ใกล้กันพอจูงมือได้ แต่กลับไม่ค่อยมีเวลา
ในวัยเรียนระดับมหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตในคณะบ้านใกล้เรือนเคียง
ปีหนึ่ง..ปีสอง ยังว่างไปมาหาสู่ดูใจใกล้ชิด
ปีสาม ตารางเรียนแน่น งานเพียบ ต่างคนต่างจัดการเวลาไม่ลงตัว
ฉันว่าง เธอไม่ว่าง
เธอว่าง ฉันไม่ว่าง
มีความแตกต่างระหว่างคณะวิชาที่เรียน อนาคตการทำงานย่อมไม่ใช่ทางเดียวกัน
นานวันเริ่มมองเห็นรสนิยมที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ฝันกันไกลถึงอนาคตที่ยังมาไมุ่่ถึง
และหลังจากนั้นก็ ฟันธงว่าเป็นไปไม่ได้
ที่จะรักและมีอนาคตร่วมกันต่อไป
น่าเห็นใจ เมื่อ " ความว่าง " อันเป็นสภาวะสูงสุดทางพุทธรรมเป็นปัญหาของหัวใจ
พอผมพูดแบบนี้ มีสายตาข้อนขวับทันทีว่าปรึกษาเรื่องหัวใจ มิใช่ถกเรื่องพุทธปรัชญา
นิ่งสักพักแล้วคิดใหม่ หาภาษาให้เหมาะสมกับวัยของผู้ฟัง
น่าเห็นใจไม่น้อย รักกันมาดีๆ ไม่มีมือที่มองไม่เห็นให้กวนใจ
เป็นความรักระหว่างคนสองคนที่น่าจะไปได้สวย
ต่างคนต่างเรียนในคณะวิชายอดนิยม ชีวิตข้างหน้าคาดเดาได้ว่าต้องประสบความสำเร็จ
แต่ในวันที่ต่างก็ไม่มีเวลาให้่กัน กลับถูกช่องว่างของเวลาเล่นงาน
ถูกกดดันด้วยคำถาม
ถามถึงปัจจุบันที่ต้องกลับมาเดินคนเดียว กินข้าวคนเดียวอีกครั้ง
ถามถึงอนาคตที่เคยฝันว่าจะดี แต่ตอนนี้กลับเริ่มไม่แน่ใจ
อากาศร้อนนะ เข้าร่มหน่อยดีไหม - สายตาค้อนขวับวาบมาอีกครั้งบอกว่าอย่ากล่าวอ้างภูมิอากาศ
ผมเพียงต้องการกล่าวว่า เราเป็นสัตว์เลือดอุ่น ผลิ ร้อน ร่วง หนาว น่าจะปรับตัวได้ตามภูมิอากาศ
หาพัดลมมาเป่าหรือหาเสื้อกันหนาวมาใส่
ในกรณีที่ท่านรู้ตัวว่าเป็นสัตว์เลือดเย็น เวลาที่เจอเรื่องเหน็บหนาวในหัวใจ
ขอแนะนำให้กินเยอะๆแล้วนอน สะสมพลังงานให้เพียงพอเพื่อจำศีลเอาชีวิตรอดผ่านฤดูหนาวอันโหดร้าย
ไม่ตลกนะ-ผมพูดจริง
หาพลังงานของหัวใจใส่ไว้เยอะๆ อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง แล้วแต่ชอบ
ดูแล้วเก็บไว้คนเดียวก่อน เวลาเจอกันอีกทีจะได้มีเรื่องคุยกันเยอะๆ
เอาความสดชื่นของหัวใจไปแบ่งปันแก่กัน
น่าจะเข้าท่ากว่า นั่งเผชิญหน้ากันเงียบๆ ต่างฝ่ายไม่รู้จะพูดอะไร
เพราะความคิดมีแต่คำถามเรื่องความสัมพันธ์วูบวาบไปลายตายิ่งกว่าแสงไฟในดิสโก้เธค
ถ้าโดนช่องว่างเล่นงานบ่อยๆ หลายคู่จะมีอาการความคิดติดขัด ริมฝีปากเกร็ง พูดอะไรไม่ออก
แล้วก็ถามคำตอบคำเหมือนคนเพิ่งเคยรู้จัก
สบายดีไหม ?
มีฉันอยู่หรือไม่มีดีกว่ากัน ?
เราปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปดีไหม ?
แล้วก็อีกมาก คำถามที่ไม่มีสีสันและไม่้ทำอะไรให้ดีขึ้น
และแล้วก็แตกหักอย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
วันเวลาที่เกิดช่องว่างระหว่างกันเพราะสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ ผมเรียกว่าชะตากรรม
ในเมื่อการโทษชะตากรรมทำได้ง่าย ผมขอให้เราเลือกทางที่ง่ายดีกว่า
ชะตากรรมให้ความว่างแก่คู่รักเพื่อให้รู้จักการเรียนรู้ที่จะอดทนและรอคอย
เรียนรู้ความสุขจากการนั่งมองวันเวลาเก่าๆ ซึ่งเป็นน้ำที่เหลืออยู่ในแก้วและดื่มได้ไม่มีวันพร่อง
เรียนรู้การเฝ้ามองคนที่รักในระยะห่าง เก็บภาพของเขาหรือเธอไว้ เพื่อไปจูงมือกันในความฝัน
อย่าถามถึงอนาคตเลย เพราะตอนนี้เราก็อยู่ในอนาคตแล้ว
อนาคตของชาติที่แล้ว
ผมเชื่อว่า คนที่ได้พบและรักกัน ไม่ว่าจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆหรือครองคู่กันจนแก่เฒ่า
คงต้องผ่าน ช่องว่าง ระหว่างชาติภาพมาแล้ว บางคู่อาจจะมากกว่าหนึ่งครั้งเสียด้วย
เนิ่นนานเป็นร้อยปี เป็นพันปี อาจไกลถึงดวงดาว ห่างกันสุดปลายขอบฟ้า
แต่ละคู่คงเคยเผชิญความเจ็บปวดของระยะห่่างมาแล้วทั้งนั้น
มากมายขนาดนั้นยังอดทนจนมาเจอกันในชาตินี้ได้
อย่าปล่อยให้ ช่องว่างไม่กี่ชั่วโมง หรือ ไม่กี่ปี ทำให้ต้องรอพบกันใหม่ชาติหน้า
" ฉันว่าง เธอไม่ว่าง
เธอว่าง ฉันไม่ว่าง "
เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆครับ ไม่ใช่เรื่องมหาศาล
แต่ถ้าวันหนึ่งกลายเป็น
" ฉันรัก เธอไม่รัก
เธอรัก ฉันไม่รัก "
โปรดมาพบกับผมอีกครั้ง จะฟังเพลงอกหักเป็นเพื่อน
จากคุณ :
กาแฟสอง
- [
20 เม.ย. 51 23:37:52
]