เช้าวันศุกร์ที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ได้พิจารณาเพื่อจะนำลง ณ พันทิปดอทคอม ก่อน
ภาคสี่
ที่ดินผืนนั้น...บทที่ ๑๖
เหิมเกริมประสาคนดัง..
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ก่อนหน้าที่ไป "สำนักท่านอาจารย์ ส. และ อาจารย์ศักดิ์"
นั้น..มีบางเหตุการณ์ที่ต้องจดจำรำลึกไว้ เช่น
ครั้งหนึ่ง นิค ได้พาคุณแม่ของเขา ไปที่สำนักเพื่อ
จะ ได้ทำการบำบัดโรคปวดขาของท่าน คือการ ไป
"นั่งน้ำมนต์" ก็คือการนั่งเหยียดขาไป ข้างหน้า แล้วท่าน
อาจารย์ที่ "เรียนครู"รักษาโรค จากวิชา " หลวงพ่อแฉ่ง
วัดบางพัง ปากเกร็ด " นั้น ก็จะนำแก้วเขลอะ ใส่น้ำสีขุ่น ๆ
ไว้ข้างในสองแก้ว หรือแก้วเดียว มาวางไว้ตรงปลายเท้า
ก่อนหน้านั้น ผู้ไปรับการรักษาต้อง นำพานครูอันประกอบ
ด้วย กล้วยน้ำว้าสองหวี ดอกบัว๕ ดอก ธูป ๕ ดอกเทียน
ขาวหนัก ๑ บาท สองเล่ม และเงินค่าครู ๑๒ บาท ใส่ลง
ในพาน จุดธูปเทียนหน้าพระ ซึ่งมีรูปถ่ายหลวงพ่อแฉ่งฯ
ท่านนั่งมองดูอยู่ อธิษฐานขอให้หายโรคกาย โรควิญญาณ
ทั้งหลายก่อนแล้ว จึงจะมานั่งให้รักษา หากมิได้นำมา ก็
ต้องจัดพานครูดังกล่าวไปตักบาตรตอนเช้า ให้ "ครู" แทน
จากนั้นท่านอาจารย์จะมา ว่าพระคาถาให้เราว่า
ตาม นำมีดหมอ อันทำมาจาก เขาควายถูกฟ้าผ่าตาย มา
เคาะที่ขาเราและเคาะพื้นให้ดัง ปัง ๆ ปากก็บอกว่า
" เรียกออกมานะครู " อยู่หลายหน บางครั้งท่าน
ก็มาทำมือใกล้ ๆ หัวแม่เท้า แล้วทำท่า "สาวเชือก" สลับ
มือกันให้ลงไปทางแก้วแต่ท่านห้ามขาดมิให้พวกผู้มารับ
การรักษา โดนแก้วน้ำมนต์ และห้ามไปถูก น้ำมนต์นั้น
" ปีหนึ่งก็จะนำน้ำมนต์นี้ ไปเทป่าช้าทำพิธีให้
เขาสักหน"
ได้ยินท่านพูดกันอย่างนั้น บางครั้งท่านก็บอกว่า
"ในน้ำมนต์ มีวิญญาณของสารพัดช่องชั้นที่
อยู่ช่วยรักษาโรค ก็มาจากสิ่งที่เรียกออกจากตัวพวกคน
ป่วยไข้ทางวิญญาณอย่างพวกคุณทั้งหลายนี่แหละ เขา
ถูกบังคับให้มาทำกรรมใส่พวกคุณ พอโดนพระคาถาบังคับ
ให้ลงแก้วน้ำมนต์ ก็ต้องมาช่วยงานดึงโรควิญญาณนี้ออก
ไป มิฉะนั้น ก็ไม่ต้องไปผุดไปเกิดกัน....เพราะนี่เป็นทาง
ที่เขาช่วยพวกคุณแล้วพวกเขาก็ได้รับส่วนบุญด้วย "
นับเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าเพิ่งเคยได้ยินได้เคยเห็น
ได้เคยรู้ ก็คงต้องเขียนถึงบ้าง เพื่อประกอบภาพการ
รักษาของข้าพเจ้าแต่ยังไม่อยากเขียนถึงมากในวันนี้
เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่อง ปาฏิหาริย์อัศจรรย์อะไรเกินไป
ทว่า...ก็ไม่เขียนถึงไม่ได้จริง ๆ
อาจารย์ได้มาทำพิธี เคาะขา เอามีดกวาดไป
ตามขา หรือบางครั้ง ก็เอามีดหมอกดกลางกระหม่อม
ข้าพเจ้าแล้วไล่ไปตามบ่า ไหล่ แขน เอว ท้อง สะโพก
ขา หัวเข่า หน้าแข้ง ตาตุ่ม ไปจนถึงปลายนิ้วหัวแม่โป้ง
และทุกนิ้ว เช่นนั้นประจำ บางวันก็ทำพิธีกรรม เอามีด
เขาควายฟ้าผ่าตายนั้น จิ้มข้าพเจ้าจนเนื้อไหม้ ควันขึ้น
ไปหลายจุด ไม่เห็นกับตา ไม่โดนกับตัว ใครมาเล่า
เท่าไหร่ก็ไม่เชื่อแต่ที่ขาข้าพเจ้ายังเป็นรอยเนื้อไหม้
เป็นรูสีดำปนน้ำตาล อยู่ทุกวันนี้
ข้าพเจ้าจะไม่พูดยาวเรื่องนี้ในที่นี้แต่จะ
เกริ่นเพียงว่า หลายครั้ง คุณแม่สามีก็ไปนั่งด้วยใกล้ ๆ
ที่ข้าพเจ้า นั่งน้ำมนต์นั้น
เมื่อนั่งน้ำมนต์เสร็จ ระหว่างรอคุณแม่สามีท่าน
นั่ง ก็ ออกมาคุยถามไถ่ก้บอาจารย์ ส. บ้าง อาจารย์ ศักดิ์
บ้าง แล้วแต่ใครจะอยู่ตรงนั้น
มีครั้งหนึ่ง ได้ถามเรื่องที่ทาง และ เรื่องบ้าน
ที่จะอยู่อาศัยกันต่อไป อาจารย์ฯ น่าจะพูดถึงการให้
ข้าพเจ้า สร้างพระพุทธรูป ไปถวายวัด สักองค์สององค์
ซึ่งราคาองค์ละก็เป็นหมื่นขึ้นทั้งนั้น คุณแม่สามีซึ่ง
(ก็รู้ดีกันอยู่ว่าท่านขี้เหนียวไม่ยอมเสียเงินเพื่ออะไรโดย
ไม่จำเป็น ) มานั่งด้านหลังข้าพเจ้า เมื่อไหร่ไม่ทันได้
สังเกต หรือว่าเห็นแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจท่าน ครั้นท่าน
ได้ยินเรื่องราคาพระ คงเกิดการตระหนี่เสียดายเงิน
(ของข้าพเจ้าเองนี่แหละนะ )ขึ้นมา ก็ สอดโพล่งขึ้น
ห้ามข้าพเจ้าทำสิ่งที่ได้ยิน นั้น ข้าพเจ้ารู้สึกฉุนที่ท่าน
มาข้องเกี่ยวกับเรื่อง "วิบากกรรมของข้าพเจ้า"
จำได้ว่า ครั้งนั้น ได้หันกลับไปตวาดท่านแรง ๆ ว่า
"คุณแม่อย่ายุ่ง ไม่ใช่เรื่อง......."
คือ พูดยังไม่ทันจบประโยค ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียง
"ปัง" บนหลังคา และเห็นด้วยตาว่า มีเงาดำบางอย่าง
วูบลงมาจากด้านบนและมีอะไรอย่างหนึ่ง ตกปั้กกระแทก
ข้าพเจ้าอั้กลงบนหลังด้านซ้ายไม่ไกลหัวใจ เจ็บปวดรวด
ร้าวจนต้องยืดตัวไปด้านหลัง
เสียงอาจารย์กล่าวว่า
"อย่าไปว่าคุณแม่ท่านอย่างนั้น" หรืออะไรทำนอง
นั้น แล้วให้ข้าพเจ้าหันหลังกลับไปเลิกเสื้อให้ดู มันเป็น
รอยแดงใหญ่น่ากลัว-ข้าพเจ้าเคยส่องกระจกดู - ต่อมา
มันก็อักเสบเหมือนเป็นฝี เมื่อใช้ยาชนิดต่าง ๆ ทา ลงไป
ก็ยังเป็นแค่ทุเลาอาการไปนาน กว่าจะหายเป็นเพียงสะเก็ด
ตุ่มนิด ๆ
ท่านอาจารย์ ส.กล่าวถึงแผลดังกล่าวว่า
"แผลปลายมือเอื้อมไม่ถึง หากอักเสบก็ถึงตาย
คุณลองเอามือซ้ายป้ายไปด้านล่างหลัง แล้วเอามือขวา
อ้อมไหล่ขวาไปทางหลังซ้ายดูสิ ว่ามือคุณไม่ถึงแผล !! "
ตามที่สรุปก็คือว่า "โดนโทษ" ฐานที่ข้าพเจ้า
แผดแหวใส่ท่านคุณแม่สามี นั่นเอง แต่ข้าพเจ้ายิ่งเคือง
ท่านไม่รู้หาย ช่วงนั้นยังไม่ได้เข้าไปอยู่บ้านท่าน ท่านจะ
ทำได้ก็เพียงแต่เสียดสี..เย้ยหยันกระทบกระเทียบ เปรียบ
เปรย ฯลฯเอากับข้าพเจ้า ระหว่างไปทำการ"แก้ดวงชะตา
ตก " ของข้าพเจ้าช่วงนั้นเท่านั้น ขนาดข้าพเจ้ายังเคือง
ท่าน แล้ว ท่านเล่า จะมิเคืองแค้นอาฆาตข้าพเจ้าไป
หลายเท่าหรือ ?
จากคุณ :
tiki_ทิกิ
- [
4 เม.ย. 51 10:30:32
]