ตลอดเวลา 1 ปีแรกที่นี่ ซันกลายเป็นขวัญใจคุณครูและเพื่อนๆในชั้นเรียน เพราะความเป็นคนง่ายๆ ตลกร่าเริง ซันคุยกับแม่ผ่านทางเวบแคมทุกคืนวันเสาร์ เพราะจะเป็นวันที่อยู่ดึกได้ แต่ถ้าวันไหนต้องไปตกปลากับที่บ้านโฮมสเตย์ ก็จะไม่ได้คุย เขาเล่าว่าเจอเพื่อนที่ทำงานทางเนตด้วยกันที่นี่ด้วย นภานึกขำ ไอ้ที่บอกทำงานคือเล่นเกมนั่นเอง การไปอยู่ทางโน้นแม้นภาจะเหงาเพราะลูกไม่อยู่ แต่นภาสบายใจที่ลูกห่างเกมไปบ้าง ฟังข่าวสมัยนี้ เด็กๆติดเกมออนไลน์อย่างน่าใจหาย บางคนถึงขั้นแม่จับล่ามโซ่เพราะลงโทษไม่ให้เล่นเกม จนขึ้นข่าวหน้าหนึ่ง
ปีที่สอง ซันเลือกเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยด้านคอมพิวเตอร์ การเรียนเตรียมเข้าสู่มหาวิทยาลัย จะเรียนคล้ายนักศึกษาปีที่ 1 บ้านเรา
ซันมีอาการไม่สบายตอนเข้าปีที่ 2 อยู่ก็ทรุดตัวหมดสติไประหว่างที่เรียน หมอตรวจพบว่า ซันมีอาการเบาหวานขึ้นที่จอประสาทตา คงเนื่องมาจากการมาอยู่ที่ต่างประเทศ มีอาหารการกินที่อุดมไปด้วยนมเนยและหวานมัน แถมคนช่างกินอย่างซันก็เรียกได้ว่า สวาปาม ยิ่งไม่มีแม่คอยคุม ยิ่งสนุกกับโค้ก น้ำหวานต่างๆ และเพราะซันไม่ใช่พลเมืองประเทศเขา ดังนั้นการรักษาพยาบาลจึงยุ่งยากและแพงมาก โฮมสเตย์รู้สึกอึดอัดเมื่อต้องมาคอยดูแลอาหารการกินของซัน เพราะอาหารที่กินจะต้องไม่ใส่น้ำตาล จึงทำให้เขาต้องปรุงอาหารอีกชุดให้ซัน และต้องตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือดซันทุกวัน ต้องพาไปหาหมอทุกสัปดาห์ จากค่าใช้จ่ายเดือนละ 25000 ก็เพิ่มเป็นสองเท่า โฮมสเตย์เองก็ตัดสินใจขอเปลี่ยนเด็ก เพราะไม่อยากมีภาระรับผิดชอบเด็กป่วย ตามข้อตกลงคือทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ขอเปลี่ยนบ้านหรือผู้มาพักได้ นภาจึงตัดสินใจนำลูกกลับมาเพราะเธอเองก็ไม่มีเงินเหลือมากเพียงพอกับค่าใช้จ่ายเดือนละเกือบแสน
ด้วยนภาเองมีเงินเหลือจากการขายกิจการไม่มากนัก นอกจากจะต้องนำเงินที่มีไปลงทุน เธอยังต้องเก็บเงินสำรองสำหรับค่าเทอมลูก เมื่อจบเทอมนั้น นภาให้ลูกกลับมา
การไม่พบหน้ากันปีกว่า ทำให้นภารู้ว่า คิดถึงซันมากแค่ไหน ลูกกลับมาดูตัวโตเหมือนฝรั่ง ดูแปลกแตกต่างไปจากเด็กชายซันตัวน้อยที่โดนรังแก แต่เมื่อเห็นแม่ยืนรอรับ ยิ้ม ซันก็มียิ้มใสราวพระอาทิตย์สว่างไสวให้แม่เช่นเดิม
จากคุณ :
สาริสา
- [
18 เม.ย. 51 15:48:55
A:124.120.86.8 X: TicketID:113562
]