รถประจำทาง มุมมองที่สี่
ไฟจากหลอดแสงจันทร์ตามไหล่ถนนและจากหลอดนีออนตามร้านค้าเริ่มพากันให้แสงสว่างแทนแสงจากดวงอาทิตย์ที่เพิ่งลับขอบฟ้าไปไม่นาน
ในเวลานี้ความร้อนจากตัวเมืองเริ่มคลายไปได้บ้าง ผู้คนเดินถนนและผู้คนที่รอรถโดยสารต่างก็เริ่มคลายความตึงเครียดลงเล็กน้อย
...แต่ดูเหมือนว่า...มันจะไม่ใช่กับฉัน...
ความร้อนลุ่มในใจยังคุกรุ่นและเอ่อล้นออกมาไม่ขาดสาย...บรรยากาศรอบๆ ตัวฉันยังคงถูกบีบอัดจากความรู้สึกกดดันและคาดคั้น
...ของเขา...
...ในขณะนี้...ที่ป้ายรอรถประจำทาง...
ฉันยืนนิ่งเงียบอย่างไม่สนใจใยดีต่อผู้คนรอบข้าง...และทำเป็นไม่ใส่ใจเขาซึ่งยังคงไม่ไปไหน...เขายังคงยืนอยู่ข้างๆ พร้อมทั้งใช้สายตาอันดุดันจ้องมาที่ฉันเพื่อสร้างแรงกดดันอันน่าอึดอัดมาอย่างไม่ขาดสาย
เรารู้ว่าเราผิด ยกโทษให้เราไม่ได้เหรอ เขาเริ่มพูดอีกครั้งหลังจากเงียบไปพักใหญ่
...ยกโทษอย่างนั้นหรือ...กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเข้าไปแล้วกับคำว่าขอโทษ...กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกันแล้วกับการให้อภัย...
...แล้วทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...
................... ฉันไม่ตอบ...เหนื่อยหน่ายเต็มทีแล้วกับการเฝ้าดูเฝ้าจ้ำจี้จำไชกับคนซึ่งไม่เคยคิดถึงใจคนอื่น...คนที่ไม่เคยจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
ฉันเป็นคนอารมณ์ร้อน หลายครั้งที่เกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นระหว่างเรา คำพูดอันรุนแรงมักจะออกจากปากฉันอย่างไม่ขาดสาย โดยมีเขายืนฟังอย่างไม่ค่อยจะสนใจใยดีเท่าใดนัก และนั่นก็มักจะยิ่งทำให้ดีกรีความโมโหของฉันทวีขึ้นอีก
...หากแต่ในเวลานี้ฉันเบื่อและเหนื่อยเกินกว่าจะพูดอะไรต่อไปได้อีก...
รถประจำทางชะลอมาแต่ไกลเพื่อที่จะหยุดให้พอดีป้ายรอรถ ฉันชะโงกหน้ามองหมายเลขที่หน้ารถ
ขาสองข้างก้าวยาวๆ พาฉันขึ้นบันไดรถทันทีแทบไม่ต้องรอให้รถจอดสนิทหวังจะให้บรรยากาศอันน่าอึดอัด...รวมถึงเขา...ไปเสียให้พ้นๆ โดยเร็ว
...แต่ผิดคาด...เขาก้าวขึ้นบันไดรถตามฉันมาติดๆ...
ที่นั่งเบาะคู่ด้านหลังประตูรถถูกใช้เป็นที่นั่งอย่างไม่สบอารมณ์โดยมีเขาซึ่งเดินตามติดฉันมานั่งขนาบอยู่ข้างๆ
...รถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากป้ายเมื่อผู้โดยสารขึ้นมาบนรถหมดแล้ว...
ฉันเบือนหน้าหนีไปมองทัศนียภาพภายนอกตัวรถเนื่องเพราะไม่ต้องการเห็นหน้าหรือเสวนากับเขาอีกต่อไป
เราขอโทษ...เราจะไม่ทำอีกแล้ว...พูดกับเราหน่อยเถอะนะ...ขอร้องล่ะ และก็เริ่มอีกครั้งกับคำพูดเดิมๆ ของเขาตลอดหลายปีที่เราคบกัน
...พูดอย่างนั้นหรือ...ที่ผ่านมายังพูดกันไม่พออีกหรือ...ไม่มีอะไรที่ต้องพูดกันอีกต่อไป...ไม่ต้องการเหตุผลใดๆ...และ...จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป...
...ทุกอย่างระหว่างฉันกับเขาจะจบลงในวันนี้อย่างแน่นอน...
เงียบทำไม...เธอทำอย่างนี้ทำไม...ทำไมไม่หันมาคุยกันให้รู้เรื่อง น้ำเสียงของเขาฟังเหมือนจะแข็งขึ้นเล็กน้อย
นี่...เธอจะไม่ยอมคุยกับเราจริงๆ ใช่ไหม เขาเปลี่ยนคำถาม อารมณ์ขุ่นมัวในน้ำเสียงเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งนั่นก็ทำให้การควบคุมสติอารมณ์ของฉันเริ่มหมดลงเช่นกัน
...อีกคำเดียว...ถ้าพูดมาอีกคำเดียว...มีเรื่องแน่...
จะเอาไงกันแน่ หา...หันมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้ เขาเริ่มตะคอก ประโยคคำสั่งถูกนำมาใช้แทนประโยคคำถาม
...ฉันหันกลับไปมองหน้าเขาในทันที...ความอดทนของฉันถึงขีดสุดเช่นกัน...
ก็ไม่เอาไงหรอกโว้ย...อย่ามายุ่งกับกูก็พอ ฉันแผดเสียงตามอารมณ์โมโหที่เกิดขึ้น
ทำไม...มันมีดีมากนักใช่มั้ย...ไอ้หน้าจืดที่เธอควงมาเย้ยเราน่ะ...หา คำพูดประชดประชันเริ่มถูกพ่นออกมาจากปากของเขา
เออ...แน่ล่ะ...เขาดีกว่าแกแน่...อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยทำให้กูเสียใจนั่นล่ะ...เขาไม่เคยผิดนัด...ไม่เคยมาสาย... ฉันพูดสาธยายความดีของไอ้หน้าจืดที่เขาพูดถึงอย่างที่ฉันเองก็นึกไม่ถึงว่าจะพูดออกมาได้มากขนาดนี้
...และแน่นอน...อารมณ์โกรธเกรี้ยวของเขาพุ่งขึ้นหน้าแทบจะในทันที...
หนอย...นังนี่...มันดีมากใช่มั้ย...มันดีมากใช่มั้ย เขากัดกรามแน่น พูดเสียงลอดไรฟัน สายตาแข็งกร้าว
ตั้งแต่คบกันมาฉันยังไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน...ฉันตกใจกับสายตาและท่าทางของเขา...ลงที่ป้ายหน้าเลยดีกว่า...คิดได้ดังนั้น ฉันก็ลุกจากที่นั่งในทันที
...เขาฉุดแขนฉันเอาไว้และยังคงลุกตามขึ้นมา...
...เพี๊ยะ...
เป็นไปโดยอัตโนมัติตามสัญชาติญาณการป้องกันตัว...ฉันตกใจกับการกระทำของตัวเองไม่น้อยทีเดียวที่กล้าตบหน้าเขา
หนอย...กล้าตบกูเชียวเรอะ... น้ำเสียงและหน้าตาซึ่งบัดนี้ที่แก้มซ้ายของเขาเริ่มมีรอยแดงจางๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากแรงตบของฉันแสดงความโมโหออกมาอย่างสุดขีด
เออสิวะ...แล้วจะทำไม...ไอ้... ถึงแม้ในใจลึกๆ จะกลัวไม่น้อย แต่ปากฉันก็ยังคงแสดงความเก่งออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน
เหมือนคนขับรถจะรับรู้ได้ว่าเรื่องอาจบานปลาย...ดังนั้น รถจึงถูกเร่งความเร็วขึ้นอีกเพื่อรีบที่จะจอดเทียบป้าย พร้อมๆ กับกระเป๋ารถเมล์เดินมาไล่คู่กรณีของฉันลง
อย่าให้กูเจออีกนะ...ถ้าเจออีกทีน่วมแน่... เขายังคงด่าทอฉันด้วยความเคียดแค้น
แน่จริงก็ตอนนี้เลยสิวะ...:-)...ไอ้... เอาสิ แกด่ามาฉันก็ด่าไป
เมื่อประตูรถปิดและรถเริ่มเคลื่อนที่ออกมาไกลจนเสียงด่าทอเงียบไปแล้ว...ฉันเดินหมดเรี่ยวแรงไปนั่งยังที่นั่งเดี่ยวฝั่งตรงข้ามกับที่นั่งเดิม
...จบกันที...
ฉันมองไปยังนอกหน้าต่าง ร่างกายเพิ่งรับรู้ได้ถึงสายลมเย็นที่พัดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา
...เรื่องระหว่างเขาและฉันในอดีตที่ผ่านมา...
...ความจริงแล้ว...ฉันรู้ดี...
เขาไม่ได้ผิด...และฉันเองก็เช่นกัน...เราทั้งคู่ต่างไม่มีใครเป็นผู้ผิด
...หรือไม่ก็...เราทั้งคู่อาจจะไม่มีใครถูก...
ตั้งแต่วันแรกที่เราเลือกที่จะคบกัน...ทั้งฉันและเขาต่างก็รับรู้...เราต่างยอมรับความคิดและการกระทำของกันและกันอยู่แล้ว
...ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง...และ...เขาเองก็รับรู้เรื่องของฉันเช่นกัน...
เขาก็เป็นของเขาอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร...ผิดนัด...ปล่อยให้คนอื่นคอยได้เป็นชั่วโมงๆ...ไม่ค่อยใส่ใจคนรอบข้าง...ใช่...เขาเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
แต่จะว่าไป...ข้อเสียของฉันก็คงจะไม่ได้น้อยไปกว่าเขา...และก็เช่นกันที่ฉันเองก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร
...ทั้งฉันและเขาอาจจะแค่คิดว่าสักวันเขาจะเปลี่ยนเพื่อเรา...แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม...ไม่มีใครเปลี่ยน...
หากจะพูดถึงสิ่งที่เปลี่ยนไประหว่างเราสองคน...บางที...มันอาจจะเป็นเพียงแค่ความต้องการที่มีมากขึ้นก็เป็นได้
ความต้องการที่จะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฝ่ายตรงข้ามที่มีมากขึ้น...นั่นทำให้ทั้งเขาและและฉันไม่อาจเห็นการกระทำที่ผ่านๆ มาเป็นเรื่องปกติได้อีกต่อไป
หรือจะว่าไป...บางที...อาจจะเป็นเพียงเพราะทั้งฉันและเขาไม่ได้รักกันแต่แรกแล้ว...หรือไม่ก็อาจจะเพราะเราไม่ได้รักกันมากพอ
...ใช่...มันไม่มากพอที่จะทำให้เขาหรือฉันยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่ออีกฝ่าย...
...หรือแม้กระทั่งมากพอที่จะเพียงแค่ยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น...
ความจริงแล้วหากจะตัดเรื่องอื่นๆ ของเขาที่ค่อนข้างจะขัดใจฉันออกไปให้หมด ฉันยอมรับว่าฉันยังรักเขาอยู่เช่นเดียวกับวันแรกที่เราคบกัน
ไอ้หน้าจืดที่เขาว่าก็เป็นเพียงเพื่อนที่ฉันขอร้องให้มาช่วยเดินควงกับฉันเท่านั้น
...ฉันหลับตา...ลมเย็นที่พัดผ่านใบหน้าและเส้นผม ทำให้เหงื่อซึ่งผุดอยู่เต็มก่อนหน้านี้แห้งสนิท...และทำให้จิตใจของฉันสงบลง...
สองข้างทางเริ่มเรียงรายด้วยต้นไม้น้อยใหญ่แทนความหนาแน่นของตึกรามบ้านช่อง
...จบแบบนี้ก็ดีแล้ว...ในเมื่อสักวันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่ดี...
...อย่างน้อยเรื่องระหว่างเขากับฉันก็ทำให้ฉันได้ค้นพบความจริงบางอย่าง...
...ความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่น...และยิ่งไม่ใช่เรื่องของการคาดหวังในสิ่งต่างๆ จากอีกฝ่าย...
...เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายได้ตลอดไป เช่นเดียวกับที่เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดไปได้เช่นกัน...
ฉันถอนหายใจ...ความรู้สึกไม่แน่ชัด...โล่งอก...ใจหาย...หรือว่าอะไรกันแน่
มือจับราวเหล็กที่เบาะนั่งด้านหน้าก่อนจะดึงกายให้ลุกขึ้น...ความมืดภายนอกรถทำให้ฉันมองเห็นตัวเองในกระจกประตูรถได้รางๆ...นั่นฉันหรือนี่...โทรมเชียว
...ตาคนที่ยืนอยู่ประตูข้างๆ นี่ยังไงกันแน่แฮะ...จะลงอยู่แล้วยังเอามือซุกไว้ในกระเป๋าสะพายอยู่ได้...ในนั้นมีอะไรสำคัญถึงขนาดต้องกำไว้ในมือตลอดเวลาหรือไงกัน...
...คงคิดว่าตัวเองเท่ตายล่ะ...
ประตูรถเปิดออก...ฉันเดินลงจากรถประจำทางสู่ความมืดมิดภายนอกตัวถังรถ
จากคุณ :
KTHc
- [
23 พ.ค. 51 21:37:51
]