"แม่คะ ทำไมชีวิตหนูต้องเป็นแบบนี้ ทำไมหนูต้องมีลูกที่ไม่ปกติด้วย" นภาร้องไห้คร่ำครวญกับมารดา คุณสายหยุด
ผู้เป็นแม่ลูบหัวลูกสาวของเธอ อย่างปลอบประโลม
"ไม่มีใครเลือกเกิดได้นะลูก หนูไม่ถามตัวเองว่า น้องซันเขาจะอยากเป็นแบบนี้ไหม โดนตี โดนว่ามาตั้งกี่ปี" คุณสายหยุดถอนใจเมื่อนึกถึงหลานชายตัวน้อยที่โดนแม่ตีบ่อยๆ
"แม่บอกแล้วว่า ถ้าเขาเรียนไม่ได้ อย่าไปบังคับ ไปตีเขายังกับหมูหมา ลูกไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะ เวลาอารมณ์ดี เอามาอุ้มมาโอ๋ พอเขาทำไม่ได้อย่างใจก็ตี สงสารน้องซันเหลือเกิน"
"แม่..หนูผิดหวัง ชีวิตหนูทำไมต้องเป็นแบบนี้ หนูต้องมาหย่า มาเลี้ยงลูกคนเดียว แถมลูกหนูยังมีปัญหาสารพัด หนูไม่ไหวแล้ว" นภาปล่อยโฮ เธอไม่เคยเอ่ยปากเรื่องความรู้สึกหลังหย่ากับใคร
เวลาเครียด ความเครียดจึงถาโถมจับสู่เธอ และลงเอยที่ลูก
"ลูกเอ้ย ฟังแม่นะ มีใครเกิดมาแล้วอยากพิการไหม แต่มันเลือกไม่ได้ เกิดมาแล้วเราต้องเลี้ยงดูเขา เพราะเราทำให้เขาเกิด หนูจำตอนที่ท้องได้ไหม" มารดาเอ่ยถาม แล้วพูดต่อ
"ตอนท้องหนูมีปัญหากระทบใจ แม่บอกให้หนูใจเย็นๆ เพราะมันจะมีผลกับลูก แล้วตอนที่ท้อง หมอยังบอกว่า ครรภ์เป็นพิษ เลือดไหลตลอด หนูยังขอร้องหมอให้ช่วย หนูบอกว่าถ้าเขาพิการ หนูก็ยังจะรับได้ไง"
นภาหวนระลึกถึงวันที่เธออ้อนวอนหมอ เธอบอกแม่ให้ช่วยพูดเพราะนี่คือลูกคนแรก
"ตอนนี้พ่อเขาก็ไม่เอาแล้ว น้องซันมีหนูคนเดียว ไม่มีพี่มีน้องที่ไหน ตัวหนูเอง ยังมีพี่น้องหลายคน เขาสิจะต้องเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว แล้วถ้าแม่ไม่เป็นหลักให้เขา เขาจะมีใครละลูก" คุณสายหยุดให้สติลูกสาว
เวทนาหลานชายนัก ดูเอาเถอะพ่อแม่เลิกกัน พ่อไม่เคยมาหาเลยตั้งแต่ปีที่แล้ว แรกๆหลานชายก็แอบถามคุณยายเวลาแม่ไม่อยู่ เด็กน้อยไม่กล้าถามถึงพ่อต่อหน้าแม่
แล้วนี่แม่ยังมานั่งคร่ำครวญว่าลูกผิดปกติอีก คนสมัยก่อนลูกเป็นโปลิโอมั่ง เกิดมาพิการ สติไม่ดี นางก็เห็นเขาเลี้ยงดูกันไปตามกำลัง ไม่เหมือนคนสมัยนี้ อะไรก็ดูจะยากเย็นไปซะหมด
"หนูต้องคิดว่าจะช่วยเขายังไง ให้เขาช่วยตัวเองได้ แค่ให้เขาพอหากินได้ไม่ลำบากก็ดี ไม่ต้องไปหวังอะไรมาก ลูกไม่ใช่อะไรที่เราต้องมากะเกณฑ์ให้เขาเป็นอย่างใจเรานะ" มารดาให้สติ
นภาก้มหน้านิ่งด้วยสำนึกและละอายใจ ลูกต้องมาเป็นแบบนี้เพราะเธอ เธอหงุดหงิดอารมณ์ร้ายตอนที่ท้อง ก็เพราะไอ้พ่อเฮงซวยนั่นละ นภานึกโทษอดีตสามีในใจ
"แล้วหมอเขาให้ทำยังไงลูก" คุณสายหยุดซักถาม
"คุณหมอเขาบอกว่า ให้ลองไปคุยกับที่โรงเรียนดู เวลาสอบก็ขอให้ครูมาอ่านข้อสอบให้ฟัง แล้วตอบด้วยปากเปล่า ส่วนเขียนหมอเขาบอกให้ใช่คอมพิวเตอร์ดูเพราะน่าจะง่ายกว่าเขียนเอง"
นภาเล่าคร่าวๆให้มารดาฟัง เธอไม่กล้าเล่าว่า หมอสรุปว่าน้องซันมีโรคซึมเศร้า เพราะรู้ว่ามารดาจะต้องตำหนิเธอ
นภานึกถึงตอนที่คุยกับคุณหมอ หลังจากที่คุณหมอคุยกับน้องซันแล้ว
"คุณแม่จำเป็นต้องเข้ามารับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ด้วยนะครับ ปกติผู้หญิงที่หย่า มักจะหดหู่ซึมเศร้ามากกว่าปกติ ดังนั้นการเลี้ยงดูลูกด้วยอารมณ์แบบนี้จะมีผลเสียต่อทั้งตัวคุณแม่และเด็ก"
"สิ่งสำคัญที่คุณแม่ต้องให้ความสำคัญคือ จิตใจของเด็ก ความคาดหวังของพ่อแม่ การเปรียบเทียบเด็กจะทำให้เด็กมีปมด้อยถ้าเขาทำไม่ได้อย่างที่พ่อแม่คาดหวัง
โชคไม่ดีที่โรคนี้ในประเทศไทย เขาไม่ให้ความสำคัญ จึงมีเด็กที่กลายเป็นเด็กหลังห้องเพียงเพราะไม่มีใครรู้สาเหตุว่า ทำไมเขาถึงเรียนไม่ได้เท่าคนอื่น
ครูส่วนมากมักเอาใจใส่เด็กที่เรียนเก่ง ให้ความสำคัญเด็กเก่งเพราะสร้างชื่อเสียงโรงเรียนได้ แล้วเอาเด็กพวกนี้ไปกองรวมกันในห้องบ๊วย เด็กถูกตัดสินว่าไม่ได้เรื่อง
ก็มักจะกลายเป็นเกเร บางคนโชคดีผ่านช่วงชีวิตนั้นมาได้ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ อย่างที่เราเห็นเด็กเกเรบางคนพอโตมา กลับประสบความสำเร็จกว่าเด็กที่เรียนเก่ง
แต่น่าสงสารเด็กบางคนที่ไม่มีใครเข้าใจ และกลายเป็นคนล้มเหลวเมื่อโตมา" น้ำเสียงนุ่มกล่าว
คุณหมอนิ่งอึดใจ ก่อนจะกล่าวต่อ
"น้องซันโชคดีมากนะครับคุณแม่ ที่เราพบสาเหตุเขาก่อน ก่อนที่เขาจะโดนอะไรมากกว่านี้"
"แล้วจะหายไหมคะ คุณหมอ " นภาเอ่ยถาม
"บางคนก็ดีขึ้น บางคนก็ไม่ อยู่ที่ว่า เขาจะได้พบสิ่งที่เหมาะกับความสามารถเขา"
นภาถอนใจ เธอจะทำอย่างไรหนอ ชีวิตการค้าก็ยังไม่เข้าที่ ลุ่มๆดอนๆ นี่ยังมามีลูกที่มีปัญหาอีก
"คุณแม่ลองไปที่มหาวิทยาลัยตรงนี้นะครับ " หมอเอ่ยแนะนำ " เขามีผู้เชี่ยวชาญเด็กพิเศษ ลองดูว่า เขาจะช่วยเราได้ไหม"
หลังจากออกจากโรงพยาบาล นภานั่งคิดว่าเธอจะทำอย่างไรดี นึกถึงมารดา จึงรีบแล่นมาหา ตั้งแต่หย่าแล้ว
เธอไม่เคยเล่าหรือปรับทุกข์ใดๆให้มารดาฟังถึงสาเหตุแห่งการหย่า ไม่เคยพูดถึงมันอีก นภาหญิงสาววัย 27 ที่ต้องมาล้มเหลวในชีวิตคู่
เธอเป็นคนสวยพอตัว ทั้งยังเรียนเก่ง เหนือเพื่อนร่วมรุ่น เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยวัยเพียง 20 ได้ทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษ
และด้วยความอ่อนโลกบวกความเหงา นภาได้พบกานต์ รุ่นพี่ที่คอยเอาใจใส่ ห่วงใยราวเธอเป็นเจ้าหญิงมิปาน
นภาคิดว่า เธอช่างโชคดีเสียกระไร เมื่อกานต์เอ่ยปากขอเธอแต่งงาน สาวน้อยตัดสินใจแต่งงานหลังจากคบรุ่นพี่คนนั้นเพียง 8 เดือน ด้วยความเชื่อมั่นตัวเอง นภาไม่ฟังเสียงคัดค้านจากใคร
ความลำพองใจในความสามารถของเธอ เธอเชื่อว่า ทุกอย่างจะต้องเป็นตามที่เธอต้องการ
นภาและกานต์ได้ร่วมกันซื้อเรือนหอหลังจากกลับเมืองไทย เพื่อนๆอิจฉาเธอกันใหญ่ เพราะสามีเธอทั้งมีฐานะทั้งหล่อ มิหนำซ้ำ
เธอยังได้งานที่บริษัทระดับอินเตอร์ที่เดียวกับสามี นภาใช้ชีวิตดั่งนิยาย โลกหมุนรอบตัวเธอ ราวเธอเป็นศูนย์กลางจักรวาลมิปาน เธอเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นตามคำแนะนำของเพื่อนสามี ตลาดหุ้นทำรายได้ให้นภาอย่างงดงาม มากกว่าเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือน
ดังนั้นเมื่อเธอตั้งครรภ์ กานต์จึงบอกให้เธอออกจากงาน เพื่อเป็นแม่บ้านและเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด
นภาออกจากงานอย่างไม่ลังเล เพราะกานต์เอ่ยปากว่า อยากให้ลูกได้รับการดูแลดีที่สุด และไม่มีใครดูแลดีไปกว่าเธอ
หลังจากออกจากงาน นภาจึงฝากเพื่อนสามีให้ดูแลพอร์ตการลงทุนแทน โดยโอนหุ้นไปเป็นชื่อสามี
ระหว่างที่ตั้งครรภ์ นภารู้สึกเหงา จากผู้หญิงทำงาน มาอยู่กับบ้านทำกับข้าวจึงค่อนข้างเป็นเรื่องยากในการปรับตัว
และหลังจากที่นภาอยู่กับบ้าน กานต์ก็เริ่มกลับบ้านดึกขึ้นๆ และมีงานที่ต้องออกต่างจังหวัดบ่อยครั้ง
นภาหงุดหงิดที่ถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวบ่อยๆ กานต์เองเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ใจดีเหมือนเช่นเคย เวลาที่อยู่ด้วยกันมักมีเรื่องทะเลาะกัน กานต์บอกว่า เขาต้องทำงานหนักเพราะต้องหารายได้เพียงคนเดียว
เธอแค่นั่งๆนอนๆ ดีแต่รับเงินจากเขา เขาบอกว่า งานเขาเริ่มไม่ค่อยดีตอนนี้ จึงเริ่มลดเงินค่าใช้จ่ายในบ้าน คนรับใช้ที่มีสองคนเพราะนภาเตรียมไว้ให้เป็นพี่เลี้ยงลูก ก็มากเกินไป
เงินที่นภาต้องให้พ่อแม่ทุกเดือนก็เริ่มตัด เขาให้เหตุผลว่า พี่น้องคนอื่นของเธอ ควรจะให้บ้าง
นภาอดทน ไม่ปริปากบอกใครเพราะเธออายที่จะเล่าให้ใครฟังถึงชีวิตที่กลับตาลปัตร ดังนั้นเวลาที่ใครมาเยี่ยมนภามักจะต้องพูดเกินจริงเพื่อทดแทนความรู้สึกอับอาย
นภาเลือกที่จะไม่ไปบ้านพ่อแม่บ่อยนัก เพราะเธอไม่มีเงินให้ เธออายพี่น้องคนอื่น ถ้าถูกถามเรื่องสามี จึงตัดสินใจที่จะไม่ไปพบปะใคร
และวันหายนะของเธอก็มาถึง นภาที่เริ่มมีปัญหาครรภ์เป็นพิษ เธอมีเลือดออกทางช่องคลอดตลอดเวลา จนหมอขอให้เธองดขับรถเอง และนอนนิ่งๆอย่างเดียว
แม่มารับเธอไปอยู่ที่บ้านเพราะเป็นห่วงว่า นภาอยู่คนเดียว เนื่องจากกานต์จะต้องไปต่างจังหวัดในวันนั้น
กานต์สนับสนุนว่าเธอควรจะไปอยู่บ้านพ่อแม่ ดังนั้นนภาจึงตัดสินไปค้างบ้านพ่อแม่ระหว่างที่กานต์ไปต่างจังหวัด เช้าวันรุ่งขึ้นนภานึกได้ว่า เธอลืมยาบำรุงที่ต้องกินทุกวันไว้ที่บ้าน จึงขอร้องให้น้องชายขับรถไปส่ง
นภาให้น้องชายนั่งรอที่รถ เพราะจะลงไปหยิบยาเท่านั้น นภาไขกุญแจเข้าบ้าน เธอเห็นรถสามีจอดอยู่ที่โรงรถ นึกสงสัยว่าทำไมเขาไม่เอารถไป
มีรองเท้าไม่คุ้นตาถูกถอดไว้ทางเข้าบ้าน นภาเดินเข้าไป ตรงไปที่ห้องนอนเพื่อหยิบยา เสียงเครื่องปรับอากาศเปิดอยู่ แสดงว่า กานต์คงเลื่อนการเดินทางไป
นภาเปิดประตูเบาๆ ด้วยเกรงจะรบกวนสามีที่หลับอยู่
ประตูค่อยเปิดแง้มออกมา ภาพที่เธอเห็นคือ สามีเธอและเพื่อนสามีนอนกอดกันเปลือยเปล่าบนเตียงของเธอ สภาพที่เห็นมันไม่ได้บ่งบอกว่า นอนแบบเพื่อนผู้ชายด้วยกัน
นภาช็อคกับภาพที่เห็นตรงหน้า เธอค่อยๆปิดประตูลง น้ำตารินไหล นภาทรุดลงนั่งที่หน้าบันได บอกตัวเองไม่ได้ว่าขณะนั้นเธอรู้สึกเช่นใด
นภาเก็บก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมาจุกอก กลัวจะมีเสียงดังให้คนในห้องได้ยิน น้ำตามากมายพรั่งพรู เธอลุกขึ้นยืนและวินาทีนั้นแวบหนึ่งที่คิดว่า เธอน่าจะกระโดดลงบันไดให้ตายไปเลย
ก้มมองท้องที่นูนออกมา นภาตัดสินใจ เธอก้าวเท้าลงบันได และเดินกลับไปขึ้นรถ น้องชายมัวคุยโทรศัพท์มือถือเลยไม่ได้สังเกตุว่า พี่สาวมีอาการเปลี่ยนไป รีบบึ่งออกรถไปทันที
ตลอดทางนภานั่งนิ่งเงียบงัน น้องชายชวนคุย เธอตอบไปอือออโดยไม่รู้ว่ากำลังสนทนาเรื่องอะไร
นภาตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว เธอกลัวแม่เสียใจ กลัวพ่อผิดหวังเพราะทุกครั้งที่เธอทะเลาะกับสามี พ่อบอกให้เธออดทน เธอโชคดีแล้วที่ได้สามีแบบเขา
หญิงสาววัยเพียง 23 กับความลับที่เธอไม่สามารถพูดกับใครได้ ทำให้นภาเครียดขึ้นทุกวันๆ เลือดที่ช่องคลอดก็ไหลมากขึ้นทุกวัน เธอต้องไปหาหมอเพื่อฉีดฮอร์โมนทุกวัน เพื่อรั้งเด็กในท้องให้อยู่
จนกระทั่งหมอตัดสินใจให้นภาอยู่โรงพยาบาล เพราะไม่ต้องการให้เธอขยับตัวอีก
เมื่ออายุครรภ์ถึง 6 เดือน หมอบอกนภาว่า ขอให้เธอตัดสินใจว่าจะเอาเด็กออก เพราะหมอไม่กล้ารับประกันว่าเด็กจะปกติหรือไม่ โดยทั่วไปถ้าแม่มีอาการแบบนี้ มักตั้งครรภ์ไม่เกิน 5 เดือน เด็กจะหลุดออกมาเอง
แต่กรณีของนภา เด็กยังอยู่ แต่หมอกลัวเด็กพิการหรือมีอาการไม่ปกติ จึงให้เธอตัดสินใจ เพราะถ้าตั้งท้องต่อ อาจจะไปทั้งแม่ลูกก็ได้ แต่ถ้านภาตัดสินใจเอาลูกไว้ หมอจะช่วยเธอสุดความสามารถ แต่ขอให้การตัดสินใจนั้นใคร่ครวญให้ดี
ดูเอาเถอะ แม้แต่อยู่ในท้อง ลูกยังถูกเลือกว่าจะให้อยู่หรือไป
ตลอดคืนนั้น นภานอนครุ่นคิด กานต์เพิ่งกลับไป เหมือนเช่นทุกครั้งที่มาก็รีบกลับ ยิ่งเห็นหน้ากานต์นภายิ่งเคียดแค้น เธอโทษเขาในใจว่า เขาทำลายชีวิตวัยสาวของเธอ แต่เธอไม่ปริปากพูดเรื่องที่เธอเห็น นภาอยากจะแกล้งลืมๆหวังว่าเรื่องนั้นมันคงไม่ได้เกิดขึ้น
นภาคิดถึงคำพูดหมอ ถ้าเป็นแบบที่หมอพูด หมายความว่า ลูกเองก็ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะมีชีวิตอยู่ แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรที่จะฆ่าเขา ทำลายโอกาสในการเกิดเขาเล่า
ลูกในท้องดิ้นเหมือนตอบรับความคิดแม่ นภาลูบท้องเบาๆ "เราจะสู้ด้วยกัน ไม่ว่าลูกจะเกิดมาเป็นเช่นไร แม่จะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด"
เธอให้สัญญากับลูก ราวรับรู้ความคิดของมารดา เด็กในท้องดิ้นเบาๆ
จากคุณ :
สาริสา
- [
1 เม.ย. 51 22:47:12
A:124.120.86.15 X: TicketID:113562
]