Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    สาสน์ฉบับสุดท้าย... ‘โทรเลขที่รัก’

    (1)

    ขณะที่แดดกล้ากำลังทอแสงจ้าจนเห็นเป็นประกายเต้นระยิบอยู่นอกร้านรวยรินกลิ่นโกปี้นั้น ภายในร้านกลับเย็นฉ่ำด้วยอุณหภูมิยี่สิบห้าองศาฯ ทั้งนี้เจ้าของร้านไม่เพียงช่วยเอื้อความเย็นให้แก่ตนเท่านั้น แต่ยังเป็นบริการหลักสำหรับอำนวยความสดชื่นให้แก่ลูกค้าในช่วงกลางวันที่ร้อนระอุเช่นนี้ด้วย...

    วันนี้อากาศคงร้อนระอุมากกว่าปกติ จึงมีลูกค้าเข้าร้านเพียงสามคน เข้ามานั่งแช่รับความเย็นตั้งแต่ก่อนเที่ยง จนเที่ยง และหลังเที่ยงก็ยังไม่ยอมขยับเท้าออกจากร้านไปไหน ยังคงนั่งต่อ และกำลังจดจ้องข่าวภาคหลังเที่ยงอย่างใจจดใจจ่อ

    เช่นเดียวกับเจ้าของร้าน...มือชงเอสเปรสโซที่ยืนใช้มือค้ำพื้นเคาน์เตอร์ ส่วนสายตาก็จับจ้องฟังอย่างสนใจ

    ภาพการเคาะเครื่องตะแล้ปแก๊ป กับเนื้อข่าวที่พูดถึงประวัติความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวม 133 ปี และกำลังจะยุติการสื่อสารแบบเร่งด่วนด้วยการใช้ตะแล้ปแก๊ป หรือโทรเลขแล้ว

    เมื่อจบข่าว แม่ครัวตัวอ้วน* (จากเรื่อง พัสดุใจ) หนึ่งในลูกค้าสามคนเริ่มขยับตัวเปลี่ยนท่า เพราะข่าวนี้จึงทำให้เขาเกิดไอเดียหนึ่งขึ้นมา

    “ถ้าให้ไอ้หนึ่งส่งโทรเลขเป็นฉบับสุดท้ายไปหายัยสอง เพื่อบอกในสิ่งที่อยากจะพูด พวกเธอว่าดีไหม” ประโยคถามลอย ๆ ขึ้นมาของยัยแม่ครัวตัวอ้วน ทำให้เพื่อน ๆ อีกสี่คนต่างมองเขาเป็นจุดเดียว

    “อืม ก็ดีเหมือนกันนะ กูดไอเดียว่ะ” สาวห้าวชอบทำตัวมีปัญหา* (จากเรื่อง เบอร์โทรนี้ฯ) เอ่ยอย่างเห็นด้วย พลางหัวเราะหึ ๆ เช่นเดียวกับรอยยิ้มบาง ๆ ของมือชงเอสเปรสโซที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์

    “ทำไมต้องส่งโทรเลขด้วยล่ะ” ตรงข้ามกับน้ำเสียงสงสัยของแม่นักโภชนากรสาว* (จากเรื่อง อ้วนยังไงฯ)

    “เพราะว่าโทรเลขจะปิดแล้ว เลยอยากให้ไอ้หนึ่งลองเปลี่ยนการสื่อสารจากการโทรคุย หรือส่งเอสเอ็มเอส เป็นเขียนโทรเลขส่งไปหายัยสองเป็นการส่งท้ายไง จะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำว่า ครั้งหนึ่งก็เคยมีกันและกัน”

    “อ๋อ” เสียงตอบรับยาว ๆ อย่างเข้าใจก็ดังขึ้น ตามด้วย

    “ว้าย พูดแบบนี้เป็นลางนะ อย่าดีกว่าเพื่อน แค่นี้ไอ้หนึ่งก็กลุ้มตายชักแล้ว แล้วไปบอกแบบนี้ไม่ยิ่งไปกันใหญ่เหรอ” เหตุที่ขัดขึ้นเพราะดันสะดุดคำว่า

    ‘...เขียนโทรเลขส่งไปหายัยสองเป็นการส่งท้ายไง จะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำว่า ครั้งหนึ่งก็เคยมีกันและกัน’

    “ลางตรงไหน ลางดีสิไม่ว่า”

    แม่ครัวเจ้าแห่งวาทะเมื่อครู่ยังคงยืนยันว่าดี และขยับปากยิก ๆ เหมือนจะพูดต่อ ทำให้เสียงหนึ่งรีบเอ่ยขัดขึ้นมาก่อน ขืนเงียบอย่างเห็นด้วยแบบนี้คงได้เปลี่ยนตำแหน่งชั่วคราวจากมือชงเอสเปรสโซ* (จากเรื่อง ใบบัวบกฯ) เป็นกรรมยุติการโต้วาทีระหว่างเพื่อนคู่กัดสองคนนี้แน่ ๆ

    “ใช่ ลางดีแน่ ถ้าเพียงแต่เธอจะเปลี่ยนจากที่จะพูดว่า ‘ครั้งหนึ่งเคยมีกันและกัน’ เป็น ‘ไม่ว่าครั้งไหน ๆ ก็จะมีกันและกันตลอดไป’ ตอนบอกหนึ่งน่ะ” คนพูดเปลี่ยนประโยคให้ถูกต้อง และนั่นก็ทำให้สาวห้าวที่ชอบทำตัวมีปัญหารีบทำหน้าเป็นขุนพลอยพยักอย่างเห็นด้วยทันที  

    “เออ อันนั้นน่ะชัวร์อยู่แล้ว แต่ที่ฉันพูดแบบนั้น ฉันหมายถึงตะแล้ปแก๊ปต่างหากเล่า จากที่เคยใช้มานานเป็นเวลาตั้งร้อยสามสิบสามปี ต่อไปนี้จะยกเลิก และเก็บเข้ากรุพิพิธภัณฑ์กลายเป็นความทรงจำให้พวกเด็กรุ่นใหม่ได้รู้จักนั่นต่างหากล่ะที่ฉันหมายถึงคำว่า ‘ครั้งหนึ่งเคยมีกันและกัน’ ไม่ได้หมายถึงอย่างที่เธอคิดสักหน่อย ยัยโภชนากรต๊องเอ๊ย ดีแต่จัดเมนูลดน้ำหนักให้นักชิมตัวกลมจนลืมเติมวิตามินสมองให้ตัวเองละสิ”

    ไม่เพียงแค่อธิบายให้เพื่อน ๆ เข้าใจถึงสิ่งที่ตนหมายถึงแล้ว ยังไม่ลืมที่จะขยับปาก ‘จิก’ คู่กัดซึ่งเป็นแฟนของพ่อนักชิมตัวกลมให้อีกหนึ่งจิก พลางมองแบบจิก ๆ

    “อ๋อ แน่นอนสิย่ะ แฟนของฉันทั้งคนนี่นาก็ต้องสรรหาเมนูอาหารดีดีให้เขาทานสิย่ะ จะได้สุขภาพแข็งแรง ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนอย่างเธอด้วยนะ สนใจไหมฉันมีเมนูหนึ่ง อย่างนี้เลยสำหรับเธอ” ไม่เพียงแค่น้ำเสียงทะเล้น ๆ เท่านั้น ยังแถมชูนิ้วโป้งสูง การันตีให้รู้ว่า ‘เมนูนี้สุดยอด’

    “อะไรเหรอ” คนถูกเสนอเมนูอาหารสุดยอดลืมอาการจิกกัดเสียสนิท พลางทำตาโตถามอย่างอยากรู้ มือไม้ก็ถูไปถูมาเตรียมพร้อมที่จะลงมือทำทันทีที่แม่นักโภชนากรบอก...สงสัยเมนูนี้ได้ยืมห้องครัวร้านนี้ทำแหงม ๆ

    “หัวอาหารไก่เกรดเอ เร่งเนื้อเร่งไข่” คนตอบตอบเสียงทะเล้นพลางยื่นหน้ากวน ๆ เข้าใกล้ แลบลิ้นให้หนึ่งที ก่อนจะผลุนผลันลงจากเก้าอี้สูงแล้ววิ่งไปยังที่หมาย หลังจากโฟกัสหาที่หลบเอาไว้แล้วก่อนตอบ

    แต่แล้ว...เสียงพลั่ก ก็ดังขึ้น

    “โอย” “โอ๊ย”

    เสียงสองเสียงช่วยกันไล่คีย์ความเจ็บ จนทำให้คนที่ตั้งท่าเตรียมไล่หยุด แล้วเดินเข้ามาหาคนไล่คีย์เจ็บเสียงสูงแทน

    “เป็นไงบ้าง”

    “ไม่เจ็บหรอก ร้องไปงั้นแหละ ฮิๆ” สาวร่างอวบในชุดโพสต์เกิร์ลพูดพลางส่ายหน้าดิก ๆ ก่อนจะส่งสายตามองไปหน้าเคาน์เตอร์ “อ้าว แล้วนี่หนึ่งยังไม่มานี่อีกเหรอ นึกว่าจะมาถึงก่อนฉันซะอีก”

    “ยัง ว่าแต่ไปเจอไอ้หนึ่งที่ไหนล่ะ” เจ้าของร้านเอ่ยถามเมื่อเห็นคนทั้งสองที่ทำท่าเหมือนจะวิ่งไล่จับกัน กับอีกคนที่ช่วยประสานคีย์ร้องโอยโอ๊ย พากันยกขบวนกลับมานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์ต่อ

    “ที่ไปรษณีย์น่ะ สงสัยไปส่งโทรเลขเหมือนกัน เพราะวันนี้วันสุดท้าย ผู้คนเลยพากันแห่ไปเขียนและส่งโทรเลขกันเพียบเลย”

    คำบอกเล่าของยัยโพสต์เกิร์ล ส่งผลให้คนทั้งสี่ต่างมองหน้ากันเอง พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ยกเว้นแม่ครัวตัวอ้วนที่ฉีกปากยิ้มกว้าง พลางนึก

    ...คงไม่ต้องบอกแล้วแหละ บางทีเจ้าตัวคงรู้แล้วว่า ประโยชน์ของสาสน์สุดท้ายก่อนปิดฉาก คงช่วยให้อะไร ๆ ที่ค้างคาอยู่ในใจของคนรักทั้งสองคนดีขึ้น...

    -----------------------------------------------------------

    เจ้าของนัยน์คมยืนดูเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์อ่านประโยคสั้น ๆ ที่ตนบรรจงเขียนอย่างถูกต้อง เพื่อง่ายต่อการอ่าน กำลังเคาะส่งรหัสมอร์สไปยังปลายทางอย่างจดจ่อ พลางนึกภาวนาให้คนรับปลายทางอยู่เพื่อรับโทรเลขฉบับนี้

    ...สาสน์ฉบับสุดท้ายจากใจคนส่ง พร้อมความนัยที่ฝากไปถึงคนที่อยู่ปลายทาง...

    จนกระทั่งเสร็จสิ้นการส่งโทรเลข เจ้าของนัยน์ตาคมจึงกลับร้าน เช่นเดียวกับอีกด้านหนึ่งของอีกฟากจังหวัด สาวร่างสูงโปร่งก็เดินออกจากไปรษณีย์เพื่อกลับร้านเช่นกัน

    **************************************************************************

    (2)

    “โทรเลขด่วนมาค่า ช่วยรับโทรเลขด้วยค่า”

    เวลาเกือบเที่ยง เสียงคุ้น ๆ ตะโกนดังโหวกเหวกอยู่หน้าร้านรวยรินกลิ่นโกปี้ แบบไม่ยอมเข้าร้าน ทำให้เจ้าของร้านรีบเดินส่ายหน้าอย่างระอาออกไป

    “ทำไมไม่เอาเข้าไปส่งในร้านล่ะ ยัยโพสต์เกิร์ล”

    “หน้าที่ฉันคือส่งจดหมายหน้าบ้าน ไม่ใช่ในร้านย่ะ เอ้า ไปบอกคนที่มีชื่อจ่าอยู่หน้าซองโทรเลขออกมารับหน่อย”

    ผู้หญิงตัวกลม ๆ ในชุดโพสต์เกิร์ลเอ่ยขึ้น พลางโบกมือไล่เจ้าของร้านที่เป็นมือชงกาแฟให้รีบเข้าไปเรียกเจ้าของชื่อออกมารับ

    “ฉันรับแทนไม่ได้เหรอ”

    “เธอชื่อหนึ่งฤทัยหรือเปล่าล่ะ”

    คนส่งจดหมายถามสวนกลับทันที ใบหน้ากลม ๆ เริ่มมีอาการหมามุ่ยดูยุ่ง ๆ ขึ้นมาทันที ก่อนจะตะโกนเรียกเจ้าของชื่อหน้าซองเสียงดัง ดังมากกว่าแปดสิบเดซิเบลจนอีกคนต้องยกมือปิดหู

    “โอ๊ย! จะตะโกนทำไมเนี่ย หูแตกกันพอดี”

    “ก็ไม่เรียกให้สักทีนี่นา ชิ ฉันต้องไปส่งจดหมายบ้านอื่นอีกนะ เวลางานไม่ใช่เวลาพักนี่นา” เสียงตอบกลับทันควัน และก็เร็วทันใจเพราะตอนนี้ร่างเจ้าของโทรเลขก็มายืนอยู่ข้าง ๆ เจ้าของร้านแล้ว

    “มาแล้ว ๆ”

    “อือ เซ็นรับด้วยค่ะ”

    ลายมือหวัด ๆ เซ็นรับเสร็จก็ส่งเอกสารรับคืนให้ทันที ไม่แม้แต่จะมองหน้าโพสต์เกิร์ล แต่หมุนตัวเดินเข้าร้าน ส่วนมือก็แกะซองโทรเลข โดยมีร่างเจ้าของร่างเดินตามหลังมาติด ๆ กับร่างกลม ๆ ของยัยโพสต์เกิร์ลที่เปลี่ยนใจ ขอเวลาพักกับตัวเองสักยี่สิบนาทีเพราะความอยากรู้ ด้วยการเดินตามหลังเจ้าของเข้าร้านเช่นกัน

    “เอ้า ไหนบอกว่านี่เป็นเวลางานไม่ใช่เวลาพักไง แล้วตามเข้ามาทำไมเนี่ย” มือชงแสร้งโวยวายกลับคืนบ้าง แต่คนถูกโวยกลับจีบปากจีบคอพูดว่า

    “ตามเข้ามาเพื่อจะดูว่า ข้อความในโทรเลขที่ส่งมานั้นมีผิดบ้างไหม นี่ก็เป็นงานอย่างหนึ่งของฉัน”

    “อ้อเหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า ความอยากรู้เรื่องของชาวบ้านก็เป็นส่วนหนึ่งของงานเหมือนกัน” พูดขาดคำก็ตามด้วยเสียงหัวเราะ หึๆ สะใจของเจ้าของร้าน ขณะที่คนถูกเยาะเริ่มส่งค้อนวงโตให้ ก่อนจะหันกลับเดินกระแทกเท้าออกจากร้าน พร้อมคำขู่ส่งท้าย

    “ชิ จะฟ้องแม่ครัวตัวอ้วน ให้ใส่ยาสลอดลงในอาหาร ตอนทำมาส่งร้าน ชิ”

    “อือ ถ้างั้นก็เชิญขี่ม้าสามศอกไปบอกเลยจ้ะ หึๆ ไม่กลัวหรอก เพราะที่นี่มียาดี อย่าว่าแต่สลอดเลย ยาพิษก็ทำอะไรไม่ได้ ฮิ ๆ” เสียงตอบรับแทนดังมาจากหน้าร้าน เพราะก้าวเข้ามาทันได้ยินพอดิบพอดี ทำให้คนขี้ฟ้องต้องหยุดเท้า แล้วยืนมอง

    “จ้ะ เชื่อจ้ะว่ามียาดี ไม่งั้นแก้มคงไม่หายโย้ ฮิๆ ไปละ เออ...ฝากดูด้วยนะว่า โทรเลขที่ส่งมาหาหนึ่งน่ะ เขาว่าอะไรบ้าง”

    โยนภาระอยากรู้ให้แล้วก็เผ่นแน่บหนีออกจากร้านทันที โดยมีสายตายิ้ม ๆ ของยัยขี้แยมองตาม ก่อนจะหันขวับมามองเป้าหมายอย่างมีเลศนัย

    ...ภาระหน้าที่นี่ รับรู้เพียงคนเดียวไม่ได้ ต้องรู้กันทั้งก๊ก นึกแล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นที่มุมปาก พร้อมกับการส่งข้อความเอสเอ็มเอสไปให้มวลหมู่เพื่อนร่วมก๊กทุกคนทันที...

    -----------------------------------------------------------

    เจ้าของนัยน์ตาคมค่อย ๆ แกะซองโทรเลขออกราวกับกลัวซองเจ็บ ก่อนจะค่อย ๆ คลี่กระดาษโทรเลขออกอย่างเบามือ ทำราวกับกำลังคลี่กระดาษจดหมายเหตุอย่างไรอย่างนั้น

    ใช้เวลาอ่านข้อความในโทรเลขแผ่นนี้...ไม่นานถึงนาทีก็จบ แต่สำหรับเจ้าของนัยน์ตากลมกลับอ่านนานมากเกินสองถึงสามนาที เพราะข้อความนี้ถูกอ่านซ้ำไปซ้ำมา วนไปวนมาอยู่เกือบร้อยกว่ารอบ อ่านราวกับว่า เจ้าของข้อความนี้มาพูดอยู่ตรงหน้าอย่างนั้นแหละ

    และ...ข้อความนี้ก็ทำให้นัยน์ตาคมมีน้ำใส ๆ เอ่อรื้นปริ่มขอบตา เสียงหัวใจเต้นแรงเร็วและรัว จนเจ้าตัวรู้สึกกลัว กลัวหัวใจจะหยุดเต้นในวินาทีนั้น มือที่ถือกระดาษโทรเลขสั่นระริกแบบไม่สามารถควบคุมให้นิ่งได้

    ...ข้อความนี้เพียงข้อความเดียวที่ทลายความรู้สึกที่อยากได้ยินมานานแสนนาน...ตลอดเวลาสิบห้าปีของการรู้จักกัน...

    ‘คำที่ไม่เคยพูดและอยากพูด รักเธอเสมอมา & อยากอยู่ด้วยกันไหม’

    ริมฝีปากบางแบะกว้างเต็มวงหน้าที่มีสีแดงระเรื่อเพราะความดีใจ สุขใจที่มีจนล้นปรี่ พร้อมกับคำพูดที่ดังก้องอยู่ในใจกว่าจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดนี้

    “อยากสิ ฉันจะเป็นคนที่อยู่ใกล้ ๆ เธอตลอดไป”

    -----------------------------------------------------------

    มือเรียวบางถือกระดาษที่มีข้อความเป็นโทรเลขของคนที่เพิ่งเดินแกะซองอย่างลวก ๆ เริ่มสั่นนิด ๆ รอยยิ้มกระจ่างเต็มวงหน้ารวมถึงนัยน์ตาก็ยิ้มไปด้วย

    ...ไม่คิดเลยว่า คนที่ตนส่งสาสน์ฉบับสุดท้ายไปหา จะมีความคิดเหมือนกัน...ส่งสาสน์นี้ในวันเดียวกัน วันสุดท้ายของการมีโทรเลขให้ใช้ ส่งแบบไม่ได้นัดหมายกันเลยสักนิด มีเพียงสิ่งเดียวที่สั่งให้ทำเหมือนกัน นั่นก็คือ ‘ความรักและคิดถึง’...

    พร้อมกับต่อว่าตัวเองในใจ...

    ...ถ้าเอ่ยคำว่ารักไปตั้งแต่สิบห้าปีก่อน ความรู้สึกที่ว่ายังเหินห่างกันอยู่นั้น คงไม่เข้ามาแทรกกลางระหว่างเธอกับฉัน ถ้าตอนนั้นใจกล้าสักหน่อย คงไม่ต้องอาศัยสาสน์ฉบับสุดท้าย...ให้เป็น ‘โทรเลขที่รัก’ อย่างนี้หรอก...

    นึกแล้วก็อ่านข้อความที่เปิดอ่านนั้นอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าอ่านเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว

    ‘สิ่งที่รอและอยากได้ยินเสมอ คือคำว่า รัก & ฉันอยากอยู่ใกล้ ๆ เธอ’

    ก่อนจะตอบออกมาเบา ๆ กับเจ้าของโทรเลขฉบับนี้ว่า

    “อีกสามวัน ฉันจะไปรับเธอ และเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

    จากนั้นเสียงพูดของเจ้าของโทรเลขสองคนดังขึ้นแทบจะพร้อม ๆ กัน แม้จะอยู่ห่างไกลกันคนละจังหวัด

    “ขอบใจนะ ‘สาสน์ฉบับสุดท้าย...โทรเลขที่รัก’ ของ ‘หนึ่งฤทัย’ กับ ‘สองนรี’”

    ..................... จบ [เรื่องสั้น] บริบูรณ์ .....................

    จากคุณ : อักขราษร - [ 2 พ.ค. 51 02:56:59 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom