ไม่ ๆๆ ไม่ทานเด็ดขาด ตอนนี้กำลังไดเอตอยู่ นี่ไม่ทานข้าวเย็นมาได้สองอาทิตย์กว่าแล้วนะ
คนกำลังไดเอตพูดน้ำเสียงกระเง้ากระงอด และนอนคว่ำหน้า ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง มืออีกข้างถือโทรศัพท์ พร้อมกับใช้พุงกลม ๆ เหวี่ยงตัวพลิกซ้ายทีขวาทีไปมาแทนลูกบอล เมื่อถูกคนปลายสาย และอยู่ไกลคนละภาคของประเทศไทยเอ่ยถามเหมือนทุกครั้งว่า ทานข้าวมื้อเย็นหรือยัง
เดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหาอีกหรอก จะลดทำไม ไม่เห็นจะอ้วนเลย
เสียงนุ่ม ๆ จากปลายสายยังคงพูดต่อด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ด้วยรู้ดีว่าคนที่บอกว่ากำลังไดเอตนั้น มีโรคนี้เป็นโรคประจำตัว...ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และไม่เคยหายสักที... ก็ไอ้ โรคกระเพาะคราก...นี่แหละจึงทำให้ต้องพูด และต้องเอ่ยสำทับตามมาอีกครั้ง
ถ้าไม่ทานข้าวเย็น ก็ชงนมหรือพวกมอลต์สกัดดื่มแทนก็ได้ ท้องจะได้ไม่ว่าง เอ่อ กระเพาะจะได้ไม่ร้องครวญครางน่ะ
อืม คิดไว้เหมือนกัน นี่ก็ซื้อมาตุนไว้ด้วยนะ ไว้ชงดื่มเวลาท้องร้อง ฮิ ๆ
แม้ฟังดูก็รู้ว่าปลายสายพูดจิกกัดแบบพอหอมปากหอมคอ แต่คนฟังกลับไม่ใส่ใจ ยังคงนอนใช้พุงเหวี่ยงตัวพลิกไปมาเหมือนเดิม ส่วนปากก็ยิ้มพราย แถมยังพูดเห็นด้วยอีกต่างหาก ตามด้วยประโยคชวนเล่นเกมถามตอบเกี่ยวกับค่าดัชนีมวลกายหรือน้ำหนักต่อ
ครั้นปลายสายตอบกลับมา แทนที่คนถูกทายเรื่องของตัวเลขน้ำหนักจะรู้สึกหนักใจหรือเครียด กลับพูดน้ำเสียงร่าเริง กลั้วเสียงหัวเราะสวนกลับแทน
ไม่ใช่ ต้องบวกอีกห้า ถึงจะถูก
ฮ้า ! โห ! ทำไมหนักจัง ตัวเล็กนิดเดียว
คราวนี้น้ำเสียงจากปลายสายกลับรู้สึกเครียดแทน... พลางนึก... ทำไมแฟนฉันน้ำหนักถึงได้พุ่งพรวดขนาดนี้วะ...
เอ่อ ถ้างั้นงดอาหารค่ำก็ดีนะ แล้วช่วยเปลี่ยนจากนม ไมโล โอวัลตินอะไรพวกนี้มาเป็นน้ำเปล่าอย่างเดียว ยิ่งดี หรือไม่งั้นก็เป็นพวกมอลต์สกัดผสมธัญพืช งาดง งาดำอะไรนั่นก็ดี ดื่มชดเชยแทนข้าวมื้อค่ำ จำไว้นะ เพิ่มเท่าไหร่ต้องลดให้ได้เท่านั้นนะ
เสียงเข้มพูดแกมสั่งดังลอดผ่านกระบอกมือถือที่หนีบไว้ตรงกลางระหว่างไหล่กับหู ขณะที่มือสองข้างกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการทำอาหารมื้อค่ำสำหรับตนอง
ส่วนคนกำลังไดเอตกลับยิ้มตาหยี พลางวาดภาพนึกถึงสีหน้าของคนพูดไปด้วย ตอนนี้คิ้วคงขมวดมุ่น กัดริมฝีปากบาง ๆ เล็กน้อย พร้อมกับยกมือข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์มือถือขึ้นกุมขมับเหมือนกลุ้มใจแทนคนกำลังไดเอตอย่างเธอ
ก็ได้ ว่าแต่ถ้าลดได้แล้วจะโทรบอก แต่ถ้ายังลดไม่ได้ก็ไม่โทรบอกนะ เดี๋ยวโดนกัด
ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ดีกว่าไหม ให้ชั่งน้ำหนักทุกวัน ถ้าวันไหนลดลงหนึ่งขีดก็โทรหาฉันหนึ่งครั้ง วันไหนลดลงเท่าไรก็ให้โทรหาเท่านั้น โอเคไหม
แม้น้ำเสียงของคำสั่งยังเข้มเหมือนเดิม แต่สีหน้าคนสั่งกลับเผยให้เห็นชัดว่า กำลังยักคิ้วหลิ่วตา และส่งยิ้มยียวนกวนอารมณ์ให้ร่างของคนที่บอกว่ากำลังไดเอตที่โผล่เข้ามาอยู่ในมโนภาพของความคิดถึง
แล้วถ้าลดไม่ลง มีแต่เพิ่มล่ะ ก็อดโทรหานะสิ
เสียงของคนกำลังไดเอตถามกลับทันควัน พลางนิ่วหน้า และนึก...ถ้าเข็มตราชั่งหรือตัวเลขของน้ำหนักมีแต่เพิ่มไม่มีลดล่ะ...คงอดไม่ได้ฟังเสียงคนที่กำลังทำอะไรสักอย่างดังก๊อกแก๊กในตอนนี้นะสิ
ถ้าเข็มหรือตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกวัน ฉันก็จะโทรหาเพื่อจัดสรรเมนูอาหารมื้อค่ำให้ได้สรรหามาทาน และเป็นการเตือนให้รู้ด้วยว่า ตัวเลขของน้ำหนักควรลดลงบ้าง จะได้โทรหาฉันบ้างไง
ปลายสายขยับปากสั่ง พูดไปก็หัวเราะ หึหึ ในลำคอไป ขณะที่สายตาก็มองผัดผักโป๊ยเซียนในกระทะ โดยไม่รู้ว่าตอนนี้คนฟังค่อย ๆ ยิ้มจนแก้มแทบปริ นัยน์ตาหยีดูคล้ายเป็นเม็ดก๋วยจี๊เข้าไปทุกที เมื่อรู้ว่าปลายสายอาสาจัดเมนูอาหารลดน้ำหนักมื้อค่ำให้ แต่มิวายยิงคำถามที่ยังคาใจต่อ
แล้วถ้าไม่ลดแล้วกลายเป็นหมูออมสินขึ้นมาล่ะ เธอจะยังโทรหาฉันแบบนี้อีกไหม
อืม...
แล้วปลายสายก็เงียบไปสักสองนาที ละมือจากกระทะ ควงตะหลิวในมือไปมาเหมือนกับต้องการให้คนถามได้ยินเสียงลมดังหวืด ๆ เพราะกำลังใช้ความคิด
ส่วนคนถามถึงจะรู้แต่ก็เริ่มใจแป้ว...ไม่ใช่กลัวเรื่องไม่ผอม แต่กลัวคำตอบแบบสายฟ้าฟาดจากปลายสายนะสิ...แล้วจู่ ๆ ใจเจ้ากรรมก็เริ่มดิ้นรนหาทางออกให้คำตอบของตน...
ผอม...ต้องผอมให้ได้ เพื่อไม่ให้ความรักของเราสองคนต้องเปลี่ยนแปลงเพียงเพราะตัวเลขของน้ำหนักที่ไม่ยอมลดหรือคงที่ มีแต่ดันทุรังจะเพิ่มขึ้นได้ทุกวัน แต่แล้วความคิดก็ต้องชะงัก เมื่อ...
ถ้าอย่างนั้น เอาอย่างนี้ละกัน ไม่ว่าค่าดัชนีมวลกายของเธอจะเพิ่มหรือลด ยังไงเราก็ยังโทรคุยกันเหมือนเดิมดีไหม
ฮ้า จริงเหรอ ดีสิดี และไม่ว่าคนคนนี้จะเป็นยังไง เธอก็จะยังรักเหมือนเดิมใช่ไหม
คนกำลังไดเอตเอ่ยถามเสียงสูง และหยุดใช้พุงเหวี่ยงพลิกร่างไปมา เปลี่ยนเป็นบิดตัวม้วนต้วนอย่างเขินอายที่ใจเจ้ากรรมเกิดกล้าและบ้าบิ่นถามประโยคนี้ออกมา
ใช่ ไม่ว่าหมูอ้วนของฉันจะอ้วนยังไง ใจฉันก็ยังรักเธอเหมือนเดิม เพราะค่าความรักของเราสองคนไม่ใช่หุ้นที่จะมีขึ้นมีลง หรือผกผันได้ตามตัวเลขน้ำหนัก เข้าใจไหม... เสียงนุ่ม ๆ เอ่ยเบา ๆ แต่เปี่ยมล้นไปด้วยคำว่า รักและจริงใจ
คำพูดนี้ทำให้คนฟังรีบผุดลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ ยิ้มร่า หัวเราะร่วน พร้อมกับตอบรับเสียงใสแจ๋ว
เข้าใจและรับทราบเจ้าค่ะ คุณนักโภชนาการสุดที่รักของฉัน
ถ้างั้นค่ำนี้ดื่มนมพร่องไขมันสักแก้ว ตามด้วยน้ำเปล่า ณ อุณหภูมิห้องอีกหนึ่ง ก่อนเข้านอนนะ...พ่อนักชิมตัวกลมของฉัน
เมื่อเสียงสนทนาสิ้นสุดลง ความเงียบเข้ามาแทนที่ แต่แว่วเสียงความห่วงใยกับคำพูดของแม่นักโภชนาการสุดที่รักของพ่อนักชิมตัวกลมยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท
รอยยิ้มกว้างอย่างเคอะเขินอาบทั่วใบหน้า...ตามด้วยเสียงฮัมเพลงเบา ๆ แบบไม่ถูกคีย์
เอาเท่าไร ไม่อ้วนเอาเท่าไร บอกซิเออ เธอจะเอาเท่าไร
แม้ท่อนฮุกของเพลงที่ร้องจะบอกความหมายเป็นนัย ๆ แต่ในใจของคนร้องกลับยิ้มแฉ่ง...ร้องค้านโต้ออกมาว่า อ้วนเท่าไร อ้วนเอาไว้ให้ใคร อ้วนยังไง ใจของฉันก็ยังมีแต่เธอ
ใช่...อ้วนยังไง....แฟนของฉันก็ยังรักฉันเหมือนเดิม....
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้...พ่อนักชิมตัวกลมก็เริ่มขยับขาพาร่างของตน กระดืบ ๆ เข้าใกล้ตู้เย็น...อีกครั้ง
...จบ...
จากคุณ :
อักขราษร
- [
12 เม.ย. 51 20:20:31
]