พื้นเปียกพิรุณโปรย
วตะโชยยะเยือกเย็น
เมฆห้อมนภาเห็น
ชรอุ่มคละคลุ้มมัว
ฉ่ำนองละอองน้ำ
เผาะเผาะพรำกระทบตัว
เสียงหยาดพิรุณรัว
เปาะแปะทั่วพนาลัย
ฝนชุ่มตฤณชาติ
ระดะดาษระบัดใบ
หยดน้ำวะวับใส
กลเพชรสะเก็ดวาม
สาวเริงพิรุณรื่น
พิศชื่นสกนธ์งาม
ฝนเปียกพงาลาม
เกาะฉวีรุจียล
ผ้าแนบกะผิวเนื้อ
พิศเหลือจะทานทน
เพียงมองก็ต้องมน-
-ตระรวยระทวยกาย
พี่มองสิน้องเมิน
ฤจะเขินสะเทิ้นอาย
ชื่นนัยนาชาย
ขณะอึ้งตลึงแล
เธอชายชะม้ายเนตร
ดุจเด็ดฤดีแด
เพียงศรสะกิดแผล
อุระไหวฤทัยหวาม
สองดอกปทุมตูม
อุระอูมระอวบงาม
เต่งตั้งสะพรั่งยาม
ยุรยาตรดนูยล
พี่ชมภิรมย์ชื่น
รติรื่นระรวยมนต์
อยากเป็นละอองฝน
ชะพนิตชโลมนาง
เอวองค์อนงค์นาฏ
พิศวาทมิเลือนจาง
พิมพ์ภาพประทับกลาง
หฤทัยมิอาจถอน
อยากร่วมระเริงฝน
นฤมลก็ตัดรอน
นงนาฏปลาตจร
ละดนูตริอยู่เดียว
มองสรรพางค์ทรง
น่ะอนงค์ระหงเรียว
เธอลี้มิแลเหลียว
ดนุเปลี่ยวหทัยปลง
วนคอยถวิลหวัง
ตละครั้งพิรุณคง
พานางสวรรค์ลง
ภพเล่นระเริงชล
คอยหาก็แลหาย
ฤจะอายฤหน่ายฝน
คนรอก็ทุกข์ทน
ทรมานตลอดมา
(อินทรวิเชียรฉันท์๑๑)
จากคุณ :
คมเย็น
- [
30 พ.ค. 51 12:52:27
]