เริงตะวัน.........
บทที่ ๑
ภายในห้องจัดงานถูกหรี่ไฟไว้สลัวราง ทำให้กลางห้องที่จัดเวทีไว้เป็นรูปตัวทียิ่งดูโดดเด่น ด้วยแสงไฟหลายร้อยแรงเทียนซึ่งสาดส่องโฟกัสเป็นจุดเดียว เสียงดนตรีในจังหวะเร่งเร้ามีชีวิตชีวาสะดุดหยุดลง เปลี่ยนเป็นเพลงบรรเลงในท่วงทำนองหวานซึ้งแผ่วพริ้ว ก่อนที่ร่างระหงสูงโปร่งของสตรีในชุดราตรีสีขาวไข่มุก ตัดเย็บประณีตในแบบแปลกตาจะเดินนำอย่างสง่างามออกมาด้วยกิริยาปรบมือ ตามหลังด้วยหนุ่มใหญ่ร่างเล็กท่าทางตุ้งติ้ง มือข้างหนึ่งของเขาถือช่อดอกไม้ อีกข้างโบกทักทายแขกผู้มางานโดยรอบ ใบหน้าสุกปลั่งด้วยความสุขสมหวัง
เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงจุดปลายของเวที ร่างระหงเพรียวในชุดราตรีก็โน้มลงหาด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม แนบแก้มกับคนตัวเตี้ยกว่าเพื่อแสดงความยินดีตามธรรมเนียมสากล ฝ่ายนั้นก็ตอบรับด้วยท่าทางเดียวกัน แสงแฟลชสว่างขึ้นวูบวาบด้านหน้า
ถ้าเป็นคนไม่เคยชินคงถึงกับตาพร่า หากสำหรับหญิงสาวหน้าคมเฉี่ยวที่ยืนอยู่ด้านบนแล้ว หล่อนกลับยืนโพสต์ยิ้มรับอย่างเจนเวที
"สวย สวยจริงๆ สวยที่สุดเลยเนอะ พี่น้ำเชื่อม" ชิดขอบเวที ร่างเล็กบางลุกขึ้นยืนตบมือแรงๆ จนแก้มอิ่มระบายด้วยสีเลือดฝาดสั่นน้อยๆ ปลื้มปิติ
"อืมๆ สวย นั่งลงได้แล้วล่ะยายวิปปิ้ง เดี๋ยวก็โดนนักข่าวชนกระเด็นจนก้นจ้ำเบ้าอย่างครั้งก่อนๆ อีกหรอก ยังไม่เข็ดเหรอ!" เสียงดุดังขึ้นข้างตัว ก่อนที่คนพูดจะฉุดร่างเล็กให้นั่งลง
"ก็ถ้าไม่ยืนวิปปิ้งจะมองเห็นเหรอ พวกนั้นถือว่าตัวเองเป็นอภิสิทธิ์ชน ยืนบังเราเสียมิดเลย" เจ้าหล่อนยังคงบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ยอมทรุดตัวลงโดยดี "พี่สาวเรานี่สวยที่สุดเลยนะ พี่เชื่อมว่าไหม...ไม่งั้นเจ๊นัทแกคงไม่เลือกให้มาเดินชุดฟินาเล่หรอก"
"มันก็สวย แต่พี่ว่าไอ้ชุดอะไรเล่ๆ ของเราน่ะ มันโป๊ไปหน่อยนะ ด้านหลังก็เห็นเนื้อขาวโล่งโจ้ง ด้านหน้าก็คว้านเสียลึก เกือบจะถึงสะดืออยู่แล้ว"
"แหม..." ชโลทร หรือวิปปิ้งลากเสียงยาว ทีท่าไม่เห็นด้วย "พี่เชื่อมน่ะหัวเก่ายิ่งกว่ายายเสียอีก คิดจะเป็นนางแบบซูเปอร์โมเดลทั้งที มันก็ต้องกล้าใส่ กล้าโชว์หน่อย อีกอย่างเราก็ต้องดูงานให้เป็นศิลปะสิจ๊ะ อย่างนี้เขาไม่ถึงขั้นที่จะเรียกว่าโป๊เปลือยหรอกน่า"
"เออ ขี้เกียจเถียงด้วยแล้วแม่ครูสอนศิลปะ ไปเถอะ เข้าไปรอพี่เค้กหลังเวทีกันดีกว่า" ชนัฏลากผู้เป็นน้องสาวเดินฝ่ากองทัพสื่อมวลชน ทะลุเข้าไปทางด้านหลังเวทีการแสดงอย่างยากลำบาก
คิดแล้วหล่อนพยักพเยิดกับตัวเองอย่างปลงๆ...ไม่น่าแปลกใจ ที่แฟชั่นโชว์งานนี้จะมีคนสนใจมากกว่าปกติ เพราะนอกจากจะเป็นการรวมพลพรรคนางแบบแถวหน้าของเมืองไทยมาประชันโฉมกันแล้ว แว่วข่าวมาว่า นี่จะเป็นการแสดงโชว์ครั้งสำคัญของห้องเสื้อติรกา ที่ 'เจ๊นัท' ดีไซเนอร์ชั้นนำของเมืองไทยเป็นเจ้าของ ก่อนที่จะร่วมทุนกับห้องเสื้อชั้นนำของต่างชาติเปลี่ยนเป็นแบรนด์ใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
กว่าจะมาถึงที่หมายก็เล่นเอาเหนื่อย หากภาพที่เห็นอยู่ทำเอาชนัฏตาโต ห้องด้านหลังเวทีนั้นนอกจากจะเป็นห้องพักของเหล่านางแบบแล้ว ยังถูกดัดแปลงให้เป็นสถานที่เปลี่ยนเครื่องแต่งตัว...ไม่ต้องพรรณนาให้มากความ เพราะทั้งรูปโฉมโนมพรรณ ผิวผ่องเป็นยองใย และส่วนเว้าส่วนโค้งที่มันเหลือเฟือละลานตา แม้จะท้าให้เป็นฤๅษีชีไพรมายืน หล่อนกล้าพนัน...ใครเห็นแล้วไม่ตบะแตกมาเหยียบหัวน้ำเชื่อมได้!!
"ไฮ ว่าไงสาวๆ งานนี้ตามมาดูยัยเค้กเหมือนเคยนะ" นางแบบสาวหน้าตากระเดียดไปทางตะวันตก รูปร่างสูงชะลูด ที่เพิ่งสวมเสื้อเสร็จหันมาทักอย่างคุ้นเคย "นู่นแน่ะ เขาถูกรุมล้อมอยู่ด้านโน้น ยังเนื้อหอมไม่เลิกเลยยัยคนนี้"
"ขอบคุณค่ะพี่พิตต้า" ชโลทรยิ้มแป้นจริงใจ ก่อนจะกระตุกมือผู้เป็นพี่สาวที่ยังคงตาค้าง สนอกสนใจกับสิ่งมีชีวิตสวยๆ งามๆ รอบข้างอยู่
"ไปเถอะพี่เชื่อม มัวยืนตะลึงอะไรอยู่เล่า"
"ฮะ เออ ไปสิ" ชนัฏหันมาตอบอย่างงงๆ
ดูเหมือนคนที่ยืนคุยอยู่จะสังเกตเห็นปฏิกิริยานั้นด้วยจึงหัวเราะขึ้นอย่างขบขันแกมเอ็นดู หล่อนเดินเข้ามาใกล้พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าเนียนใส ปราศจากเครื่องสำอางของชนัฏเบาๆ
"เรานี่มันน่ารักจริงๆ นะยัยเชื่อม ถ้าเปลี่ยนสเป็คมาชอบผู้หญิงเมื่อไหร่ อย่าลืมบอกพี่นะจ๊ะ" แล้วก็เดินกรายจากไปอย่างรื่นรมย์ ทิ้งให้คนที่ถูกหยอกล้อ หน้าแดงก่ำ
สมัยเด็กด้วยความที่ชนัฏเป็นลูกคนกลางที่ห่างจากพี่น้องฝั่งละสองปี อีกทั้งพ่อแม่ก็ยังมาทิ้ง แยกกันไปคนละทาง ปล่อยให้พวกหล่อนเติบโตมาในความเลี้ยงดูของยาย หล่อนจึงพยายามทำตัวให้เข้มแข็งที่สุด จากความคิดที่สร้างขึ้นมาเองว่า เพื่อคอยดูแลทั้งพี่สาวที่เป็นผู้หญิงเต็มตัว อ่อนหวาน กับน้องสาวที่บอบบางอ่อนโยน เปลือกนอกของหล่อนจึงกลายเป็นผู้หญิงห้าว เด็ดเดี่ยว มีเพื่อนผู้ชายที่ร่วมหัวหกก้นขวิดมาด้วยกันมากมาย นิสัยของชนัฏก็เลยพลอยเหมือนพวกทโมนนั่นไปด้วย กระทั่งชลัยย์กรผู้เป็นพี่สาว และชโลทร อดกลัวไม่ได้ว่าหล่อนจะเปลี่ยนความชอบในเรื่องเพศเข้าสักวัน...และมันก็น่าห่วงจริงๆ เสียด้วยสินะ เพราะจนบัดนี้ตัวหล่อนเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าชอบเพศไหนกันแน่ แม้แต่แฟนที่เป็นผู้ชายทั้งแท่งก็ยังไม่เคยมี!?!
"น้ำเชื่อม วิปปิ้ง มายืนรอพี่นานหรือยัง โทษทีนะช้าไปหน่อย ติดให้สัมภาษณ์น่ะ"
เสียงใสมาพร้อมร่างเพรียวเจ้าของและอ้อมกอดที่โอบรัดคนเป็นน้องทั้งสองคนคนละที
"วันนี้เหนื่อยที่สุดเลยนะ ไม่ได้เดินแบบมาตั้งนมนาน...แต่ก็ท้าทายและสนุกที่สุดด้วย เป็นไง เมื่อกี้ดูพี่จากด้านล่างเป็นไงบ้าง พี่สวยไหม" ว่าแล้วก็หมุนตัวให้ผู้เป็นน้องดูอีกรอบ
ดวงตาคมที่แต่งแต้มสีไว้จัดอย่างมีศิลปะปรากฏร่องรอยกระตือรือร้น ใคร่รู้ จนผู้เป็นน้องทั้งสองคนเผลอมองเพลิน
ชลัยย์กรเป็นคนสวยไม่ใช่สวยพิศหรือสวยผาด แต่เป็นคนที่มองยังไงก็สวย มองครู่เดียวก็สวย ยิ่งมองนานๆ ยิ่งสวยใหญ่ สวยชนิดใครที่เดินสวนกันไม่อาจมองผ่านไปได้...ดวงตาคมโต จมูกโด่งตรงได้รูป ริมฝีปากอิ่มเต็มที่มักเม้มเป็นเส้นตรงยามที่เจ้าตัวมีอารมณ์โมโห เรือนร่างของหล่อนสมส่วนด้วยทรวงอกอิ่ม รับกับเอวเล็กคอด ก่อนจะผายออกเป็นสะโพกกลมกลึง ช่วงขายาวเพรียวกลมกลึง
ด้วยรูปสมบัติที่สวยสมบูรณ์แบบนี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจแกยังที่ทำให้หล่อน มีโอกาสก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ระดับอุดมศึกษา
แรกเริ่มนั้นด้วยหุ่นที่สูงเกินมาตรฐานหญิงไทยทำให้หญิงสาวได้รับแต่งานเดินแบบ หากเมื่อเวลาผ่านไปหล่อนก็ยิ่งโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ บัดนี้ชลัยย์กรจึงกลายเป็นนางเอกดังที่รับงานเดินแบบเป็นงานอดิเรกไปเสียแล้ว
"สวยสิพี่เค้ก สวยที่สุดเลย สวยเหมือนเจ้าสาวจนวิปปิ้งน่ะตะลึงไปเลย ชุดที่พี่เค้กใส่น่ะเหมือนชุดแต่งงานเลยนะ"
"เหรอ..." คนอยากรู้ตอบรับเสียงแผ่วๆ ดวงหน้าสลดลง "แต่มันเป็นชุดราตรีจ้ะวิปปิ้ง ไม่ใช่ชุดแต่งงานหรอก" หล่อนยิ้มเจื่อนๆ ให้น้องสาวคนเล็ก ก่อนย้อนถามคนที่ยังยืนนิ่ง
"แล้วน้ำเชื่อมล่ะ ว่าไง เงียบเชียว"
"แหม พี่เค้กก็น่าจะรู้ว่าพี่เชื่อมน่ะ เขามัวแต่สนใจสาวๆ อยู่!" ชโลทรล้อ แล้วก็ได้รับหมัดเบาๆ เป็นคำตอบจากคนที่ตวัดสายตาค้อนไม่เป็นไปที
"บ้าน่ายัยวิปปิ้ง เดี๋ยวก็โดนดีหรอก...ก็ในเมื่อแกพูดไปแล้วว่าสวย พี่จะพูดซ้ำอีกทำไมเล่า ยังไงพี่สาวเราก็สวยที่สุดอยู่แล้ว"
ชลัยย์กรส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจระคนเอ็นดูในการต่อล้อต่อเถียงอันเป็นกิจวัตรประจำวันของทั้งคู่
"เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว รอพี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวเดียว แล้วไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้านกันดีกว่าเนอะ"
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 51 16:14:28
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 51 16:13:43
จากคุณ :
รสนิยม
- [
2 เม.ย. 51 16:03:34
]