ตอนที่ 1 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6580092/W6580092.html
ตอนที่ 2 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6607286/W6607286.html
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 3
จะเอาไงต่อดีล่ะ ณต
คนฟังเลิกคิ้วนิดหนึ่งกับคำถามของเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่เดินออกจากสถานีตำรวจมาด้วยกันหลังการสนทนากับผู้ต้องสงสัยในคดีจบลงแล้ว
ตั้งใจจะถามว่า จะเอาไงต่อ ในความหมายไหนกันล่ะ เขาย้อนถาม ถามเพราะเธอไม่เชื่อว่าสิ่งที่เขาเล่าเป็นความจริง หรือเพราะเธอเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรต่อไปดี
ท่าทีของนายตำรวจหนุ่มที่จงใจแหย่และยวนเธอเล่น ๆ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเธอจะให้คำตอบอย่างไรทำให้ทนายความสาวแกล้งตวัดสายตาค้อนเขาไปทีหนึ่ง
นายก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วนี่ เชอร์ล็อก โฮล์มส์
ความจริง ประณตไม่ชอบให้ใครเรียกเขาแบบนี้ และย้ำเสมอว่า ถึงจะทำงานสืบสวนสอบสวนเหมือนกัน แต่เขามีความสามารถไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของนักสืบเอกในนิยายของโคแนน ดอยล์คนนั้นเลยด้วยซ้ำ แค่ทำหน้าที่ตำรวจให้ดีเท่ากับที่พ่อคาดหวังก็ยากเต็มกลืนแล้ว
แต่หลุดปากเรียกไปตามที่เธอรู้สึกว่าเขาเป็นไปแล้ว จะทำยังไงได้... ถ้าเขาเป็นตำรวจไม่เอาไหน อย่างที่ถล่มตัวละก็ เธอไม่รู้ว่าจะเรียกพวกที่ทำงานไม่เป็นสับปะรดเลยว่าอย่างไรดีเหมือนกัน
ฉันจะบอกให้นะ ฉันไม่ใช่แค่เชื่อธรรมดา... ชลทิชากลับหลังหัน จิ้มนิ้วชี้ใส่กลางอกคนที่เดินตามเธอ แต่ฉันมั่นใจตั้งแต่นายประกาศว่าถึงต้องเอาศพขึ้นมาดูก็ต้องทำแล้วละว่า ยอดไม่ได้ฆ่าน้าคำ
แต่ถ้าเกิดเดาผิดขึ้นมาก็ยกให้ฉันรับหมด... ว่างั้น
ไม่มีทาง เพราะฉันรู้ว่านายไม่เคยพูดในสิ่งที่ไม่แน่ใจ... เธอยืนยันอย่างเชื่อมั่นพนันด้วยอาหารหนึ่งมื้อเลยก็ได้ว่า ยอดไม่ได้ฆ่าน้าคำแน่นอน จะรับท้าไหมล่ะ
เรื่องอะไร เขาส่ายหน้าพร้อมหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปหารุ่นพี่ต่างสาขาวิชา ถ้าจะให้ถูกต้องที่สุด เราสองคนต้องเลี้ยงข้าวพี่วินิจหนึ่งมื้อต่างหากล่ะ ทิชา
ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งถูกพาดพิงโดยไม่รู้ตัวระหว่างกำลังฟังรุ่นน้องต่างชมรมทั้งสองเถียงกันเพลินอยู่สะดุ้ง มองเขาแบบไม่เข้าใจนักว่า ตนเองไปเกี่ยวอะไร ตั้งแต่เมื่อใด
ผมอยากจะพูดเรื่องนี้กับยอดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่ยังไม่ใช่โอกาสที่จะพูด... ประณตกล่าว ถ้าไม่มีพี่วินิจเป็นคนเริ่มต้นเล่าเรื่องนี้ให้ทิชารู้ ก็ไม่มีทางที่เราสองคนจะมาอยู่ตรงนี้ และไม่มีทางช่วยเขาได้เลย... คนที่ยอดควรขอบคุณมากที่สุดก็คือ พี่วินิจครับ
ว่าแล้ว นายตำรวจหนุ่มก็เปิดประตูรถแคริบเบียน เลื่อนเบาะให้ทนายความสาวเข้าไปก่อน และเปลี่ยนประเด็นสนทนาเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำต่อจากนี้
เรารีบไปที่บ้านของน้าคำกับยอดกันดีกว่าครับ เพราะเสร็จจากที่นั่นแล้ว เรายังต้องไปพบหมอศิโรตม์ที่สถานีอนามัยกับไปที่วัดอีก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ก็ใช่อยู่หรอกที่พี่เป็นคนตั้งข้อสงสัย แล้วเอาเรื่องนี้มาบอกต่อให้ทิชา วินิจซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับเพื่อบอกเส้นทางไปยังจุดหมายกล่าวเก้อ ๆ ด้วยยังคงรู้สึกว่า ตนเองไม่ได้ทำอะไรที่สลักสำคัญอย่างที่คนทำหน้าที่ขับรถบอกเมื่อครู่แม้แต่น้อย แต่มันก็เป็นแค่ข้อสงสัยที่มาจากความรู้สึกลอย ๆ ไม่เหมือนกับข้อสันนิษฐานของผู้กำกับชุมพลกับหมอศิโรตม์ที่วิเคราะห์เอาจากพยานหลักฐาน พยานแวดล้อม หรือความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์
บางครั้ง อาศัยแค่พยานหลักฐานก็ไม่พอหรอกครับ และบางที ถ้ายึดติดกับสิ่งที่ตาเห็นมากไปก็อาจจะพลาดเอาง่าย ๆ ได้เหมือนกัน เพราะสิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่มันเป็นอยู่ก็ได้ ประณตบอก ในขณะเดียวกัน ลางสังหรณ์หรือสัญชาตญาณที่เรารู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลรองรับก็อาจมีเหตุผลที่เราไม่ทันคิดถึงซ่อนอยู่เบื้องหลังเหมือนกัน
อดีตอุปนายกสโมสรนักศึกษาทำเสียงหือในลำคอ ส่วนคนพูดได้ยินแล้วก็ยิ้มนิดหนึ่งโดยไม่ได้หันมามองอีกฝ่าย เพราะสายตายังจดจ่ออยู่กับทางข้างหน้าที่เริ่มคดเคี้ยวและลาดชันยิ่งขึ้น
พี่วินิจรู้จักยอดกับน้าคำดีขนาดที่แน่ใจได้ในทันทีว่า ยอดไม่น่าจะเป็นคนร้ายฆ่าพ่อตัวเอง แม้ว่ารูปการณ์จะบ่งชี้ไปทางนั้นและผู้ที่มีความรู้ด้านการทำคดีอย่างผู้กำกับกับคุณหมอจะบอกว่าเป็นแบบนั้นใช่หรือเปล่าครับ
วินิจพยักหน้ารับ ใช่ พี่รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ พี่เคยไปที่บ้านของพ่อลูกคู่นี้หลายหน ได้คุยกับยอดอยู่หลายครั้ง ยอดเป็นคนประเภทที่ถามคำก็ตอบคำ ใช่คือใช่ ไม่คือไม่ คิดคำพูดสวย ๆ ไม่เป็น แต่ก็ไม่เคยพูดอะไรที่ทำให้น้าคำเสียกำลังใจเลยสักหน วิธีการที่เขาพูดคุย ดูแลเอาใจใส่พ่อแทบไม่คลาดสายตา ทั้งเช็ดตัว ป้อนข้าว นวดแขน นวดขา พลิกตัวพ่อไม่ให้นอนท่าเดียวนานเกินไป ไหนจะซักผ้า ทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้านทุกอย่าง ทำให้พี่เห็นนิสัยของเขาว่าเป็นคนละเอียดพอสมควร ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น อีกอย่างหนึ่ง เขาก็รู้อยู่แล้วว่า พี่กำลังทำเรื่องให้ทางประชาสงเคราะห์กับพัฒนาชุมชนมาดูเรื่องปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ หางานที่ยอดสามารถทำอยู่กับบ้านได้ให้ พี่เลยไม่อยากเชื่อว่ายอดจะทำแบบนั้น ด้วยเหตุผลแค่ต้องการเป็นอิสระจากสิ่งที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่
เหตุผลที่ทำให้พี่วินิจเชื่อว่ายอดไม่ได้ทำผิดเหตุผลนี้ดีออกนี่ครับ นายตำรวจหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ ทำไมถึงบอกว่าไม่มีเหตุผลล่ะครับ
ประโยคท้ายของเขาทำให้วินิจชะงัก นึกทบทวนคำพูดของตนครู่หนึ่ง จึงฉุกใจได้ เออนะ จริงของณต
แล้วตัวน้าคำล่ะครับ เป็นไงบ้าง
ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบอกให้เตรียมเลี้ยวเข้าไปในถนนดินซึ่งเป็นทางเข้าสวนอีกประมาณสามร้อยเมตรข้างหน้า จากนั้นก็ถอนใจ ทิ้งมือข้างที่ชี้เส้นทางให้เมื่อครู่ลงบนตักเมื่อนึกถึงบุคคลที่กำลังจะกล่าวถึง
นี่แหละที่ทำให้พี่ยิ่งไม่อยากเชื่อ... เขายกมือขึ้นเสยผม แล้วกุมหน้าผากค้างอยู่ ถึงน้าคำจะเป็นอัมพาตเกือบทั้งตัว เหลือแต่แขนซ้ายที่พอขยับไหว พูดได้บ้างแต่ไม่ชัด แต่พี่รู้สึกว่าเขามีความพยายามที่จะช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ร้องขออะไรจากลูกชายถ้าไม่จำเป็น
ชลทิชาที่นั่งฟังการสนทนาของคนทั้งสองอยู่ที่เบาะหลังถาม น้าคำไม่เคยพูดถึงเรื่องอยากตายเลยเหรอคะ พี่วินิจ
พี่ไม่เคยได้ยินนะ รุ่นพี่ของเธอส่ายหน้า น้าคำเคยบอกพี่ว่า น้าอยู่ เพราะไอ้ยอดมันขอให้อยู่ มันตกงานกลับบ้านมา มันก็ยังดีใจที่ได้อยู่กับน้า ถ้าน้าไม่อยู่ แล้วมันจะอยู่กับใคร
พี่จำคำพูดนี้ได้ดีทีเดียวละ
ตอนที่เราคุยกับยอดที่โรงพัก ยอดก็ไม่ได้พูดเรื่องที่น้าคำไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อเหมือนกัน เธอเปรย แล้วสะกิดไหล่ของคนที่ประจำตำแหน่งคนขับ แล้วณตคิดว่าไง
ประณตทำท่าจะตอบ แต่ยังไม่สามารถทำได้ เพราะวินิจเตือนให้เขาเลี้ยวซ้ายเสียก่อน กระทั่งประคองรถจี๊ปให้ลงจากถนนลาดยางสายหลักไปอยู่บนถนนทางเข้าสวนซึ่งมีสภาพที่เหมาะจะนำรถปิคอัพหรือรถขับเคลื่อนสี่ล้อมาใช้มากกว่ารถยนต์ทั่วไปและสองข้างทางรกครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่กับสวนลำไยเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้มีจังหวะตอบคำถามของเธอ
คิดว่า... คำว่า อยู่ เพราะมีคนขอให้อยู่ นี่น่าสนใจ
(มีต่อนะคะ)
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 51 02:14:53
จากคุณ :
ปิยะรักษ์
- [
22 พ.ค. 51 01:53:03
]