จิบกาแฟชมดาวฯ
จิบกาแฟชมดาว
ริมทะเลกับความเหงา ข้างคืนเดือนหงาย
ค่ำคืนที่พระจันทร์เสี้ยวแขวนเกี่ยวกิ่งฟ้า.. ท้องฟ้าสว่างตา หากยามใดที่พระจันทร์ดวงกลมโตลอยเด่นเป็นสง่าอยู่บนผืนฟ้าที่มืดดำ ก็ชื่นชอบนักหนาที่จะมองไปยังท้องทะเลกว้างสุดสายตา ผืนน้ำพราวระยับด้วยแสงจันทร์นวลตกกระทบ
ไม่แปลกใจเลยที่หลีไป๋จมน้ำตายเพราะว่ายน้ำไปเก็บพระจันทร์
ความรักเอย..เจ้าลอยลมมาหรือไร
มาดลจิต
.มาดลใจเสน่หา
.
เสียงเพลงเศร้าๆ ที่ดังแว่วมาจากเรือนพักหลังข้างๆ เออ
หนอ ใครกันช่างมีอารมณ์ฟังเพลงเหงาๆ ในเวลาสองยามอย่างนี้ เสียงคลื่นที่โยนตัวเป็นจังหวะดูจะสอดประสานกันอย่างลงตัวกับบทเพลง ไม่รู้สึกขัดเคืองเหมือนบางครั้งที่กลุ่มวัยรุ่นมาพัก พวกเขามักจะเปิดเพลงเสียงดังลั่นและมันทำร้ายโสตประสาทเหลือเกิน..
สายลมพัดพริ้วผ่านหน้าต่างเข้ามาต้องกระทบผิวกาย อยากจะออกไปย่างเหยียบเท้าเปล่าบนหาดทราย แต่ก็ทำได้เพียงนั่งชมทะเลบนเปลญวนริมระเบียง ปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยไปยังอีกปลาย
ขอบฟ้า แล้วจิบกาแฟไปพร้อมๆ กัน
..
กาแฟ
มีคนเคยบอกว่า แล้วผมจะไปนั่งดื่มกาแฟเป็นเพื่อนคุณ เป็นประโยคคำพูดที่โรแมนติก แม้จากเพียงตัวอักษร
มิตรภาพ ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า เพราะอย่างนี้เล่า
จึงได้มี เพื่อน มากมายทางตัวหนังสือและชายหนุ่มอารมณ์ละไมคนนี้ก็เช่นกัน เขาบอกเล่าว่าเขาเป็น คนอยู่เรือ
ชีวิตคนเรือ
.ต้องขึ้นอยู่กับน้ำ นั่นเป็นหนึ่งในประโยคคำพูดของเขา กลิ่นหอมของกาแฟ
มันยวนใจกว่ากลิ่นของสุราเป็นไหนๆ เรื่องราวที่ส่งผ่านทางจดหมายอิเลค ทรอนิกส์เป็นเรื่องเล่าของชีวิตและความเป็นมา
ชีวิต 365 วันอยู่บนวัตถุลอยน้ำเสีย 285 วัน โดยประมาณ เรือสินค้าขนาดใหญ่... กำลังแล่นผ่านทะเลที่ไร้คลื่นลมด้วยความเร็ว 45 น๊อต เร็วมากเลยนะ งานของผม... ก็ทำให้ผมแกร่ง จนกระกระด้างและก้าวร้าว วันๆ บนเรือใช้แต่ภาษาอังกฤษ และสเปญ งานที่ต้องทำแต่วัตถุลอยน้ำ ขนาดความยาวเท่าตึกใบหยก วางนอนราบกับพื้น ระวางบรรทุก
บรรทุกตู้ที่คุณเคยเห็นบนรถหัวลากยัดใส่เรือเข้าไปได้.. หกพันตู้
อีกเพียงไม่กี่วันผมก็จะออกเรืออีกแล้ว.. สิงคโปร์ ปานามา โตโก อาฟริกาใต้
เรื่องราวความเป็นมาของเขาถูกถ่ายทอดออกมาด้วยตัวหนังสือ ชีวิตของนักเดินทาง มักเป็นเช่นนี้เสมอ เราไม่เคยพบกัน.. ไม่เคยได้ยินเสียง แม้เราจะอยู่ห่างกันเพียง--ปลายตา
อาคารสูงในย่านธุรกิจใจกลางเมืองกั้นกลางระหว่างเราได้มิดชิด บ้าน ที่เขามีเวลาอยู่
เพียงประมาณ 80 กว่าวันต่อปี
และอีกเพียงไม่กี่วันที่ต้องไป เขาจึง ต้องอยู่บ้านเยอะๆ
เหมือนแมว
สิ่งที่คุณเห็น
ทุกวัน ผมก็เห็นเหมือนคุณ--บางทีเราอาจจะเดินสวนทางกัน
แต่ไม่รู้จักกัน เพราะบ้าน
ห่างกันเพียง
ไม่ถึงแปดร้อยเมตร ในละแวกพื้นที่ย่านธุรกิจของเมืองหลวงเราไม่เคยแลกเบอร์โทรศัพท์เหมือนอย่างหลายๆ คนที่รู้จักกันโดยตัวอักษรจากการคุยผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ เราสองคนแม้จะรู้จัก
ด้วยวิธีดังกล่าว แต่ก็ยังบอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ
เป็นความรู้สึกที่ดีครับ
ที่รู้จักกันแค่...ตัวอักษร....ผม..ชอบอย่างนี้...มากกว่า..มีความสุข เวลาที่ผมอยู่บนเรือ
ไม่มีใครเลย..ผมเปิดเมลล์.
ผมมีคุณ
..แค่นี้ละครับ.....ดีแล้ว
ผมชอบดื่มกาแฟครับ
พี่ชายผมก็เช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่เรากลับมาพบกัน เราสองคนจะนั่งดื่มกาแฟด้วยกัน สนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทาง
เพราะพี่ชายผมก็เป็นนักเดินทาง เขามักเล่าเรื่องราวของตัวเอง ครอบครัว โดยเฉพาะพี่ชายของเขา.. และกาแฟ
ที่สองพี่น้องชื่นชอบ ไม่แตกต่างกัน
กาแฟเมล็ดแห้งที่ดีที่สุดของจำปาศักดิ์
ต้องเอาไปคั่วเสียก่อน...แล้วค่อยนำมาบด....ถึงจะนำมาชงแบบชาวบ้านๆ ทั่วไป
แต่กาแฟที่ดีที่สุดในโลก...คือกาแฟที่คนที่ผมรักที่สุด..ชงให้...เท่านั้น....แม้นว่าจะถูกบรรจุในถ้วยสังกะสีบุบๆ.. เขามักจะเอ่ยถึงบุคคลสองคนในชีวิตที่เขารักนั่นคือคุณแม่... และพี่ชายที่เป็นนักเดินทาง ช่างภาพและนักเขียนสารคดี
วันนี้ผมไปนั่งละเลียดกาแฟ และอ่านหนังสือ ร้านกาแฟที่คุณบอก-- บางที คนที่ชงกาแฟมาให้ผม อาจจะเป็นคุณก็ได้
เพราะกาแฟอร่อย อืมม์ เค้กมะนาวก็ด้วย
อร่อยดี ถ้อยความในจดหมายอิเลคทรอนิกส์ของเขาถูกเก็บไว้ในไฟล์ข้อมูลต่างหาก
และถูกถ่ายทอดลงสู่กระดาษเก็บเข้าแฟ้ม จดหมายจากเพื่อน
ทางอี-เมลล์
สองยามกับอีกยี่สิบสี่นาที
เสียงคลื่นยังสาดกระทบโขดหิน ทะเล..ไม่เคยหลับจริงๆ แสงจากดวงไฟของเรือหาปลาริบหรี่อยู่ไม่ไกลตานัก.. แล้วป่านนี้หนอ เรือสินค้าขนาดใหญ่ความยาวเท่าตึกใบหยกจะอยู่ตรงส่วนไหนของมหาสมุทร เวลา 80 วันบนผืนดิน
สิ้นสุดลงเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จดหมายฉบับล่าสุดที่เพิ่งได้รับคือเมื่อสามวันก่อนบอกกล่าวสั้นๆ เรือเพิ่งออกจากท่าโตโก
จนวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีมาอีกเลย
ความคุ้นเคยที่หายไป--บางทีก็คิดถึง
...อย่าลืมกันเสียก่อน อย่าด่วนตัดรอนรักจากดวงใจ คำสัญญาให้ไว้ จารึกใจ ตราบชั่วดินฟ้า
เสียงเพลงจากเรือนข้างๆ ก็ยังดัง
เป็นเพลงเก่าที่นำมาขับร้องใหม่ บางอย่างเก่าๆ ที่นำเอามาประยุกต์ใหม่ให้เข้ายุคสมัยก็
เข้าท่า
ดีเหมือนกัน
เรือนพักแปดหลังท้ายหาด
ห่างไกลผู้คน แต่เงียบสงบสำหรับผู้ที่ชอบบรรยากาศแบบนี้ ฤดูกาลนี้ไม่ใช่เทศกาลที่นี่จึงไม่มีนักท่องเที่ยวที่หลงเลยมาด้วยจำใจ หากแต่เป็นผู้มาพักด้วยความตั้งใจ เรือนหกหลังมี คนเก่า คือแขกที่เคยมาพัก กลับมาอีก
อีกหลังหนึ่งนั้นเป็นชาวต่างประเทศ และหลังติดกันนี้
แม่บอกว่า เรือนที่ถัดจากเราเขาโทฯ มาจอง บอกว่าอีกสองสามวันจะเข้ามา หลังจากที่สั่งการฝากฝังให้ดูแลรีสอร์ท แล้วแม่ก็ไป
นิวซีแลนด์ แม่ยังสนุกกับการเที่ยว เดินทาง.. และบ่อยครั้งที่ลูกสาวของแม่คนนี้ต้องมา.. ดูแลบ้านด้วยนะลูก
อากาศเริ่มเย็นลง แต่กาแฟชืดหมดแล้ว
ดาวประจำเมืองพริบพราย ส่องแสงสว่างไสวกว่าดาวทุกดวง.. เหมือนดาวดวงหนึ่งบนบ่า
.ใครบางคน ชายหนุ่มแห่งกองทัพอากาศไทย กับการสนทนาทางตัวอักษรตอนสองยามเมื่อ--นานมา เราใช้เวลาสนทนากันทางตัวหนังสือ
จนกระทั่งตะวันฉายแสงของอีกวัน
ไปเรียนที่ญี่ปุ่นหกปี กลับมาได้ไม่ถึงปี ก็ย้ายมาอยู่ที่นี่.. กองบินแห่งเมืองปากน้ำโพ
เขาประจำอยู่ที่นั่น
เคยอยู่บนที่สูงๆ แล้วมองลงมามั้ย มันสวยมากเลยนะ เหมือนตอนที่ขับเครื่องบิน จะรู้สึกรักเมืองไทยมากที่สุด เพราะมองเห็นสีเขียวของต้นไม่ สายน้ำ หมู่บ้าน
ภูมิใจมากที่ได้เกิดเป็นทหารไทย เขาบอกเล่าถึงภาระหน้าที่ในการปกป้องประเทศชาติ ดูเถอะ
แล้วคน อ่าน ก็นั่งปลื้มหน้าจอมอนิเตอร์
สักกี่คนนะที่จะเหมือนเขา
รักชาติยิ่งชีพ.. ครับผม การสนทนาเป็นไปตามแบบอย่างของทหาร สุภาพ แต่แฝงด้วยอำนาจ
ไม่ค่อยมีเพื่อนครับ
โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิง เพราะทั้งกองทัพ--เป็นผู้ชาย อยากรู้ว่าคนอื่นๆ คิดเห็นในเรื่องเดียวกันกับเราอย่างไร
อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นั่นเองคือเหตุผลที่เค้าสนทนากับคนที่
ไม่เคยเห็นหน้า จากโปรแกรม.. หน้าจอคอมพิวเตอร์
และจากนั้นต่อมาเราก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางจดหมายอิเลคทรอนิกส์ และสนทนากันแบบไม่เห็นหน้า.. รู้ก็แต่ว่าตัวหนังสือหน้าจอคอมพิวเตอร์ตอนนี้คือเขา-- ก็แปลก ที่แม้จะไม่เคยเห็นหน้าแต่ก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะลักษณะการคุย ภาษาที่ใช้แม้แค่จากตัวอักษร แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ชายหนุ่มนักดื่ม..กาแฟ ก็จะคุยเรียบๆ ภาษาโรแมนติก เปรียบเขาคล้ายใต้ท้องทะเลลึก เงียบสงบ
หนุ่มนักบินคนนี้ก็ไม่ต่างจากเหยี่ยวบนท้องฟ้า เครื่องบินที่เขาขับวนว่ายเพื่อปกปักรักษาอธิปไตยให้บ้านเมืองคือนกเหยี่ยวตัวเปรียวที่มีเขา
เป็นสายตาและสมองควบคุมบังคับ .
แล้วดึกดื่นป่านนี้ พ่อนกเหยี่ยวแห่งกองทัพไทยจะทำอะไรอยู่หนอ
เพียงคำเดียวที่ปรารถนา อยากฟังให้ชื่นอุรา ใจพะว้าพะวัง นานเท่านานที่คอยจะฟังคำนี้คำเดียวที่หวัง อยากฟังจากปากดวงใจ
อืมม์
คนข้างบ้านนี่ไม่หลับไม่นอนหรือไรนะ แสงไฟจากโคมไฟดวงเล็กส่องผ่านกระจกฝ้าออกมาให้รู้ว่ายังมีคน
ไม่นอนเหมือนกัน เสียงเพลงที่ดังแผ่วๆ นั้นถึงยังได้ดังอยู่จนเกือบชั่วโมงแล้ว เครื่องเล่นเทปจะเหนื่อยล้าบ้างมั้ยนะ แต่เพลงก็ไพเราะดี ป่านนี้แม่คงถึงนิวซีแลนด์ และคงต่อไปสวิสฯ ไปอิตาลี
ที่ไหนๆ ที่แม่อยากจะไป
เพื่อพักผ่อน โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์ศิลปะ
แม่จะไม่พลาดเสมอทุกครั้งที่เดินทาง
ปั้นได้ยังไงนะ เก่งจัง เหมื๊อน เหมือนคนจริง เมื่อครั้งที่ไปกับแม่ และแม่ก็ไปยืนทึ่งรูปปั้นผู้นำของประเทศตะวันตกท่านหนึ่ง
แม่ไม่รู้หรอกว่าลูกสาวของแม่
มีเพื่อนเป็นประติมากรกับเขาเหมือนกัน
ชายหนุ่มศิลปินนักปั้นเล็กๆ จากรั้วเพาะช่าง
ที่บ้านเป็นโรงงานหล่อทองเหลือง เหตุผลที่เขาเลือกเรียนศิลปะ
ทีแรกก็ไม่ได้ชอบหรอกแต่เพราะไม่รู้จะเรียนอะไรเพื่อนๆ เลยลากไปสอบโรงเรียนศิลปะ ติดเฉย นั่นแหละ..ที่มาที่ไปของประติมากรมือใหม่ เขาเพิ่งเรียนจบมาและยังว่างงาน ก็เลยมีเวลานั่งสนทนาหน้าจอคอมพิวเตอร์ตอนเที่ยงคืน
ถึงสว่าง เขาเป็นหนึ่งในจำนวน เพื่อนทางตัวอักษร ไม่กี่คนที่ได้สนทนากันทางเสียงเพราะเขาให้เบอร์โทฯ มา
โทฯ มานะ ตอนนี้ไม่สบายใจเลย อยากคุยกับใครสักคนเท่านั้น แต่
ขี้เกียจพิมพ์ ดูเถอะ เขาพูดตรงๆ อย่างนี้เอง เรื่องราวที่เขาบอกเล่าก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ความรักที่ผิดหวัง ทำให้คนเราอ่อนแอได้ไม่น้อยเลย
ไม่รู้ดิ่
เราอ่อนไหวไปมั้ง ศิลปินก็งี้แหละ อ่อนไหว ใจง่าย รักง่าย แล้วเรื่องราวก็ถูกบอกเล่า รักมากเลยคนนี้ คนแรกในชีวิต แต่เรื่องราวน้ำเน่ามาก พูดแล้วอย่าขำนะ
รู้จักกันในที่ผู้ชายเค้าเที่ยวกันนั่นแหละ แล้วเค้าก็ทำงานในนั้นด้วย ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะรักเขาหรอก แค่..เล่นๆ แต่ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่ารักเขาเข้าเมื่อไหร่ อาจจะเพราะผูกพันมั้ง เค้า
ขี้อ้อน ช่างเอาใจ น่ารักดี แล้วก็คบกันอยู่พักใหญ่
พามาบ้าน ครอบครัวรับไม่ได้ เพราะเขาทำงานกลางคืน ป๋าสั่งเลิกคบ แต่..ตอนนั้นมันเลิกไม่ได้แล้วอ่ะ ก็คนมันรักแล้วก็เลยแอบคบกัน
จนวันนี้ เรื่องราวบอกเล่าง่ายๆ แต่น้ำเสียงที่บอกเล่าหดหู่จนรู้สึกได้ คนเล่าก็เศร้า คนฟังก็ซึม ก็มันน่าใจหายน้อยอยู่หรือเล่า
ว่าจะทำเซอร์ไพร์ทสักหน่อย นั่งปั้นรูปอยู่ตั้งนาน ปั้นดินด้วย เป็นหน้าเขา แล้วพอไปหา เอาหุ่นปั้นเนี่ยไปให้วันเกิด เจอ
อยู่กับคนอื่น โมโหก็เลยโยนลงข้างล่าง แตกเลย เสียดายมาก อุตส่าห์ตั้งใจทำ นั่นแหละเรื่องเศร้าที่เขาไม่ยอมเล่าทางตัวหนังสือ
เธอไม่ต้องแสดงความคิดเห็นก็ได้นะ เพราะเราแค่อยากเล่าเฉยๆ มันอึดอัด ถ้าไม่ได้บอกใครสักคนไว้ แต่เราไม่เล่าคนอื่นหรอก เพราะเราไม่อยากถูกเยาะเย้ย แต่เรารู้ว่าเธอไม่เยาะเย้ยเรา ผู้หญิงจะมีอารมณ์และความรู้สึกละเอียดอ่อนกว่าผู้ชาย ไม่มองอะไรตื้นๆ
จากคุณ :
ดาริกามณี
- [
21 เม.ย. 51 16:27:48
]