Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    คำตอบ ?

    ผมเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง ตัวเลขของมันบอกเวลาตีสองห้าสิบนาที ผมหันกลับมาหาหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มต้นพิมพ์ชื่อของเรื่องสั้นที่ยังไม่รู้ว่าจะสามารถจบลงได้เมื่อใด

    การค้นหา

    ผมเน้นให้มันเป็นตัวหนาและจัดวางเอาไว้ตรงกลางหน้า ก่อนที่จะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ผมหลับตาลงแล้วนึกทบทวนถึงเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมาเมื่อครู่ ซึ่งความจริงแล้วเรื่องราวทั้งหมดได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว

    ผมคงมีชีวิตที่เหมือนกับของใครอีกหลายคนบนโลกใบนี้ ที่พอเรียนจบก็ทำงาน จากนั้นก็ แต่งงาน สร้างครอบครัว แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมไม่แน่ใจ ว่าตัวผมนั้นจะเหมือนกับคนอื่นๆ ด้วยหรือไม่ นั่นคือผมรู้สึกเบื่อ เบื่อที่ชีวิตของผมเป็นแบบนี้

    ในหลายปีที่ผ่านมา มีอยู่หลายครั้งที่ผมเอาแต่เฝ้าถวิลหาถึงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ช่วงที่ผมคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่บ้าบอที่สุด สนุกที่สุด และประทับใจที่สุด ช่วงเวลาที่ทุกค่ำคืนคือ แสงสี ดนตรี คนแปลกหน้า ร่างกายที่ขยับไปมาตามท่วงทำนอง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความร้อนรุ่ม และ… ผมคิดถึงมันเหลือเกิน

    เมื่อตอนกลางวันผมยังคงนั่งทำงานอยู่ตามปกติ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตยังคงแจ่มชัด และน่าเบื่อเหมือนเช่นเคย เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น เพลง “May it be” ของ “Enya” ส่งเสียงร้องโหยหวน

    แหวนวงนั้นกำลังส่งเสียงเรียกหา ส่วน “แกนดอฟ” ของผม ก็กำลังเดินจากไปอย่างเงียบๆ เขาไม่หันกลับมามองดูผมแม้แต่แวบเดียว เสียงของผู้เป็นเจ้าของ “เอกธรรมรงค์” ดังมาตามสาย

    “คืนนี้ชั้นจะพาลูกไปนอนค้างที่คอนโดของยายนะ”

    ผมเริ่มคิด คิด คิด และคิด…พอถึงช่วงค่ำ ผมก็นั่งอยู่ที่เบาะหลังในรถแท็กซี่ ที่กำลังวิ่งตัดผ่านป่าที่เต็มไปด้วยตึก ตัดผ่านเมืองในยามราตรีที่มีแสงสีสว่างไสว และจุดหมายปลายทางของผมย่อมไม่ใช่สถานที่ที่เรียกว่า “บ้าน” อย่างแน่นอน

    เมื่อผมก้าวลงจากรถ โลกทั้งโลกก็พลิกคว่ำลงตรงหน้า ผมไม่ได้มาที่นี่กี่ปีมาแล้วนะ ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกไปหมด ไม่มีเค้าของเมื่อก่อนหลงเหลืออยู่เลย นอกจากที่ตั้งของมันที่ยังคงอยู่ในที่เดิม ผมเดินผ่านเข้าสู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่มีสิ่งใดคุ้นตา แต่ความรู้สึกเก่าๆ ค่อยๆ ย้อนคืนมา จนผมเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว

    “…ผมกลับมาแล้ว”

    เหล่า “นางฟ้าผู้ไร้ปีก” พากันเดินไปมาอย่างเฉิดฉัน ทุกคนต่างแต่งตัวอวดรูปโฉมกันอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะมีคนธรรมดาสามัญเบียดแทรกอยู่บ้าง แต่ในสายตาของผมนั้นมีเพียงนางฟ้าเหล่านี้เท่านั้นที่มีตัวตน มีชีวิต และมีลมหายใจอยู่จริง

    ผมเคยคิดสงสัย ว่านางฟ้าเหล่านี้หายไปอยู่ที่ใดกันในยามกลางวัน เพราะในอีกโลกหนึ่งที่อยู่ข้างนอกนั่น ผมไม่เคยได้พบเจอกับพวกเธอเลย หรือว่าเราต่างอยู่กันคนละโลก คนละมิติ และมีเพียงสถานที่เหล่านี้เท่านั้น ที่มิติทั้งสองจะมาซ้อนทับกันเป็นหนึ่งเดียว

    ผมเดินเข้าสู่สถานที่ที่แปลกตา มันเปลี่ยนไปจากที่ผมเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง แต่บรรยากาศนั้นกลับคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ผมสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด รับรู้ถึงรสชาติของอากาศภายนอกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเข้าไปใน “ทางสาย 666”

    สิ่งแรกที่ผมรู้สึกได้คือความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศ แสงสี และ เสียงดนตรี เสียงเบสทุ้มต่ำที่ดังอย่างเป็นจังหวะ ท่วงทำนองที่กระแทกเข้าใส่หัวใจดวงน้อยๆ ของผม ความเย็นจากภายนอกค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความร้อนภายใน หัวใจของผมในตอนนี้เต้นดังยิ่งกว่าเสียงดนตรีพวกนั้นเสียอีก

    ร่างกายของผมเริ่มขยับเคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติ ความรู้สึกเก่าๆ หลั่งออกจากหัวใจแล้วไหลไปทั่วร่าง “ดนตรีนั้นคือชีวิต จังหวะคอยลิชิตให้ชีวิตก้าวไป…” เนื้อเพลงเก่าๆ ที่ผมเคยฟังเมื่อนานมาแล้วลอยขึ้นมาในหัว

    รอบกายของผมเต็มไปด้วยเหล่าคนแปลกหน้าที่อยู่กันเป็นกลุ่ม เป็นคู่ ทั้งหมดต่างก็คุ้นเคยกับความแปลกหน้าของผู้คน และตัวผมเองก็เช่นกันที่เคยเป็นหนึ่งใน เป็น “ผู้แสวงหาความคุ้นเคยของความแปลกหน้า”

    พื้นที่ของแต่ละคนต่างถูกลดลงไปเรื่อยๆ จากปริมาณของผู้คน และปริมาณ “ของเหลว” ที่ถูกดูดซึมเข้าไปเลี้ยงสมอง ช่องว่างที่น่าอึดอัดจึงถูกลบหายไปในที่สุด

    ถ้ามีใครสักคนล้มลง พวกเราทั้งหมดก็คงล้มไปด้วยกัน จะไม่มีใครคอยประคองหรือฉุดดึงใครเอาไว้ เหมือนอย่างที่นักร้องคนนั้นได้เคยร้องเอาไว้อย่างน่าฟัง น่าเสียดายที่ “ที่ว่าง” ของเขาเองกลับกว้างมากเกินไป จนไม่มีใครฉุดเขาเอาไว้ได้ทันในตอนที่เขาเป็นคนล้มลงเสียเอง

    ผมส่งยิ้มให้กับนางฟ้าคนหนึ่งที่แอบเล็งเอาไว้ตั้งแต่แรก เธอมากับเพื่อนๆ นางฟ้าอีกสองคน เธอไว้ผมสั้น ใส่เสื้อกล้ามสีเขียวเข้มแนบเนื้อ กับกางเกงยีนขายาวรัดรูป รูปร่างของเธอนั้นสูงเพรียวได้สัดส่วน และที่สำคัญ ท่าเต้นของเธอนั้นน่ารักเป็นที่สุด

    เธอหันมายิ้มตอบผม เพียงเท่านี้ผมก็เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่า สิ่งที่เรียกกันว่าความทุกข์นั้นมันเคยมีอยู่จริงหรือ ผมหันกลับมาเพื่อที่จะหยิบแก้วก่อนที่จะเห็นใครอีกคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น มี “ตัวผมอีกคนหนึ่ง” มายืนอยู่ตรงหน้า และเขาก็กำลังส่งยิ้มมาให้กับผมเช่นกัน

    “นายมาทำไมกัน ฉันกำลังมีความสุข อย่ามารบกวนกันดีกว่า…”

    ผมคว้าแก้วขึ้นมาถือเอาไว้โดยไม่สนใจเขา ผมค่อยๆ เบียดร่างแทรกผ่านคลื่น “ทะเลมนุษย์” ตรงไปหานางฟ้าผมสั้นแสนน่ารักคนนั้น ผมรู้สึกได้ว่าตัวผมอีกคนก็ขยับติดตามมาด้วย แต่ผมไม่สนใจเขา

    จริงๆ แล้วเธอก็เต้นอยู่ห่างจากผมไปเพียงนิดเดียว แต่คล้ายกับว่าช่วงเวลาของผมในตอนนี้ได้ถูกยืดขยายออก เหมือนกับผมเดินทะลุผ่านกำแพงเวลาเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง และเวลาของที่นั่นก็รวดเร็วกว่าของโลกแห่งนี้ ผมจึงมองเห็นภาพรอบตัวเหมือนกับว่ามันหยุดนิ่ง

    ในการ์ตูนญี่ปุ่นที่ผมพึ่งเคยอ่านเมื่อไม่นานมานี้ มีการกล่าวถึงความรู้สึกถึงเวลา ที่จะถูกยืดขยายออกไปในยามที่วาระสุดท้ายมาถึง ตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องกำลังเหวี่ยงหมัดตัดสินออกไป แต่นั่นกลับเป็นกับดักของศัตรู เขาได้คิดอะไรมากมายในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น และสงสัยว่าทำไมมันถึงได้ยาวนานนัก

    แล้วผมก็ได้เห็น “ภาพนิมิต” ผมคิดว่ามันเรียกกันว่าอย่างนั้น ผมเห็นตัวผมได้ใช้ชีวิตร่วมกับนางฟ้าผมสั้นคนนั้น ซึ่งจริงๆ แล้วเธอไม่ได้เป็นพวกนางฟ้าอย่างที่ผมคิด เธอเป็นผู้แสวงหาอีกคนหนึ่ง

    ในชีวิตนั้น ผมและเธอต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน เธอทำให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นมากมายในชีวิตของผม และชีวิตนั้นก็ดีกว่าชีวิตที่ผมมีอยู่ในตอนนี้ แต่ว่าเมื่อผมมองดูตัวเองที่กำลังยิ้มร่าอยู่ในนิมิตนั้น ผมจ้องตาเขาและเขาก็จ้องกลับมา ผมรู้ในทันทีว่าเขาเองก็ไม่มีความสุขเช่นกัน

    ผมหันไปมองรอบตัว เมื่อผมจ้องมองผู้หญิงคนใด ภาพนิมิตที่ผมได้ใช้ชีวิตร่วมกับพวกเธอก็จะปรากฏขึ้น บางครั้งก็เป็นชีวิตที่ดี บางทีก็พอใช้ และมีบ้างที่เลวร้าย แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือทุกครั้งที่ผมได้จ้องตากับตัวเอง ผมรู้ได้ในทันทีว่าพวกเราทุกคนต่างไม่มีความสุข

    เวลากลับมาเดินต่ออีกครั้ง และตัวผมอีกคนหนึ่งก็หายไปแล้ว ผมจึงเดินเข้าไปทักทายสาวน้อยคนนั้น เธอเป็นคนน่ารักอย่างที่ผมคิดจริงๆ เราเต้นด้วยกันพักหนึ่ง แล้วออกมานั่งคุยกันด้านนอกซึ่งมีเสียงเพลงเบากว่าข้างในนั้น

    พวกเราคุยกันอย่างถูกคอ เพราะเราทั้งสองต่างสนใจในหลายสิ่งที่เหมือนกัน สุดท้ายเราจึงแลกเบอร์โทรก่อนที่จะแยกจากกัน ผมเก็บเบอร์โทรของเธอเอาไว้ในชื่อ “สุมิต” ซึ่งผมคิดเอาเองว่ามันหมายความถึง “นิมิตที่ดี” อย่างที่ผมได้เห็นในตอนนั้น และผมคงไม่ต้องอธิบายว่าทำไมถึงต้องเป็นชื่อที่ฟังดูเป็นผู้ชายแบบนี้

    ผมนั่งอยู่ที่เบาะหลังในรถแท็กซี่ ที่กำลังวิ่งตัดผ่านป่าที่เต็มไปด้วยตึก ตัดผ่านเมืองในยามราตรีที่มีแสงสีสว่างไสว และจุดหมายปลายทางของผมย่อมต้องเป็นสถานที่ที่เรียกว่า “บ้าน” อย่างแน่นอน

    ที่เบาะข้างๆ มีตัวผมอีกคนหนึ่งมานั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เขายังคงมีรอยยิ้มแบบเดิมอยู่บนใบหน้า

    “ฉันไม่ได้สนุกแบบนี้มานานแล้ว…คืนนี้ฉันมีความสุขมาก”

    ผมทำเป็นไม่สนใจคนขับรถแท็กซี่ที่เหลือบมองกระจกส่องหลังบ่อยครั้ง ผมคิดว่าเขาคงมองไม่เห็นในสิ่งที่ผมกำลังมองเห็นอยู่นี้

    “ฉันอยากใช้ชีวิตแบบนั้นมากกว่า มันมีความสุขมากกว่าชีวิตแบบนี้”

    เขายังคงเอาแต่ยิ้ม ผมจึงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา และผมก็ได้พบกับสิ่งที่น่าตกใจ…เขา…”มีความสุข” ในหมู่พวกเราทั้งหมดมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ในดวงตาทอประกายแห่งความสุขออกมา

    “…ทำไม…ทำไมกัน…”

    ผมจ่ายเงินแล้วรีบลงจากรถแท็กซี่โดยทิ้งเขาไว้ให้อยู่บนนั้น ผมไขประตูรั้วแล้วเดินตรงไปที่ประตูบ้าน พอผมบิดกุญแจความคิดอย่างหนึ่งก็วูบขึ้นมาในหัว ผมปิดประตูแล้วรีบตรงไปยังห้องน้ำ ปล่อยให้สายน้ำที่เย็นเฉียบไหลผ่านร่างไป

    พอนึกมาถึงตรงนี้ความคิดทั้งหลายก็ค่อยๆ เรียบเรียงตัวเองเข้าด้วยกัน แต่มันยังคงขาดอะไรไปบางอย่าง ผมรู้ว่าสิ่งที่ขาดอยู่นั้นคือสิ่งใด มันคือ “สิ่งที่แม้จะเข้าใจแต่ไม่อาจเป็นได้” ผมต้อง “เป็น” มันเสียก่อนจึงจะเขียนออกมาได้

    ผมจ้องมองหน้าจอที่ยังคงมีอยู่เพียงแค่ชื่อเรื่องเท่านั้น ผมตัดสินใจกดปิดโปรแกรม มันถามผมกลับมาว่าต้องการบันทึกสิ่งที่ผมพิมพ์ลงไปหรือไม่ ผมเลื่อนลูกศรไปที่คำว่า “ไม่” ก่อนที่จะเปลี่ยนใจอย่างกระทันหัน ผมตัดสินใจที่จะบันทึกมันเก็บเอาไว้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องสั้นที่มีเพียงแค่ชื่อเรื่อง

    ผมเปลี่ยนชื่อที่บันทึกเอาไว้จาก “การค้นหา” เป็น “คำตอบ” ก่อนที่จะเติม “?” ต่อท้ายไปด้วย ผมคงจะไม่เปิดมันขึ้นมาอีกในเวลาอันใกล้ แต่ผมแน่ใจว่าจะต้องเปิดมันขึ้นมาอีก เมื่อโลกในนั้นแจ่มชัดขึ้นในหัวของผม แล้วผมจะเขียนมันให้จบ และหวังว่ามันคงจะจบลงก่อนผม

    ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเสียงเพลง “May it be” ดังขึ้น “จ้าวแห่งแหวน” กำลังเดินทางกลับมาแล้ว ผมหลับตาแล้วถอนหายใจออกมา

    จากคุณ : zoi - [ 20 พ.ค. 51 08:32:21 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom