื่อนสำหรับชุงอีกเลยก็ได้..เมรีไม่อยากให้เพื่อนสองคนต้องหมางใจและเลิกร้างที่จะคบหาเพียงเพราะอีกคนมีความรู้สึกที่ เกินเพื่อน สำหรับภูวัตแม้เขาจะเป็นเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจนัก เขาคงมีเวลาใส่ใจผู้หญิงของเขามากกว่าที่จะมาสนใจว่าเพื่อนจะคิดต่อกันอย่างไร
เราเก็บความรู้สึกไว้ในใจเพียงคนเดียวดีกว่าที่จะให้นิ้งรู้แล้วเรา..อาจจะเสียเพื่อนไป
ใครบอกเก็บไว้คนเดียว ก็เราอีกคนที่รู้ว่าชุงคิดยังไง แต่เราไม่บอกนิ้งหรอก เราไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
เมรีนึกถึงเรื่องของเธอกับภูวัต ซึ่งตอนนี้เหมือนมีกำแพงบางๆ ที่กั้นกลางระหว่างมิตรภาพของเพื่อนเพียงเพราะเมรีเอ่ยบอกความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา
พรุ่งนี้เราจะกลับบ้าน
เมรีหมายความถึงบ้านต่างจังหวัด นานมาแล้วที่เธอไม่ได้กลับบ้าน ป่านนี้ทานตะวันที่เพาะไว้จะออกดอกหรือยังก็ไม่รู้ สองสัปดาห์ก่อนแม่โทฯ มาบอกว่ามิงค์ น้องสาวสุดที่รักได้ย้ายทานตะวันที่เธอเพาะไว้ไปปลูกที่ริมรั้วหน้าบ้านแล้ว ส่วนเม่น น้องชายคนเล็กก็ยังรบเร้าจะเอาลูกดิ่งโยโย่ของเล่นเด็กรุ่นใหม่จากเธอ
พรุ่งนี้เมรีจะซื้อไปฝากน้องสักสองสามอัน
จากคุณ :
ดาริกามณี
- [
1 เม.ย. 51 09:47:08
]