Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เห็นความรักฉันบ้างไหม

    กร่าง ชายไทยวัยยี่สิบเจ็ดรูปร่างเจ้าเนื้อพาร่างฉุนั้นไปกรอกใบสมัครเรียนที่
    ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนใกล้บ้าน แม้กร่างจะพออ่านออกเขียนได้บ้าง
    แต่มันยังไม่เพียงพอสำหรับเขาในตอนนี้ นี่เป็นไม่กี่ครั้งที่กร่างแสดงความ
    ตั้งใจอย่างมุ่งมั่นที่จะทำอะไรสักอย่างในชีวิต

    เมื่อสองเดือนก่อน กร่าง ไปสมัครเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยให้กับ
    โรงงานแห่งหนึ่ง และที่นั่นทำให้กร่างเกิดความมุ่งมั่นที่จะเรียนหนังสือ
    หญิงสาวร่างเล็กในบ้านหลังตรงข้ามกับโรงงานที่กร่างทำงานอยู่ คือแรง
    บันดาลใจนั้น กร่างไม่รู้ว่าหญิงสาวทำงานอะไรแต่ดูเหมือนว่าเธอจะใช้เวลา
    อยู่ในบ้านมากกว่าการออกมาข้างนอก

    เขาเขียนจดหมายสั้นๆฉบับหนึ่งหวังว่าจะเอาไปให้เธอว่าเขาแอบชื่นชมเธอ
    มากแค่ไหนแต่จดหมายนั้นกลับเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆของเขาเพราะ
    การอ่านเขียนที่ไม่แตกพอๆกับลายมือที่แย่กว่าเด็กประถม กร่างตั้งใจว่าเขา
    จะเขียนจดหมายสักฉบับ ด้วยภาษาที่ถูกต้อง ด้วยลายมือที่สวยงาม ไม่ได้
    มีเจตนาแอบแฝง เพียงแต่อยากให้เธอรู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ในโลกใบเดียวกับ
    เธอ เพียงแค่นั้น

    ............................................................

    จ้อย เด็กชายตัวเล็กที่ผู้คนทั้งซอยต้องจับตามองเมื่อเขาหยุดมองเข้าไปใน
    บ้านหลังใดหลังหนึ่งนานกว่าปกติ จ้อยไม่เคยขโมยของมีค่าแต่มักปีนเข้า
    ไปในบ้านหลังโน้นหลังนี้เมื่อมีโอกาส บางครั้งเขาเพียงต้องการสำรวจ
    ความเป็นไปในบ้านแต่ละหลังเพื่อเอาไว้คุยอวดเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันที่
    ไม่กล้าทำอย่างเขา และหยิบเอาเศษสิ่งของที่เขาคิดเอาเองว่าเจ้าของบ้าน
    คงไม่ต้องการแล้วเช่น ขวดพลาสติกหรือเศษกระดาษเก่าๆติดมือมาบ้าง

    แต่ครั้งนี้ต่างออกไป จ้อยหยิบฉวยเอารูปปูนปั้นชิ้นหนึ่งออกมาจากบ้าน
    หลังเล็กท้ายซอย จ้อยรู้สึกว่ารูปปั้นนั้นแปลกตา กว่าชิ้นอื่นๆที่วางอยู่เรียง
    กัน       รูปปั้นที่ไม่อาจบรรยายได้ว่าเป็นรูปอะไรแน่แต่กลับมีแรงดึงดูดทำ
    ให้จ้อยต้องหยิบฉวยมันออกมาจากบ้านหลังนั้น  จ้อยรู้ว่าเจ้าของบ้านเป็น
    ชายชราที่มักเดินออกมาลูบคลำรูปปั้นเหล่านั้น ในช่วงเช้าและเย็นและ
    มักจะยืนเหม่ออยู่นานเมื่อสัมผัสกับรูปปั้นที่จ้อยหยิบมา

    เด็กชายเฝ้ามองและลูบคลำรูปปั้นนั้นด้วยความรู้สึกยินดีอยู่ไม่กี่วัน จากนั้น
    มันก็ถูกนำไปขายพร้อมๆกับข้าวของเหลือใช้ต่างๆที่เก็บมา แต่เมื่อจ้อย
    กลับไปที่บ้านท้ายซอยอีกครั้ง เขาต้องพบกับความลำบากใจเมื่อพบว่าชาย
    ชรานั้นดูเศร้าหมองลงทุกวันและใช้เวลาเกือบทั้งวันเหม่อมองพื้นที่ว่าง
    เปล่าที่เคยวางรูปปูนปั้นชิ้นนั้น

    .......................................

    หญิงสาวมองรูปปูนปั้นตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด รูปร่างที่เกิดขึ้นจาก
    ผลงานของเธอไม่ได้ดังใจสักนิด ก่อนจะหันไปมองรูปปูนปั้นอีกชิ้นหนึ่งซึ่ง
    เธอซื้อมาถูกๆจากร้านขายของเก่า รูปปูนปั้นรูปร่างประหลาดแต่ถ่ายทอด
    อารมณ์อันละเอียดอ่อน อบอุ่น  เหน็บหนาวและแข็งกร้าวได้อย่างสมดุลเธอ
    ได้แต่เฝ้าสงสัยว่าผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานนี้มองโลกด้วยสายตาเช่นใดจึง
    สามารถเสกสรรค์ผลงานเช่นนี้ออกมาได้

    หญิงสาวมองผ่านออกไปนอกหน้าต่างและพบว่ามีชายในชุดพนักงานรักษา
    ความปลอดภัยฝั่งตรงข้ามกำลังมองผ่านหน้าต่างบานเล็กเข้ามา เธอรู้สึก
    อึดอัดทุกครั้งที่พบว่าเป็นเป้าสายตา หลายครั้งหญิงสาวคิดจะแจ้งต่อ
    เจ้าของโรงงานให้ตักเตือนชายคนนั้นแต่สิ่งที่เธอทำจริงๆก็เพียงแต่เดินไป
    ปิดม่านเท่านั้น

    เธอเฝ้ามองรูปปูนปั้นนั้นอย่างลุ่มหลงเฝ้าคิดถึงขั้นตอนและอารมณ์ของ
    ผู้สร้างศิลปะชิ้นนี้ขึ้นมาด้วยความชื่นชม ผลงานศิลปะของเธอเป็นที่ชื่นชม
    ของผู้คนในแวดวงงานประติมากรรมมานานตั้งแต่เธอยังเรียนไม่จบ แต่
    หลังจากเธอได้พบกับรูปปูนปั้นรูปร่างแปลกชิ้นนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าผลงานที่
    ผ่านมาของเธอเทียบไม่ได้เลยกับผลงานที่อยู่ตรงหน้า

    ...................................................

    กร่างบรรจงพับจดหมายฉบับนั้นสอดเข้าไปในซองอย่างช้าๆ เขาใช้เวลา
    กว่าสองเดือนในการเขียนจดหมาย จดหมายที่จะแสดงความมีตัวตนของ
    เขาในโลกของเธอ เขารู้ว่าสุขจากความรักเป็นอย่างไร และความทรมาน
    จากความรักเป็นเช่นใด จากการเฝ้ามองหญิงสาวผ่านกระจกบานเล็กนั้น
    จดหมายที่ไม่ได้จ่าหน้าซอง ไม่จำเป็น กร่างบอกตัวเอง ในเมื่อเขาตั้งใจ
    จะหย่อนมันลงในตู้รับจดหมายหน้าบ้านของเธอด้วยมือเขาเอง

    .....................................................

    เด็กชายเดินมาหยุดที่หน้าบ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะชะโงกเข้าไปใน
    บ้าน ไม่ผิดแน่ เด็กชายถามเจ้าของร้านขายของเก่าที่รับซื้อรูปปูนปั้นชิ้นนั้น
    จากเขา หญิงสาวเจ้าของบ้านเป็นผู้ซื้อรูปปั้นนั้นมาอีกครั้ง เพียงแค่เขานำ
    รูปปั้นกลับไปให้ชายชราที่บ้านท้ายซอยใครสักคนบนฟ้านั่นอาจคืนความ
    อบอุ่นให้กับชายชราอีกครั้ง และในเมื่อเขาไม่มีเงินที่จะซื้อมันคืน ทางเดียว
    ที่เขาจะนำกลับไปได้ก็คือขโมยมันออกมา

    ....................................................

    "ทำไมตาถึงดูเศร้านัก" จ้อยถามชายชรา

    "เพราะสิ่งที่เคยมีค่าที่สุดของตาหายไป" ชายชราตอบโดยที่ไม่ได้แสดง
    อาการตกใจกับการที่มีเด็กแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน

    "มันสำคัญยังไง" เด็กชายถาม

    "มันทำให้โลกมีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ" ชายชราตอบ

    "ทำให้เรานึกถึงเรื่องดีๆที่ควรจดจำ" ชายชราพูดต่อ

    "มันมีชื่อไหม"

    "มีสิ" ชายชราตอบ

    "มันชื่อความรัก"

    "แล้วพวกนั้นล่ะ" เด็กชายชี้ไปยังรูปปั้นชิ้นอื่นๆ

    "พวกนั้นก็ชื่อความรัก"

    "ทำไมรูปร่างไม่เหมือนกัน" เด็กชายถามต่อ

    "เพราะความรักมาเยี่ยมเยือนเราในหลายรูปแบบในหลายเวลา"

    ชายชราเอื้อมมือมาลูบศีรษะของเด็กชายแปลกหน้าก่อนจะยิ้มให้

    "ตามองเห็นความรักเหรอ"

    เด็กชายถามและรู้สึกถึงความอบอุ่นที่วิ่งผ่านมือหยาบกร้านนั้นมา เด็กชาย
    แทบจะลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งนานมาแล้วเขาเองเคยได้รับสัมผัสที่อบอุ่น
    แบบนี้ ก่อนที่จะลืมเลือนมันไปกับกาลเวลา

    "เห็นสิ ทุกคนมีโอกาสที่จะเห็นความรัก" ชายชราตอบ

    ......................................................................

    หญิงสาวรีบวิ่งออกมาที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงสุนัขที่เลี้ยงไว้เห่าอยู่ที่ริมรั้ว
    เธอเห็นเด็กชายแต่งกายด้วยเสื้อผ้าซอมซ่อกำลังแบกรูปปูนปั้นชิ้นที่เธอซื้อ
    มาปีนรั้วออกไป หญิงสาวเปิดประตูรั้วและวิ่งออกไปพร้อมกับร้องเรียก
    พนักงานรักษาความปลอดภัยในบริเวณนั้นให้ช่วย เธอเห็นพนักงานรักษา
    ความปลอดภัยฝั่งตรงข้ามคนหนึ่งวิ่งตามเด็กชายคนนั้นไป

    ....................................................................

    กร่างวิ่งตามเด็กชายคนนั้นมาจนถึงถนนหลัก ร่างที่อ้วนฉุทำให้เขารู้สึกอึด
    อัดและหายใจไม่ออกเมื่อวิ่งมาระยะทางหนึ่ง แต่กร่างก็ยังคงวิ่งต่อไป
    เด็กชายที่วิ่งนำอยู่เริ่มวิ่งช้าลง กร่างสังเกตว่าที่ขาของเด็กชายมีเลือดออก
    คงเป็นเพราะขูดกับเหล็กแหลมที่รั้วบ้านของหญิงสาว กร่างมองเด็กชายที่
    วิ่งหลบรถยนต์เพื่อข้ามไปยังอีกฟากหนึ่ง ใจหนึ่งก็หงุดหงิดแต่อีกใจกลับ
    โล่งใจที่เด็กชายสามารถข้ามถนนไปได้อย่างปลอดภัย ภาพที่เห็นตรงหน้า
    เริ่มพร่า และหายใจได้ลำบากขึ้นก่อนที่จะรู้สึกเหมือนโดนกระแทกอย่าง
    แรง

    ...................................................................

    เด็กชายวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดที่ขาซ้ายอย่างมาก เขาวิ่ง
    ผ่านรถยนต์ที่วิ่งกันขวักใขว่อยู่บนท้องถนนจนมาถึงอีกฟากหนึ่งได้ก่อนจะ
    หันกลับไปมองเมื่อได้ยินเสียงแตรรถและเสียงเบรคดังลั่น ชายร่างอ้วนที่วิ่ง
    ตามเขามาถูกรถยนต์คันหนึ่งชนเข้าอย่างจังก่อนจะถูกลากไปตามแรงของ
    รถคันนั้น จ้อยได้แต่มองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความกลัว เรี่ยวแรงที่พาให้เขา
    วิ่งมากลับหมดสิ้นลงทันใดเขากอดรูปปั้นที่ชื่อความรักเอาไว้แน่น
    จนกระทั่งหน่วยกู้ภัยมาและตำรวจนำเขาไปที่สถานีตำรวจ

    ................................................................

    หญิงสาวเดินกลับบ้านด้วยความสับสน พนักงานรักษาความปลอดภัยที่วิ่ง
    ตามเด็กคนนั้นไปถูกรถยนต์ชนเสียชีวิตและรูปปั้นชิ้นนั้นที่เธอซื้อมาได้เคย
    ถูกขโมยมาจากเจ้าของเดิมโดยเด็กคนเดียวกันกับที่พยายามขโมยมันไป
    จากบ้านเธอ

    ที่อดแปลกใจไม่ได้คือผู้เสียหายเจ้าของผลงานที่เธอได้พบที่สถานีตำรวจ
    ผู้ที่เสกสรรค์ผลงานที่วิเศษที่สุดในสายตาเธอ เป็นเพียงชายชราคนหนึ่ง ที่
    ไม่เคยมีภาพใดปรากฎแก่สายตาเขา....ชายชราคนนั้นตาบอดแต่กำเนิด..
    แล้วสิ่งที่ชายชราคนนั้นเห็นและเป็นต้นแบบของผลงานชิ้นนั้นคืออะไร

    .................................................................

    หญิงสาวกลับมาที่บ้านหลังนั้นอีกครั้งหลังจากย้ายไปอยู่ที่อื่นเกือบปี
    หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้น เธอเปิดตู้จดหมายหน้าบ้านและพบว่ามี
    ซองจดหมายอยู่ภายใน  ซองจดหมายสีซีดแสดงว่าผู้ส่งคงนำมันมาทิ้ง
    ไว้นานแล้วเธอค่อยๆแกะจดหมายในซองมาออกช้าๆ

    ลายมือหนักๆเหมือนคนเขียนพยายามคัดลายมือมาเต็มที่และถ้อยคำที่
    เรียบง่ายตรงไปตรงมาในจดหมาย แต้มรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าหญิงสาว
    เธอพลิกดูหน้าซองจดหมายไม่มีทั้งชื่อผู้ส่งและชื่อผู้รับ แค่ใครสักคนที่
    อยากให้รู้ว่า "เขา" มีตัวตนอยู่บนโลกเดียวกับเธอ

    หญิงสาวเอื้อมมือไปลูบคลำรูปปูนปั้นของเธอ และรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ขาด
    ไป สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่รู้สึกใกล้ชิดผูกพัน เธอยิ้มอย่างที่ไม่เคยยิ้ม
    เพราะมั่นใจว่าได้เริ่ม "เห็น" ในสิ่งที่ชายชราเห็น ขึ้นมาบ้างแล้ว......

    ..................................................................................


    * ได้เขียนขึ้นหลังจากชมภาพยนตร์ Be With Me *

    เป็นงานทดลองเขียน ใช้คำบรรยายมากกว่าบทสนทนา
    และตัดเป็นฉากๆเหมือนหนังสั้น ลองวิจารณ์กันดูนะครับ

    แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 51 09:13:20

    แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 51 09:02:20

    แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 51 12:02:04

    แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 51 09:14:12

    แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 51 08:36:34

    จากคุณ : กลิ่นกาแฟครับ - [ 29 เม.ย. 51 07:55:27 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom