ความคิดเห็นที่ 1
ความรักของเราดำเนินต่อไปเหมือนโลกนี้มีแค่เราสองคน...
ทุกเช้า เราตั้งใจที่จะตื่นมาเจอกันที่สี่แยกไฟแดงอันเป็นจุดขึ้นรถรับ-ส่งพนักงานด้วยกัน เพียงแค่เวลาสี่สิบนาทีบนรถที่มีคนนั่งอยู่เต็มคัน นั้นมันก็ทำให้จิตใจของใครบางคนฟูฟ่องไปกับกลิ่นกายที่คุ้ยเคย อุณหภูมิของร่างกายที่อยู่ใกล้และสัมผัสกันอย่างอ่อนโยนแผ่วเบา มันทำให้จิตใจฉันลอยละลิ่วไปไกลแสนไกล
เธอคนนั้นเรียกร้องเพียงการได้พบเจอพูดคุยกับฉันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพียงได้คุยกันต่อหน้าครั้งเดียว เธอจะไม่ยุ่งกับเราสองคนอีกต่อไป
"ฝากเขาด้วย ดูแลเขาให้ดีนะ เขาไม่ค่อยรู้จักดูแลตัวเองนักหรอก..." สีหน้าอ่อนล้าภายใต้แว่นกันแดดสีชาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
"บางที น้ำก็ไม่รู้จักอาบ กลับมาถึงก็นอนไปเสียอย่างนั้น... เรื่องเล็บยาวอีกอย่าง ต้องคอยตัดให้อยู่เรื่อย" สายตายังคงจับจ้องมองตามผู้ชายคนหนึ่งที่ทิ้งเธอไปทั้งๆ ที่ยังพูดอยู่กับฉัน เขาถูกไล่ให้ไปซื้อน้ำตอนที่เธอมาถึงร้านฟาสฟู้ดแห่งนี้
ฉันรู้ดีว่าเขากับเธอคบกันมากเกินกว่าแฟนธรรมดา คนสองคนที่มีผลอย่างยิ่งยวดกับชีวิตฉันเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนานเกือบปี และที่น่าละอายมากไปกว่านั้นคือฉันเองก็รู้เรื่องนี้ดี!
เพียงแต่ความเขลาที่คิดต้องการเขาอย่างที่สุดทำให้ฉันคิดไปเองว่าคนสองคนนี้ไม่มีอะไรต่อกันแล้ว ก่อนหน้าที่ฉันจะเผลอตัวเผลอใจไปกับเขาจนหมดสิ้น พี่เสมียนที่เป็นแม่สื่อของคนคู่นี้เคยเปรยๆ ว่า
'...(ชื่อเขา) ย้ายไปแล้วล่ะ...ย้ายออกไปจากชีวิตเพื่อนพี่เสียแล้ว...'
มันไม่มีอะไรบ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่มีอะไรต่อกันแล้วจริงๆ หรือเปล่า แต่ความที่ดื้อด้านเข้าข้างตัวเองของฉันมันทำให้ฉันเลือกที่จะเชื่ออย่างนั้น และนั่นมันก็เป็นชนวนของเรื่องเจ็บปวดที่สุดในชีวิตที่ฉันเคยพบเจอ และมันก็นำมาซึ่งความอ่อนหวานเป็นสุขในชีวิตฉันที่ได้ครอบครองคนที่ตนรัก ถึงแม้จะทำให้ใครอีกคนเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม
"เรารักเขามาก...และยังรักเขาอยู่ แต่พอรู้ว่าเขารักใคร เราจะยอมไปเอง..."
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากผู้หญิงที่พ่ายแพ้ ฉันคิดว่าเธอพ่ายแพ้ความรักไปอย่างหมดรูป ฉันสงสาร แต่ก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าจะละทิ้งความต้องการในจิตใจของตัวเองไปได้
และกว่าจะรู้ว่าที่ฉันคิดมันผิดทั้งหมดก็ต้องแลกด้วยความเจ็บปวดเจียนตาย... ...........................................
'เขา' ของฉันเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานในตัวเองสูง และความที่เป็นคนแบบนั้น เขาจึงคิดที่จะดึงตัวเองออกไปเสียจากงานที่ทำอยู่ เพื่ออนาคตของความก้าวหน้าที่จะได้รับมากกว่า
เราสองคนแปรสภาพจากแฟน เป็นคนรัก จนกระทั่งเหมือนอยู่กินกันแบบกลายๆ แรกเริ่ม...เขาเดินทางไป-กลับระหว่างที่ทำงานแห่งใหม่กับที่พักของฉันวันละกว่าแปดสิบกิโลเมตรทุกวัน ระหว่างนั้นเขาก็เสาะหาประกาศรับสมัครงานในบริษัทอื่นๆ ยัดเยียดให้แก่ฉันเพื่อให้ออกจากบริษัทที่ทำอยู่เก่านี่เสีย เหตุผลของเขาง่ายๆ
"อยู่นี่ต่อไปไม่เห็นมีอะไรดี ตำแหน่งก็คงไม่ไปถึงไหน แล้วยังจะมีผู้จัดการจ้องจะเก็บไปเป็นเล็กๆ อีก"
ฉันเลือกที่จะพิจารณาและครุ่นคิดเหตุผลของเขาเหล่านั้นเพียงเหตุผลสุดท้าย เขาหึงหวงฉันสินะ ถึงกับต้องการให้ฉันย้ายที่ทำงานเพราะพาลหัวหน้า
คิดอย่างนั้นแล้วฉันมีความสุขเหลือเกิน ยิ่งเวลาเขาทำหน้างอนๆ ตอนฉันยั่วเย้าเรื่องผู้จัดการที่พยายามพาฉันไปดื่มอยู่นอกงานบ่อยๆ ฉันก็ยิ่งภูมิใจว่าเขาหวงฉันจริงๆ
มันมีความสุขเหลือเกินที่ได้มั่นใจว่าเราเป็นของของคนที่เรารักจริงๆ
...........................................
ความที่มอบทุกอย่างให้แก่เขาทั้งหมดแล้ว หัวใจทั้งหมด ร่างกายทั้งหมด รวมไปถึงอนาคตข้างหน้าที่ฉันยินดีและยินยอมจะให้เขาจูงมือพาไปในทุกที่ที่เขาต้องการ
ความไว้เนื้อเชื่อใจในคนรักทำให้ฉันยอมเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตเพื่อเขา ฉันเลี้ยงผมให้ยาวถึงบั้นเอวเพราะเขาชอบผู้หญิงผมยาว ฉันเปลี่ยนจากหน้าตาเติมแป้งฝุ่นกับลิปมันมารู้จักแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า ทาปากสีชมพู เพราะเขาเคยบอกว่ามันสวยน่ารัก เสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ตัวหลวมธรรมดาฉันโละทิ้งหมด กางเกงยีนส์ขาม้าเอวต่ำกับเสื้อสายเดี่ยวตัวเล็กๆ คือชุดที่ฉันไปเสาะหามาทุกแบบเพื่อใส่เอาใจเขา
อะไรที่ทำให้เขายิ้มพึงพอใจ อะไรที่เขาจะชมเชย อะไรที่เขาชี้นิ้วบอกว่ามันเหมาะสำหรับฉัน...ฉันจะทำมันทั้งหมด
เพื่อนสนิทที่สุดของฉันคนนึงที่รับรู้เรื่องราวในชีวิตฉันทุกอย่างเคยติงไว้ว่าอย่าลืมความเป็นตัวเอง แต่ฉันกลับไม่เข้าใจว่าเพื่อนหมายความว่าอย่างไร ทั้งหมดที่ฉันทำนั่นเป็นตัวฉันเองทุกอย่าง เขาหรือใครไม่ได้บังคับ ฉันเลือกที่จะทำมันเองทั้งหมด
สามปีที่เราย้ายมาเช่าอพาร์ทเม้นอยู่ด้วยกันที่จังหวัดติดทะเลแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก เรามีทะเลาะขึ้นเสียงกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเป็นเรื่องรุนแรง เขาย้ายงานอีกครั้งและได้งานในตำแหน่งเงินเดือนที่ดีกว่าเดิมไม่น้อยในระยะเดินทางที่สั้นลงมาอีก ส่วนฉันก็มีความสุขกับงานที่ย้ายมาทำได้สามปีในบริษัทมั่นคงใหญ่โตและการเจริญเติบโตในตำแหน่งที่ดี
ความรักหวานแหววของเรามันเปรียบไม่ได้กับเมื่อสามปีก่อนอีกแล้ว จากที่เคยจูงมือกันเดินอย่างอบอุ่น กลายเป็นการวางมือลงบนบ่าฉันของเขา กลายเป็นการเกาะแขนเขาของฉัน และสุดท้ายกลายเป็นเดินตามๆ กันเพื่อไปจุดหมายปลายทาง วันหยุดที่เราเคยใช้เวลาในโรงหนังด้วยกันกลายเป็นว่าฉันต้องดูคนเดียวเพราะเขาไม่ชอบเรื่องแนวนี้ สถานที่เที่ยวฟังเพลงกลางคืนที่เราไปกันเดือนละสองครั้งกลับกลายเป็นว่าอย่าไปให้เปลืองตังค์อีกเลย
โทรศัพท์ที่เราผลัดกันโทรถามไถ่เรื่องที่ทำงานของแต่ละคนในทุกพักเที่ยงกลายเป็นสองสามวันหนึ่งครั้ง สองสัปดาห์ครั้ง และในที่สุดก็เป็นเพียงแต่ฉันที่พยายามจะรักษาหน้าที่คนรักโดยการเพียรโทรถามไถ่ทุกข์สุขเขาในระหว่างวัน ฉันพยายามกลับบ้านก่อนค่ำเพื่อมารอทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันอย่างที่เขาเคยทำในช่วงแรกที่เราย้ายมาอยู่ด้วยกันที่นี่ บางวันฉันต้องรอแขวนท้องจนแสบไส้เพื่อที่เขาจะโทรมาตอนสามทุ่มว่าไปดื่มกับเพื่อน
ครั้งหนึ่งเราทะเลาะกันรุนแรงเพราะฉันรีบทิ้งงานกลับบ้านเพียงแค่เขาโทรมาบอกว่าวันนี้กลับเร็ว จะชวนฉันไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านโปรดของฉัน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากลายเป็นว่าฉันตั้งหน้าตั้งตาคอยใจใจดใจจ่อกับการกินข้าวร่วมกันของคนที่นอนเตียงเดียวกันทุกคืนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อฉันใกล้ถึงที่พัก โทรหาเขาเพื่อรายงานตำแหน่งของตัวเอง ทางปลายสายกลับตอบมาให้ฉันเสียความรู้สึก
"พอดีเขาชวนกันไปเยี่ยมพี่ที่คลอดลูกแล้วชวนกันไปกินข้าวต้มต่อ กินข้าวไปก่อนเลยแล้วกัน อาจกลับค่ำๆ หน่อย"
ฉันหงุดหงิดพอแรงแต่ก็รู้สึกดีที่เขายังอ้อนว่าจะรีบกลับมาเร็วๆ
สี่ทุ่มตรง เขาโทรมาหาฉันอีก หลังจากที่ฉันกระวีกระวาดรับโทรศัพท์ด้วยความดีใจเพื่อที่จะพบว่าเขาจะยังไม่กลับมา... "กินข้าวต้มกันเสร็จแล้วพอดีมีพี่คนนึงเขาจะพาไปเลี้ยงคาราโอเกะวันเกิดเขา กลับดึกๆ หน่อยนะ"
นั่นทำให้ฉันอารมณ์พุ่งเกือบชนเพดานปรอท ให้เส้นตายเขาแค่ห้าทุ่ม ห้าทุ่มเท่านั้นให้กลับมา ไม่อย่างนั้น ฉันจะไปตามเขาเอง
ห้าทุ่มเขาไม่กลับมา....
การทุ่มเถียงกันอย่างรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อฉันทำอย่างที่ตัวเองพูดจริงๆ เขาพร่ำพูดว่าฉันไม่ให้เกียรติเขา คนรักกันไม่ทำอย่างนี้
"แล้วจะให้ผมมีหน้าไปเจอเพื่อที่ทำงานพรุ่งนี้ได้ยังไง" เขาบอกว่าฉันทำลายชีวิตเขา
........... <มีต่อ>
จากคุณ :
BestChild
- [
25 เม.ย. 51 01:34:29
]
|
|
|