"อาจารย์ติณณ์ธรค่ะ โทรศัพท์สายนอกค่ะ" อรชุมาพูดมาตามสายก่อนที่จะโอนโทรศัพท์ให้เขา
"สวัสดีครับ ติณณ์ธรพูดสายครับ" เขาพูดเมื่อยกหูโทรศัพท์ขึ้น
"จากโรงพยาบาล......นะคะ คุณเป็นสามีของคุณปุณณมาส ปริยะกุล หรือเปล่าคะ" เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลถาม
"ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ"
ติณณ์ธรถามด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วถ้าเพื่อนๆของปุณณมาสจะโทรมาถามข่าวคราวของเธอ ก็จะติดต่อไปยังเบอร์บ้านหรือไม่ก็เบอร์มือถือของเธอโดยตรง
"คือว่า..........."
ติณณ์ธรร้อนใจจนแทบจะควบคุมสติไม่อยู่ เมื่อทราบข่าวจากพยาบาลห้องผ่าตัดว่า ปุณณมาสตกเลือดมากเมื่อตอนกลางวัน หญิงสาวโทรศัพท์ไปเรียกรถพยาบาลให้มารับตัวเธอเองไปยังห้องฉุกเฉิน
เขาโมโหตัวเองที่ปิดโทรศัพท์มือถึอเกือบตลอดทั้งวันเนื่องจาก ติดประชุมในช่วงเช้า ติณณ์ธรนึกภาพที่ปุณณมาส พยายามโทรศัพท์หาเขา ขณะที่เธอกำลังกังวลกับอาการของตัวเองแล้ว ทำให้เขาสงสารเธอขึ้นมาจับใจ
ชายหนุ่มแทบจะวิ่งก็ว่าได้ ไปยังห้องผ่าตัดคลอดตามที่พยาบาลแจ้งไว้ เขามองเข้าไปในห้องผ่าตัดที่ปุณณมาสนอนอยู่ในสภาพที่ซีดเซียว หมดเรี่ยวแรง พร้อมกับถุงเลือดและถุงน้ำเกลือ ที่แขวนระโยงระยางอยู่ทั้งสองด้าน สูติแพทย์คนหนึ่งเดินออกมาอธิบายให้เขาฟังว่า
"คนไข้ตกเลือดมาก หมอกำลังจะผ่าตัดเอาเด็กออกก่อนกำหนด เพื่อหยุดภาวะเลือดออกไม่หยุดครับ และถ้าไม่ไหวจริงๆเราจำเป็นต้องเลือกระหว่างแม่กับลูกในท้อง"
คำพูดของหมอทำให้ติณณ์ธรถึงกับมึนงงทำอะไรไม่ถูก
"ผมอยากให้ช่วยชีวิตของแม่ไว้ได้มั้ยครับ ...ผมรักลูก..แต่..ถ้ามีเธอเราจะมีลูกอีกเมื่อไหร่ก็ได้" เขาพูดพร้อมทั้งพยายามที่จะกลืนก้อนแข็งๆที่จุกอยู่ในลำคอ
"ผมเกรงว่าจะทำอย่างนั้นไม่ได้ครับ เพราะคนไข้ได้ระบุเอาไว้ตอนที่เซ็นต์คำยินยอมว่า ให้รักษาชีวิตของลูกก่อนที่จะช่วยเหลือเธอครับ"
น้ำตาของลูกผู้ชายอย่างเขาซึมออกมาอย่างสุดที่จะห้ามได้ ติณณ์ธรขออนุญาตเข้าไปพบเธอก่อนที่ ทีมแพทย์จะลงมือทำการผ่าตัดหลังจากการให้เลือดถุงที่หกผ่านไปแล้ว
"คุณปุณ..ทำใจดีๆ..เข้มแข็งเอาไว้นะครับ หมอกำลังช่วยคุณและลูกอยู่นะครับ "
ชายหนุ่มบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เขาก้มลงจุมพิตหน้าผากเธอเบาๆอย่างปลอบประโลม พร้อมทั้งจับมือเธอไว้แน่นเหมือนดั่งกำลังใจ ให้เธอต่อสู้ยื้อแย่งชีวิตเอาไว้
ปุณณมาสมองหน้าคนที่เธอรัก....จับมือเขาไว้ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา จนแทบจะไม่ได้ยินว่า...
"ปุณรักคุณค่ะ...ถ้าปุณเป็นอะไรไป ...ฝากดูลูกด้วยนะคะ ...รักเขาให้มาก ..เหมือนกับที่รักปุณ...นะคะคุณติณณ์"
ชายหนุ่มก้มลงจูบซับหยาดน้ำที่ไหลรินลงมาอาบสองแก้มของหญิงสาว เขาลูบศรีษะเธออย่างอ่อนโยน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะขอให้เขาออกไปรอด้านนอก เนื่องจากทีมผ่าตัดได้เตรียมพร้อมแล้ว
ติณณ์ธรผุดลุกผุดนั่งอยู่ด้านนอกห้องผ่าตัดอยู่ราวสี่ชั่วโมงเต็มๆ นุชนารถลางานอย่างฉุกเฉินทันทีที่ติณณ์ธรโทรศัพท์ไปบอกเธอ
เพื่อนรักซึ่งเปรียบเสมือนพี่สาวคนหนึ่งของปุณณมาส รู้สึกกระวนกระวายไม่ต่างไปจากติณณ์ธรนัก เธอพอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้อยู่บ้าง เนื่องจากปุณณมาสคอยปรึกษาเธออยู่เนืองๆ เรื่องที่เธอกังวลอยู่ตลอดเวลาว่า อาจจะมีอาการตกเลือดหลังคลอดได้ เพราะไม่ได้วางแผนการรักษาที่ถูกต้อง ก่อนที่จะตั้งครรภ์ และนั่นก็คือเหตุผลหลักที่ทำให้เธอบ่ายเบี่ยงที่จะแต่งงาน ผูกมัดเขาเอาไว้ เพราะเธอไม่แน่ใจว่า เธอจะมีโอกาสอยู่กับเขาได้นานสักเท่าไหร่
นุชนารถพยายามพูดปลอบติณณ์ธร และบอกให้เขาคิดในแง่ดี เมื่อเห็นสีหน้าหมองเศร้าของหนุ่มรุ่นน้อง ขณะที่หัวหน้าทีมผ่าตัดเดินออกมา..บอกกับติณณ์ธรว่า
"ลูกผู้หญิง สมบูรณ์ดีครับ แต่ต้องอยู่ในตู้อบจนกว่าจะแข็งแรงกว่านี้ครับ"
"แล้ว...แม่ล่ะครับ" เขาถามออกไปอย่างร้อนรน
"สำหรับแม่..เธอเสียเลือดมากเนื่องจากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ และมดลูกไม่ยอมหดรัดตัวเลย หลังจากที่ผ่าตัดเอาเด็กออก หมอเสียใจด้วยจริงๆครับ เราพยายามที่ช่วยเธออย่างสุดความสามารถแล้วครับ "
คำบอกเล่าจากหัวหน้าสูติแพทย์ เปรียบเสมือนฟ้าที่ผ่าลงมากลางใจของเขา ชายหนุ่มยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งโลก กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ติณณ์ธรทรุดตัวลงกอดร่างที่ไร้วิญญาณของปุณณมาสด้วยดวงใจที่แตกสลาย เขาซบหน้าร้องไห้กับร่างที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงผ่าตัดเนิ่นนาน
"หลับให้สบายนะครับคุณปุณ...ไม่ต้องห่วงลูกของเรา ผมจะรักและดูแลเขาให้ดีที่สุด ...เท่าที่ทั้งชีวิตของผมจะทำได้"
เขายกมือที่ขาวซีดของปุณณมาสขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากเบาๆ เมื่อเจ้าหน้าที่บอกกับเขาว่า ทางโรงพยาบาลจำเป็นจะต้องย้ายร่างที่ปราศจากวิญญาณของเธอ ไปดูแลในบริเวณที่จัดไว้อีกประมาณสองชั่วโมง ก่อนที่จะอนุญาตให้ญาติรับศพไปทำพิธีทางศาสนาได้
ติณร์ธรมองลูกน้อยที่นอนหลับตาพริ้ม หายใจอย่างสม่ำเสมอ อยู่ในตู้อบเด็กด้วยความรู้สึกปลื้มปิติ ยินดี เขาเอื้อมมือไปสัมผัสนิ้วมือเล็กๆอย่างรักใคร่..พร้อมทั้งกระซิบบอกกับลูกว่า
"พ่อรักหนู...และแม่ของหนู มากที่สุดในชีวิต"
.........
"ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานครบรอบสิบปี ที่ทางสถาบันสอนดนตรีของเราได้ก่อตั้งขึ้นมา และในโอกาสนี้ ผมขอแนะนำให้ท่านรู้จักกับผู้บริหารสาขาจังหวัดภูเก็ตคนใหม่ ซึ่งวันนี้จะให้เกียรติเล่นเปียโนเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อผู้ที่สนับสนุนสถาบันแห่งนี้มาตลอด..ขอเรียนเชิญ คุณ ติณณ์ธร คุณานุพงษ์ บนเวทีด้วยครับ"
ติณณ์ธรก้าวขึ้นไปบนเวทีด้วยบุคคลิกที่สง่างามไม่เปลี่ยนแปลง ณ.วันนี้เขากลายเป็นหุ้นส่วนของกิจการโรงเรียนสอนดนตรีกับวุฒิพงษ์เพื่อนรักของเขา หลังจากที่ชายหนุ่มตัดสินใจสร้างหลักปักฐานอยู่ที่ภูเก็ตเป็นการถาวร
เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดไว้ทางด้านหน้าของเปียโน กล่าวทักทายผู้ที่มาร่วมงานก่อนที่จะโชว์เดี่ยวเปียโนตามที่พิธีกรของงานกล่าวไว้
"ผมขอมอบเพลงนี้ให้เป็นพิเศษแด่ คุณปุณณมาส ภรรยาของผมซึ่งเสียชีวิตหลังจากคลอดลูก เมื่อสี่ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้เล่นเพลงนี้ให้เธอฟังหลายๆครั้ง ขณะที่เราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เธอบอกกับผมว่า บทเพลงนี้ เปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความรัก และความศรัทธา ที่เรามีต่อกัน .......หลังจากที่เธอจากผมและลูกไป ผมไม่เคยแตะต้องโน้ตเพลงนี้อีกเลย เพราะมันทำให้ผมคิดถึงเธอมากขึ้น..หากว่าวันนี้..เธอยังอยู่ใกล้ๆ ผมก็อยากจะให้เธอได้รับรู้ว่า ผมและลูกยังรัก และคิดถึงเธอเสมอมา...และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป...เพลงนี้ชื่อ บทเพลงแสงจันทร์ ครับ"
http://www.imeem.com/groups/jH_zLlZ-/music/ux3q0Asp/betsy_sise_star_song_with_cello/
เสียงเปียโนอันไพเราะนุ่มนวลที่แฝงไปด้วยพลังและความหวัง สะกดแขกทุกคนที่มาร่วมในงาน ให้ตกอยู่ในภวังค์ เสียง Cello ที่เศร้าสร้อย ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งการพลัดพราก ทำให้แขกบางท่านถึงกับน้ำตาซึม..แม้แต่ ติณณ์ธร.. ชายหนุ่มผู้สูญเสีย หญิงสาวที่เขารักไป อย่างไม่หวลกลับ.
"คุณพ่อขา...เล่านิทานให้หนูฟังหน่อยสิคะ"
เสียงออดอ้อนจากลูกสาว วัยสี่ขวบ ทำให้ติณณ์ธรโอบกอดร่างเล็กๆของ หนูกันต์ ไว้อย่างทะนุถนอม
"หนูอยากฟังเรื่องอะไรล่ะจ๊ะ..คืนนี้" เขาถามพร้อมทั้งกดจมูกลงบนแก้มสีชมพูเรื่อของหนูน้อย อย่างรักใคร่
"อืมมม หนูจะฟังเรื่อง ซิลเดอร์เรลล่า ค่ะ.."
"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..."
ติณณ์ธรจุมพิตลงบนหน้าผากของ ด.ญ กันติชา ลูกสาวที่เขารักปานดวงใจ ซึ่งกำลังหลับตาพริ้ม อย่างมีความสุข พลางนึกถึง แม่ของเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนของเขา
"คุณปุณ...ป่านฉะนี้คุณจะเป็นอย่างไรบ้างนะ..จะคิดถึงผมกับลูกบ้างหรือเปล่า..ผมยังรักและคิดถึงคุณอยู่ตลอดเวลานะครับ"
ติณณ์ธรรำพึงออกมาเหมือนกับจะฝากความรู้สึกที่เขามีต่อ ปุณณมาส หญิงสาวที่เขารัก และแม่ของลูก ผ่านสายลม และ แสงดาว ไปยังพระจันทร์เต็มดวง ที่กำลังทอแสงนวลตา ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ดวงนั้น...
....................ขอขอบคุณค่ะ.................
* แก้ไข พิมพ์ตกหล่น ค่ะ*
แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 16:36:50
แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 03:18:15
แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 03:08:32
แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 02:32:40