Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

    ..
    อากาศร้อน อบอ้าวมาก ว่ากันว่าร้อนมากถึง 41 องศาเซลเซียส ที่เดียวเชียว
    บ่ายวันนี้รู้สึกปวดหัว บริเวณหัวคิ้วย่นยู่ ยุ่งเหยิง กลุ่มอาการปวดหัว นี่มันยากจะวินิจฉัยซะจริงเชียว
    กาแฟขมๆสักแก้ว เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น ตามด้วยยาแก้ปวดสักสองเม็ดก็แล้วกัน
    ทำไมไม่มีใครออกแบบขนาดยาแก้ปวดให้มันเป็นเม็ดเล็กๆและรสหวานๆมันๆเหมือนนมอัดเม็ดนะ
    ฉันต้องทานยาแก้ปวดถึงสี่เม็ด ไม่ใช่สองเม็ด ก็เพราะสองเม็ดแรกถูกอาเจียนออกมา
    ก็มันขมและติดคอ ใครไม่เคยกินยายากจะไม่มีวันเข้าใจหรอก ว่ามันทรมานขนาดไหน
    เฮ้อ…เพราะไม่สบายแน่ๆถึงได้รู้สึกแย่ไปหมด
    …
    หลังทานยา ดื่มกาแฟ และนอนพัก สามารถหลับได้ทั้งๆที่เพิ่งทานกาแฟ
    อาจเป็นเพราะกาแฟยังไม่ทันได้ออกฤทธิ์
    …
    สายลมพัดอ่อนๆ ผ้าม่านบางเบาปลิวตามสายลม รู้สึกเย็นๆคล้ายฝนตก ข้างนอกดูครึ้มๆ
    ฉันมองดูนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียงจะห้าโมงเย็น นี่เผลอหลับไปนานขนาดนี้เชียว
    ตื่นขึ้นมาอาการปวดหัวทุเลานิดหน่อย นิดซะจนแทบไม่รู้สึกถึงอาการทุเลาที่ว่า
    มีอาการปวดเมื่อยตามตัวและมีน้ำมูกข้นๆเขียวๆเหนียวๆ เพิ่มมาอีก
    หิมะละลาย..อีกแล้ว มิน่าถึงได้ปวดหัวนัก
    ไซนัส..อักเสบ เรื้อรังเป็นๆหายๆ
    ยิ่งหน้าร้อน เหมือนภูเขาหิมะ …โดนความร้อนน้ำแข็งละลาย
    เจออากาศเพี้ยนๆ เดี๋ยวร้อนถึงร้อนจัด แล้วมาเจอฝนหลงฤดู
    ไม่รอด…หมายถึงฉันไม่รอดจากอาการป่วยไข้ ยิ่งมีโรคประจำตัวอย่างไซนัสอักเสบอย่างนี้ด้วย
    เคยรักษาแล้วก็หยุดไประยะหนึ่ง ก็หมอที่รักษาบอกว่า “ ใกล้หายแล้วนะ ”
    เลยเลิกรักษา…เบื่อทานยาจะแย่ และแย่มากๆเพราะทานยายาก

    ใครบางคนเคยว่า “ ทานยายากยังกับเด็ก ”
    “ ก็มันขม จริงๆนะ ” ฉันแย้งและทำหน้าให้เขารู้ว่าอมยาขมเป็นยังไง
    และใครคนนั้นก็โต้กลับแบบไม่ถนอมน้ำใจว่า “ ทีกาแฟขมๆกินเข้าไปได้ทุกวัน ”
    ทำเอาสำลักกาแฟทีเดียวเชียว
    แค่คิดถึงใครบางคนก็ทำให้มีรอยยิ้มแต้มที่หน้า อยากให้ใครคนนั้นอยู่ด้วยในตอนนี้จัง…

    ….
    ฟ้าครึ้ม ฝนปรอยๆพอให้รถมีรอยด่าง
    ฮั้ดชิ้ววววว!!! แค่กๆ โอ้ย….เจ็บคอ เอาเข้าไป อะไรมันจะแย่ขนาดนี้นะคนเรา
    เสียงโทรศัพท์มือถือดังอย่างร้อนรน ตัวเครื่องสั่นเหมือนเจ้าเข้า แถมเสียงที่สั่นก็ดังอืดๆ อยากจะหัวเราะเจ้าโทรศัพท์แต่ก็ไม่มีเสียงเอาซะเลย
    “ สวัสดีค่ะ แค่กๆๆ…” ฉันได้ยินเสียงอันแหบโหยของตัวเอง ไม่ต้องส่องกระจกก็พอจะรู้ว่าหน้าตาของตัวเองจะอิดโรยขนาดไหน
    “ นั่นคุณรึนั่น ทำไมเสียงมันถึงได้แย่ขนาดนั้น เมื่อตอนบ่ายผมโทร.เข้าไม่เห็นรับ ”
    “ มันแย่ ทานยาแล้วก็หลับ หลับยาวเลย เพิ่งตื่น ” ฉันเดินลากรองเท้าออกไปนอกห้อง
    เปิดไฟในห้องนั่งเล่น เดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม
    “ อย่าดื่มน้ำเย็นนะ เดี๋ยวจะแย่กว่าเดิม ” เสียงปลายสายเตือนเหมือนตาเห็น ฉันยิ้มนิดๆ วางขวดน้ำเย็นลง
    เดินไปรินน้ำธรรมดา กดน้ำร้อนจากกระติกลงไปให้พออุ่น ก่อนยกขึ้นดื่ม
    คุยไม่นานก็วางสาย
    มีกระแสห่วงใยในน้ำเสียง
    เป็นอย่างนี้เสมอ สม่ำเสมอไม่เปลี่ยนแปลง
    .
    .
    ถ้าเพียงแต่พ่อกับแม่จะไม่หย่ากัน
    ถ้าเพียงแต่พี่สาวจะไม่แยกทางกับพี่เขย
    ถ้าเพียงแต่เพื่อนรักจะไม่ล้มเหลวในชีวิตแต่งงาน
    ฉัน…อาจจะแต่งงานกับเขา

    เขาขอแต่งงานหลายครั้ง แต่ทุกครั้งฉันก็ได้แต่บอกปัด
    “ เราอยู่ด้วยกันได้นะฉันไม่ว่าถ้าคุณต้องการ แต่ไม่แต่งงานนะ ไม่อยากมีข้อผูกมัด ไม่อยากมีสิ่งเตือนใจหากวันใดวันหนึ่งข้างหน้า เปลี่ยนแปลง ”
    “ แม่คนรักอิสระอย่างแรง ใจกว้างจริงๆ ” เขาโกรธ ฉันรู้ แต่เขาก็โกรธฉันได้ไม่นาน
    เขาบอกว่า “ ผมคงบ้าเพราะรักผู้หญิงแปลกอย่างคุณ จะไม่มีคำขอแต่งงานจากผมอีก หากจะมีคงเป็นคุณที่ต้องขอผม และขอเตือนไว้ก่อนเลย ขอผมแต่งงานไม่ง่ายนะ ”

    ความสัมพันธ์ระหว่างเราราบรื่น งดงาม
    ฉันไม่ได้ย้ายไปอยู่กับเขา เขาไม่ได้ย้ายมาอยู่กับฉัน คนดีอย่างนั้นน่ะไม่มีทางซะล่ะ
    เราเป็น “ คู่รัก ” ที่ประหลาด มีจุดเริ่ม ไม่มีจุดจบ


    ….
    เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นตอนเกือบสามทุ่ม
    นี่ฉันเผลอนอนหลับหน้าทีวีในห้องนั่งเล่นอีกแล้ว
    แอบนิ่วหน้านิดไม่ได้ แง้มม่านหน้าต่างดู
    รถที่คุ้นตา คนที่คุ้นใจยืนชะเง้อชะแง้ชะโงกอยู่หน้าบ้าน

    “ ไหนบอกจะกลับพรุ่งนี้ไง ” ฉันทักด้วยเสียงแหบแห้ง
    เขาช่วยเลื่อนรั้วหน้าบ้านปิดก่อนเดินข้างฉันเข้าบ้าน ช่วยเปิดและปิดประตูให้
    ฉันทิ้งตัวลงบนโซฟา เขาเดินมาทิ้งตัวลงข้างๆใช้หลังมือแตะหน้าผาก
    “ ตัวไม่ร้อนเท่าไหร่นี่ ” มีความห่วงใยในน้ำเสียง
    ฉันยิ้มรับความห่วงใยนั้น
    “ ง่วงจังเลย ” ฉันเอนตัวลงนอนบนโซฟา ตาปรือมองเขา
    “ ทานอะไรมายัง มีขนมเค้กในตู้เย็น มี..”
    …
    เสียงกุกกักดังอยู่ข้างนอก
    ผ้าม่านปลิวไหว
    ฉันมองการเคลื่อนไหวของสายลมที่หน้าต่าง
    เมื่อคืน
    จำได้ว่านอนบนโซฟา บอกเขาเรื่องอาหาร แล้วก็หลับไป
    แล้ววันนี้ฉันลืมตาตื่นบนเตียงในห้องนอน ฝีมือคนข้างนอกนั่นล่ะไม่ใช่ใคร
    วันนี้ไม่ยักมึนหัวเหมือนเมื่อวาน คงเป็นเพราะนอนทั้งวันทั้งคืน
    ไอโขลกๆสองสามครั้ง เจ็บคอนิดหน่อย มีน้ำมูกเล็กน้อย
    วันนี้ดีจัง

    ก๊อก ก๊อก…
    ใครบางคนเคาะประตูตามมารยาทก่อนผลักเข้ามาโดยที่เจ้าของห้องอย่างฉันยังไม่อนุญาต
    เขาเดินมานั่งที่ขอบเตียง โอบรอบฉันด้วยแขนสองข้าง
    ก้มหน้าลงมายิ้มใส่ตา “ เป็นไงบ้างดีขึ้นหรือยัง ไหนดูซิไข้ลดหรือยัง ”
    ฉันยิ้มก่อนจะตอบ แต่ยังไม่มีคำพูดหลุดจากปาก ริมฝีปากยังไม่แย้มด้วยซ้ำ
    เมื่อเขาก้มหน้าลงมาหา ภาพใบหน้าของเขาพร่าเลือน
    แต่เขายังอยู่ สัมผัสอ่อนโยน หวานละมุนที่ริมฝีปากยังอยู่
    “ อืม…” ฉันส่งเสียงครางเบาๆก่อนส่ายหน้าหลบ เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไป
    ความอ่อนหวานแปรเปลี่ยนเป็นรุมร้อน
    เขายอมถอนริมฝีปากออก ใบหน้าระบายยิ้ม “ ไม่มีไข้แล้วนี่ ”
    ฉันคงหน้าแดงแน่ๆ คนเจ้าเล่ห์นั่งมองยิ้มๆก่อนประคองฉันลุกขึ้น
    “ ไปทานอาหารเช้ากัน ” เขาลุกขึ้นยืนฉุดดึงมือฉันขึ้น
    “ 10 นาที ขอเวลา 10 นาที ” ฉันบอกเขา และดันหลังเขาออกไปนอกห้อง
    เขาขืนตัวไว้ก่อนพ้นประตู “ ถ้ามากกว่านั้นผมจะเข้ามาตาม ” ทิ้งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้หลังคำพูด
    …
    “ หอมจัง ”
    ฉันเดินไปนั่งโต๊ะอาหาร มองชามข้าวต้มควันฉุยที่เขาตักมาวางลงตรงหน้า
    ส่วนข้างหน้าของเขาคือจานขนมปังปิ้ง ไข่ดาว ไส้กรอก และถ้วยกาแฟ
    เขาเห็นสายตาที่จ้องถ้วยกาแฟของฉัน และส่งสายตาดุมาที่ฉัน
    “ แค่มองก็ไม่ได้รึไง ” ฉันว่าก่อนตักข้าวต้มเข้าปาก อืม..อร่อยจังฉันพยักหน้ากับชามข้าวต้ม
    เขาเดินไปชงโอวัลตินมาวางลงข้างชามข้าวต้ม รินน้ำให้
    ผู้ชายตัวโตเดินไปเดินมาในครัวเล็กๆของฉัน
    เมื่อคืนเขาคงนอนที่นี่ ชุดที่เปลี่ยนใหม่ ผมที่ยังไม่แห้งจากการสระ

    ฉับพลันของความรู้สึก อยากมีวันอย่างนี้ทุกวัน
    อยากมีเขาเดินไปเดินมาในบ้าน อยากตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าเขา

    วิธีเดียวที่จะให้มีวันอย่างนี้ คงต้องขอเขาแต่งงาน
    แต่งงาน เมื่อไหร่กันที่รู้สึกอย่างนี้ เพราะเขา…เพราะเขาที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้

    ฉันสะดุ้งเมื่อเขาเอื้อมมือมาจับมือฉันเขย่าเบาๆ “ เป็นอะไรหรือเปล่า ผมเรียกตั้งหลายครั้ง ”
    ฉันยิ้มให้เขา “ คุณจะให้ฉันทำยังไง คุณถึงจะรับปากแต่งงานกับฉัน ”
    เขาปล่อยมือฉัน นั่งกอดอก เอนตัวไปข้างหลังพิงพนักก้าวอี้ มองฉันยิ้มๆ
    “ ยิ้มเจ้าเล่ห์ ”
    “ เมื่อไหร่กันที่คุณเกิดอยากผูกมัด ผูกพัน ”
    “เมื่อเช้า ” ฉันว่า
    เขายกคิ้วข้างหนึ่ง เครื่องหมายคำถามเต็มหน้า
    “ ฉันแค่..” หยุดยิ้มใส่ตาเขา “ อยากถูกวัดไข้เหมือนเมื่อเช้าเวลารู้สึกไม่สบาย….ก็เท่านั้นเอง ”
    เขาหัวเราะเบาๆ เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วเดินอ้อมโต๊ะมาหาฉัน เท้าแขนลงบนเก้าอี้กักขังฉันไว้ในเก้าอี้
    “ ตกลงผมจะแต่งงานกับคุณ ” ยิ้มใส่ดวงตา
    “ ทำไมง่ายนักล่ะ ไหนบอกว่ายากไง ” ฉันว่า
    “ ก็ตอนนั้นผมโกรธ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ วันจันทร์เราไปจดทะเบียนกัน แล้วค่อยโทร.บอกพ่อ แม่ พี่เพื่อน แล้วเชิญทานข้าวด้วยกันวันหลัง รอคุณหายไข้ก่อน … คุณอยากจัดงานมั้ย ” ฉันรีบส่ายหน้า
    “ ผมรู้ ๆ ” แล้วเขาก็ก้มลงปิดปากของฉันด้วยริมฝีปากของเขา นุ่มนวล อ่อนหวาน ยาวนาน
    “ ไม่ต้องรอให้มีไข้ผมก็วัดไข้คุณได้ …ทุกวัน ” เขาว่าอย่างนั้น
    ….
    จากวันนี้
    ฉันมีเวลาตลอดชีวิตที่จะบอกเขาว่าทำไมฉันจึงเปลี่ยนใจแต่งงานกับเขา
    ไม่ใช่เพียงแค่จูบเดียวนั่น มีเหตุผลมากมายเป็นร้อยที่ฉันจะยกมาบอกเขา
    แต่จะมีแค่เพียงสามคำที่จะบอกเขาตอนนี้และจะบอกทุกวันจากนี้
    “ ฉันรักคุณ ”
    .
    .
    “ ฮั้ดเช้ย!! ” เสียงจามจากคนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ
    ฉันก้มลงวัดไข้ที่ริมฝีปากของเขา เพียงแผ่ว
    “ คงต้องรอให้เราหายไข้ทั้งคู่ หวังว่าวันจันทร์นี้เราทั้งคู่จะดูดีกว่านี้ตอนที่ไปจดทะเบียนสมรส ” ฉันว่า
    เขาหัวเราะเบาๆ ดึงตัวฉันเข้าสู่อ้อมเขนของเขา “ หายทันแน่ ผมสัญญา ” เขาว่า

    “ ฮั้ดเช้ย!!!”
    “ ฮั้ดชิ้ว!!! ”

    อย่าได้สงสัยเชียวว่าทำไมเราทั้งคู่ถึงได้จามแข่งกัน
    …..

    :-)

    จากคุณ : สิงห์อมบ๊วย - [ 4 เม.ย. 51 04:56:27 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom