credit: lllmukoilll
เสียงเพลงจากลำโพงตัวเล็กดังลอยมา
ทำให้ผู้คนที่เดินอยู่ละแวกนั้น ต้องหันหลังกลับไปมอง
ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกเก่าๆ
เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่น เนื้อตัวมอมแมม สวมแว่นตาสีชา
ในมือของเขาถือไมโครโฟนเก่าๆตัวหนึ่ง ปากก็ขยับร้องเพลงตามทำนองเพลง
ถึงเเม้ว่าจะร้องผิด หลงคีย์ไปบ้าง แต่เขาก็ตั้งใจร้องเสียเหลือเกิน
ข้างกายของเขามีผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันนั่งอยู่ข้างๆ
การแต่งกายของเธอและเขาก็ดูจะเป็นแบบเดียวกัน และเธอ...ก็สวมแว่นตาสีชาด้วยเหมือนกัน
บนตักของเธอมีกล่องไม้สำหรับรับเงินบริจาค จากคนใจบุญที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้น
เขาและเธอนั่งจับมือกัน ราวกับว่ากลัวใครคนใดคนหนึ่งจะหายไป...
เขาและเธอจูงมือกันเดินกลับบ้าน
มีไม้เท้าคนละอันเป็นตัวช่วยนำทาง ค่อยๆประคองกันเดินไปทีละก้าว...ทีละก้าว
ต่างคนต่างก็มองไม่เห็นด้วยกันทั้งคู่
เขาสองคนไม่เคยเห็นว่าการเเต่งกายของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร
เขาสองคนไม่เคยแม้เเต่จะเห็นว่าหน้าตาของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร
เขาเพียงเเค่รู้จัก จิตใจ ของอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น
คนตาบอดไม่เคยอยู่ห่างกัน
คนตาบอดไม่เคยคิดที่จะมีคนอื่น
คนตาบอดไม่สนใจหน้าตาของคนที่เขารัก
คนตาบอดไม่เคยสนใจฐานะของกันเเละกัน
คนตาบอดไม่เคยทำให้อีกฝ่ายต้องกังวลใจ
คนสองคนอยู่ด้วยกัน ช่วยเหลือกัน เป็นกำลังใจให้กันในยามที่ต้องการ
ถึงเเม้ว่าตาของคนทั้งสองจะปิดสนิทจนไม่อาจมองเห็นอะไรได้อีก
แต่ หัวใจ ของคนทั้งสองไม่เคยปิด
คนสองคนเปิดใจให้กันเเละกัน
คนสองคนห่วงใยซึ่งกันเเละกัน
คนสองคนไว้ใจซึ่งกันเเละกัน
และที่สำคัญที่สุด...
คนสองคนเข้าใจซึ่งกันเเละกัน
เเล้วทำไมคนตาดีอย่างพวกเราถึงต้องผิดหวังกับความรัก
เพราะว่าเรามองเห็นการแต่งตัวของอีกฝ่ายอย่างนั้นหรือ
เพราะว่าเรามองเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายอย่างนั้นหรือ
เพราะเราคาดหวังกับคนรักตรงหน้ามากเกินไปอย่างนั้นหรือ
...ทำไมเราไม่ลองเปิดประตูหัวใจเพื่อรับรู้ รับฟังความรู้สึก
และเหตุผลของการกระทำต่างๆระหว่างกันและกัน
...ทำไมเราไม่ลองความคิดถึง และรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน
...ทำไมเราไม่ลองเชื่อใจ ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ไม่หวาดระแวง
หรือคอยจับผิดจนทำให้อีกฝ่ายต้องอึดอัดใจ
เมื่อเรายอมรับตัวตน เหตุผล ความรู้สึก และการกระทำของกันและกันแล้ว
ความรักที่ดี คนรักที่ดีก็จะไม่หนีเราไปไหนอีกเลย...
credit: lllmukoilll
ปล.
กำลังเข็นใครคนหนึ่งให้เริ่มจับปากกา
(จริงๆ คือจับโน้ตบุ๊คมากกว่า) ลงมือขีดๆ เขียนๆ
แทนที่จะเขียนเป็นแต่แต่ไดอารี่เพียงอย่างเดียว
นี่เป็นผลงานชิ้นที่สอง
หลังจากถูกบังคับให้ต้องเขียนส่งสัปดาห์ละเรื่อง
(หากท่านทั้งหลายเห็นว่ามีแวว จะนำงานชิ้นแรกมาลงในโอกาสต่อไป)
ฝากเพื่อนๆ ในห้องสมุด กรุณาแสดงความเห็นติชม
เพื่อนำไปปรับปรุงและเป็นกำลังใจให้น้องเขาด้วยครับ
ปล. อีกครั้ง
คนแต่งเป็นผู้หญิง
เขียนจากแรงบันดาลใจที่ไปเห็นคนตาบอดเดินร้องเพลงตามหาคนใจบุญ
ขณะไปเดินตลาดกับหม่ามี้
ถาม "แล้วหนูเป็นคนใจบุญหรือเปล่า"
ตอบ "เป็นสิคะ แฮ่มแฮ่ม"
จากคุณ :
beer87
- [
20 เม.ย. 51 16:05:19
]