ตอนที่ 1 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6580092/W6580092.html
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 2
เมื่อเห็นรถแคริบเบียนสีดำจอดสนิท และชลทิชาเปิดประตูออกมา วินิจซึ่งยืนรออยู่ด้านล่างบ้านพักตรงเข้ามาช่วยเธอลงจากรถทันที
ลำบากแย่เลย ทิชา ขอบใจมากที่มา พี่นึกถึงใครไม่ออกจริง ๆ
แล้วให้ใครมาส่งกันล่ะ
ทนายความสาวยิ้ม แต่ไม่ยอมตอบคำถามตรง ๆ พี่วินิจลองดูสิคะว่าใคร
ครั้นได้เห็นว่าใครทำหน้าที่เป็นสารถีนำเธอมา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลก็รับไหว้และยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น ณตนี่เอง... คราวก่อนโน้น พี่ได้ยินว่าเราไปบรรจุที่อุตรดิตถ์ นี่กลับมาเที่ยวหรือทำอะไรล่ะ
ผมเพิ่งย้ายกลับมาที่เชียงใหม่ครับ ประณตตอบ พี่วินิจเองก็มาอยู่ซะไกล
รุ่นพี่ร่วมคณะของเขาพยักหน้า เงยหน้ามองยอดไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านอยู่เหนือหลังคาบ้านพักพนักงานองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และกวาดสายตาไปรอบตัว พี่เลือกเองแหละว่าจะมาลงตรงนี้ เพราะพี่เคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ความผูกพันมันมีอยู่
ถึงที่นี่จะไกล และน่าเบื่อไปสักหน่อย แต่มันก็ไม่แย่เกินไปหรอก
ถือเป็นโชคดีของคนที่นี่แล้วล่ะค่ะ ชลทิชาบอก ส่วนใหญ่ที่มาอยู่ที่ไกล ๆ แบบนี้ ก็เป็นพวกมาลง ๆ ให้ได้งานทำไปก่อน แล้วค่อยหาทางย้ายทีหลัง หรือไม่ก็ทำ ๆ ไปก่อนเพื่อรอสอบบรรจุตำแหน่งอื่นเสียมากกว่า
วินิจหัวเราะชอบใจกับความเห็นแบบไม่อ้อมค้อมของรุ่นน้องต่างชมรม ก่อนเอ่ยชวนผู้มาเยือนให้ขึ้นไปบนบ้านพัก ไปกินน้ำกินท่าพักให้หายเหนื่อยซะก่อน เดี๋ยวเราค่อยไปกันก็ได้
หญิงสาวเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ ที่จริงเวลาล่วงเลยมามากแล้ว และเธอไม่ได้เหนื่อยหนักอะไร จะไม่พักก็ได้ แต่เมื่อนึกถึงคนที่คนขับรถพาเธอมา แล้วยังจะต้องเข้าไปดูที่เกิดเหตุต่อไป เธอก็เก็บคำว่าไม่เป็นไรเอาไว้
ขอบคุณครับ สำหรับผม เรื่องพักเอาไว้ทีหลังได้... ผมอยากพบยอดก่อน อยากขออนุญาตตำรวจทางนี้ไปดูสถานที่เกิดเหตุ แล้วก็ขอตรวจดูศพผู้ตายอีกครั้งด้วย ถ้าทำได้ แต่ไม่ทราบว่าท่านผู้กำกับฯ จะว่ายังไงบ้าง นายตำรวจหนุ่มแจ้งความประสงค์ตามตรง แต่กลับยกให้เพื่อนเป็นคนตัดสินใจ เอาตามแต่ทิชาว่าดีกว่าครับ
เธอสบตาเขาแทนคำถามว่า เขาไม่เหนื่อย ไม่อยากพักแน่หรือ... เพราะนอกจากจะใจดีเป็นทุนเดิมโดยธรรมชาติ แล้ว เขามักจะถือเอาความต้องการของคนอื่นมาก่อน และเก็บเรื่องส่วนตัวที่จำเป็นน้อยกว่าไว้ทีหลัง
เมื่อเขาส่ายหน้าหนักแน่นแทนคำตอบ เธอก็ให้คำตอบแก่วินิจได้แบบไม่ต้องคิดนานเลย
เราไปที่สถานีตำรวจกันเลยดีกว่าค่ะ...
------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้กำกับครับ นี่ชลทิชา รุ่นน้องผม เป็นทนายความที่จะมาให้คำแนะนำด้านกฎหมายให้นายยอดครับ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลแนะนำหญิงสาวให้ พ.ต.อ. ชุมพลได้รู้จัก
นายพันตำรวจเอกมองเธอด้วยสายตาที่แสดงความแปลกใจที่ได้เห็นทนายความในคดีอาญาเป็นผู้หญิงแวบหนึ่ง ก่อนรับไหว้และกล่าวทักทายเธอเป็นพิธี แล้วทอดสายตาเลยไปทางชายหนุ่มร่างสูง สวมแว่นสายตาที่ยืนเยื้องไปด้านหลังของเธอ ที่มาด้วยนี่น้องชายหรือ หน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่
ฟังแล้วชลทิชานึกเคืองคนพูดอยู่เหมือนกัน แต่พอได้ยินคนที่อยู่ด้านหลังเธอทำเสียงเหมือนอยากโต้แย้งอะไรอยู่ในลำคอแล้ว เธอก็นึกได้และต้องกลั้นหัวเราะไว้แทบแย่ เพราะรูปลักษณ์และบุคลิกที่ดูอ่อนกว่าอายุจริงเป็นปัญหาส่วนตัวที่แก้ยากข้อหนึ่งของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาใส่เชิ้ตขาวกับเนคไทและกางเกงขายาวสีดำเหมือนเครื่องแบบนักศึกษาไม่มีผิดอย่างวันนี้
เธออดสงสัยไม่ได้ว่า ถ้าประณตบอกว่าตัวเองเป็นตำรวจ คนฟังจะมีปฏิกริยาอย่างไร เพราะให้เขาโกหกว่าตัวเองเป็นหมอเสียยังจะน่าเชื่อถือมากกว่า
ผมประณต ชายหนุ่มแนะนำตัว โดยไม่ยอมบอกนามสกุลที่ตำรวจทั้งจังหวัด ต้อง รู้จัก แถมยังละยศ ลดตำแหน่งตัวเองลงหน้าตาเฉย มาช่วยงานคุณชลทิชาครับ
อ้อ เด็กฝึกงาน ผู้กำกับการสถานีสรุป เลิกสนใจซักไซ้ และทำท่าเหมือนไม่อยากรับฟังคำชี้แจงอะไรอีก คนที่ถูกอุปโลกน์ให้กลายเป็นเจ้านายของเพื่อนแบบไม่รู้ตัวเลยพูดไม่ออก ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ส่วนวินิจได้แต่กลอกตาแบบปลง ๆ
พ.ต.อ. ชุมพลเดินนำไปยังห้องขังภายในสถานีตำรวจ สั่งให้ตำรวจชั้นประทวนที่เป็นเวรเฝ้านำตัวยอดออกมาพบปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล และทนายความ
ได้ยินคุณวินิจว่าคุณอยากไปดูที่เกิดเหตุงั้นหรือ เขาหันมาถามชลทิชาระหว่างรอตัวผู้ต้องสงสัย
ใช่ค่ะ เธอรับ ดิฉันได้รับเอกสารและรูปภาพมา ก็เลยอยากเห็นสภาพที่เกิดเหตุที่แท้จริง และถ้าเป็นไปได้ก็อยากดูพวกวัตถุพยานต่าง ๆ และอยากตรวจดูศพของผู้ตายอีกสักครั้งด้วยค่ะ
ผู้กำกับการเลิกคิ้วนิดหนึ่งกับคำสุดท้ายของเธอ เอกสารการชันสูตรศพเบื้องต้นของหมอศิโรตม์ที่อยู่ในบันทึกประจำวันก็ชัดเจนดีอยู่แล้วนี่ คุณ... ทำไมจะต้องเอาศพมาตรวจอีกให้ยุ่งยากด้วย
อะไรที่เป็นประโยชน์กับลูกความของดิฉัน ดิฉันต้องหามาให้ได้มากที่สุด ในทุกทางที่ทำได้ค่ะ
ผมเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาสอนทนายให้ตรวจศพเป็น เขากวาดตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนจะถามว่า ถึงจะเขาอนุญาตให้ทำได้ แต่ผู้หญิงอย่างเธอมีปัญญาทำเรื่องพวกนี้เองด้วยหรือ
ชลทิชาพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนที่ตัวเองจะกลายเป็นผู้ต้องหาฐานทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างการปฏิบัติหน้าที่เสียเอง ดิฉันเคยเรียนแต่นิติวิทยาศาสตร์ภาคทฤษฏี ไม่เคยลงมือปฏิบัติ แต่ดิฉันมีคุณประณตที่สามารถตรวจสภาพศพเบื้องต้นได้มาช่วยค่ะ
นายตำรวจชำเลืองมองชายหนุ่มเจ้าของชื่อนิดหนึ่ง ที่แท้ก็เป็นหมอ... ทำไมไม่บอกแต่แรก
ให้มันได้อย่างนี้สิ เดาไม่เคยถูกแต่ก็อยากจะโชว์โปร... หญิงสาวแอบถอนใจเฮือกใหญ่ เหลือบตามองไปข้างหลังก็เห็นเพื่อนยืนกอดอก วางหน้าเฉยอยู่... ไม่รู้ว่าเขาทนคนประเภทนี้ได้อย่างไร
แต่เธอก็นึกดีใจที่ช่วงเวลาน่าอึดอัดนี่จบลงได้เสียที เมื่อ พ.ต.อ. ชุมพลพูดเรื่องที่เข้าท่าที่สุดตั้งแต่คุยกันมาในความรู้สึกของเธอ ถึงเธอร่ำ ๆ อยากจะซัดเขาสักหมัดเพราะหมั่นไส้เต็มแก่แล้วก็ตาม
เอาละ คุณอยากทำอะไร จะดูที่เกิดเหตุ จะตรวจศพ จะทำอะไรก็ตามใจคุณเถอะ... ผมอนุญาต
การสนทนาระหว่างรอพบผู้ต้องสงสัยซึ่งยังไม่มีการตั้งข้อหาที่วินิจพามาฝากไว้ยังสถานีตำรวจก่อนเพราะว่าต้องการปกป้องเขาจากเหตุใด ๆ ก็ตามที่อาจเกิดขึ้นจบลง เมื่อนายตำรวจชั้นประทวนนำตัวบุคคลที่พวกเธอรออยู่ออกมา
ไม่รู้ได้เรื่องหรือเปล่านะ คุณทนาย พ.ต.อ. ชุมพลเปรย ไม่ยอมกิน ไม่ยอมพูด เอาแต่ร้องไห้กับนั่งหมดอาลัยตายอยากมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว...
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าทำให้ชลทิชาใจหายวูบ ด้วยความสมเพชกึ่งเวทนา และไม่ได้เตรียมใจที่จะพบคนคนที่อยู่ตรงหน้าในสภาพที่เป็นอยู่...
ยอดมีอายุเท่ากันกับเธอและประณต หากดูแก่ กร้านกว่ามากด้วยริ้วรอยของความทุกข์ที่รัดพันตัวและใจของเขาอยู่จนไม่รู้จะดิ้นรนหนีไปทางใด รูปร่างสูงสันทัดของเขาค่อนข้างเล็ก ทว่าเกร็ง แกร่งจากการทำงานออกแรงในช่วงสามปีหลังจากที่เปลี่ยนวิถีชีวิตจากคนงานในโรงงานอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์กลับมาเป็นผู้ดูแลพ่อที่ป่วยเป็นอัมพาตที่บ้านเกิด และปลูกผักทำสวนประทังชีวิตไปตามเรื่อง
ที่หน้าผากของชายหนุ่มมีรอยปูดโนที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงระคนเขียวคล้ำเพราะแรงกระแทกจากการโถมตัวเข้าชนลูกกรงของห้องขัง ข้อมือข้างหนึ่งปรากฏแผลถลอกจาง ๆ จากกุญแจมือที่ตำรวจล่ามเขาไว้เพื่อไม่ให้ทำร้ายตัวเอง
ดวงตาที่ช้ำบวมและแดงก่ำจากการร้องไห้แทบทั้งคืนซึ่งทอดจับยังเธอยามที่วินิจแนะนำให้รู้จัก บัดนี้แห้งผาก และว่างเปล่าราวกับเขาทำวิญญาณของตนสูญหายไป เขาตามพวกเธอไปยังห้องประชุมเล็กที่ผู้กำกับการสถานีอนุญาตให้ยืมใช้ และทำตามคำสั่งทุกอย่างไม่ว่ายืน เดิน นั่งเหมือนหุ่นกระบอกที่มีลมหายใจเป็นเส้นเชือกยึดโยงบังคับให้ยืนอยู่และเคลื่อนไหวได้เท่านั้น
ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรฆ่าพ่อบังเกิดเกล้ายังคงก้มหน้านิ่ง ไม่พูดหรือสบตากับใครแม้กระทั่งกับปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลที่เขาเคยยึดถือเป็นที่พึ่งในช่วงเวลาหลังเกิดเหตุ
ประณตที่ยืนเงียบมานาน ขอตัวออกไปนอกห้องประชุม แล้วกลับมาพร้อมกับชุดอุปกรณ์ปฐมพยาบาล พับแขนเสื้อเชิ้ตทั้งสองข้างขึ้น ลงมือสำรวจรอยแผลบนหน้าผากกับข้อมือของยอด แล้วจัดการทำแผลให้โดยไม่พูดอะไรสักคำ
คนที่ได้เห็นเขา ณ เวลานี้เป็นครั้งแรกคงนึกว่าเขาเป็นคนเฉยชา หากชลทิชารู้ดีว่าในใจของเพื่อนไม่ได้เยียบเย็นเหมือนสีหน้าและท่าทีที่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย แต่นี่เป็นวิธีที่เขาปิดบังความรู้สึกที่ไม่อาจกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเช่นที่เป็นมา
ทำไม... เสียงสั่นพร่าที่เปล่งจากริมฝีปากแห้งผากของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกเต็มไปด้วยความรู้สึกซึ่งอัดแน่นอยู่เต็มอก สองมือที่วางอยู่บนหน้าตักกำหมัดแน่น ดวงตาที่เคยไร้ประกายชีวิตรื้นไปด้วยน้ำตา
ทำไมพวกคุณต้องทำดีกับผม... ทำไมไม่ปล่อยให้ผมตาย
คำพูดดังกล่าวทำให้ทนายความสาวรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งติดแน่นอยู่ในลำคอ ตื้อตันจนเกือบพูดอะไรไม่ออก แต่เมื่อเธอจะเอ่ยปากถามถึงเหตุที่ทำให้เขาคิดเช่นนั้น กลับถูกนายตำรวจหนุ่มยกมือห้ามไว้ และส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำพูดให้เธออย่าเพิ่งถามหรือพูดอะไร ปล่อยให้เขาระบายความรู้สึกออกมาให้เต็มที่
และในวินาทีเดียวกันนั้นเองน้ำตาลูกผู้ชายของชายหนุ่มร่างเล็กตรงหน้าของพวกเธอก็รินไหลลงอาบแก้ม ทำไมไม่ยอมให้ผมตายตามพ่อไป... มาทำดีกับคนอย่างผมทำไม
ผมเป็นคนทำให้พ่อตาย เขาซบหน้าลงกับฝ่ามือสะอื้นฮักเหมือนจะขาดใจ ผมทำให้พ่อต้องตาย
(มีต่อค่ะ)
แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 51 17:47:18
จากคุณ :
ปิยะรักษ์
- [
14 พ.ค. 51 17:46:17
]