ตอนที่ 1 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6580092/W6580092.html
ตอนที่ 2 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6607286/W6607286.html
ตอนที่ 3 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6629985/W6629985.html
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 4
เสียงของผู้พูดบ่งบอกถึงความขัดเคือง ระคนกังขาไม่ต่างจากกำลังสีหน้าที่แสดงอารมณ์เดียวกันอย่างชัดแจ้ง สายตาไม่วางใจที่จ้องมาค่อยคลายความไม่เป็นมิตรลงเมื่อเห็นปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลที่กล่าวทักทายขึ้นก่อน จากนั้นจึงกวาดตามองยังชลทิชาครู่หนึ่ง ก่อนจะย้ายมาหยุดลงที่ประณต แล้วย้อนกลับไปหาวินิจอีกครั้ง
สองคนนี้คงเป็นทนายความกับหมอที่ผู้กำกับชุมพลบอกว่าจะมาดูที่เกิดเหตุกับตรวจศพนายคำซ้ำอีกรอบกระมัง
ระหว่างที่เจ้าพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำลังอึดอัดใจกับท่าทีของอีกฝ่ายและไม่แน่ใจว่าควรจะตอบคำถามนั้นว่าอย่างไร ก็มีคนช่วยให้เขาค่อยโล่งอกด้วยการตอบคำถามนั้นแทน
ใช่ครับ เราสองคนเป็นรุ่นน้องคณะของพี่วินิจ ชายหนุ่มค้อมศีรษะทักทายเจ้าของคำถาม พร้อมแนะนำหญิงสาวที่ยืนข้าง ๆ และตนเองให้ผู้มาใหม่ได้รู้จัก นี่คุณชลทิชา เป็นทนายความ ส่วนผมนายร้อยตำรวจตรีประณต
ประโยคที่เขาใช้แนะนำตัวทำให้ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูง แต่งกายด้วยเสื้อยืดโปโลแขนสั้น กางเกงยีน และรองเท้าหนังสะอาดเอี่ยมชะงัก พึมพำทวนสิ่งที่ตนได้ยินราวกับต้องการให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด ตำรวจ...?
ครับ ผมเป็นตำรวจ ไม่ใช่หมออย่างที่ผู้กำกับชุมพลท่านเข้าใจ ประณตรับ ผมมาเป็นเพื่อนคุณทิชา
ดู นพ. ศิโรตม์โล่งใจขึ้นบ้างเล็กน้อย เขาพยักหน้ารับรู้ ทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจกับข้อมูลนั้นนัก ทว่าร่องรอยความวิตกกังวลที่แฝงเร้นอยู่ในใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มกำลังบอกว่า ใจเขาไม่ได้นิ่งอย่างที่แสดงออก
ผมว่ารายงานการชันสูตรที่ผมทำไว้ให้ทางตำรวจก็น่าจะชัดเจนพอสมควรแล้วนี่ แพทย์ประจำสถานีอนามัยยิ้มมุมปากให้นายตำรวจหนุ่มคล้ายตั้งคำถามว่า คนที่ไม่ได้เรียนแพทย์มาอย่างเขาน่ะหรือ จะมีความรู้เทียบได้กับคนที่เรียนมาทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติมาโดยตรง
ผู้หมวดเห็นข้อพิรุธหรือความไม่ถูกต้องอะไรในการทำหน้าที่ของผมงั้นหรือ... ผลการชันสูตรของผมมีอะไรตรงไหนที่น่าสงสัยถึงขนาดต้องตรวจศพซ้ำอีก
เขาเอ่ยพร้อมเลิกคิ้วน้อย ๆ และล้วงกระเป๋า... ท่าทีอย่างนี้ยั่วโทสะคู่สนทนาอารมณ์ร้อนได้มากพอดู หากในขณะเดียวกันการพูดโดยยัดมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกงเป็นภาษาท่าทางที่บอกว่าไม่ต้องการให้ใครมาวุ่นวายกับตนเอง เป็นกลไกการป้องกันตัวอย่างหนึ่งเช่นกัน
ความรู้ที่ผมได้รับมาจากการอบรมไม่เท่ากับคนที่เรียนทางแพทย์มาโดยตรงแน่นอนครับ ประณตบอก เรียกว่าผมมีข้อสงสัยบางประการที่ยังไม่เข้าใจ และต้องขอความรู้เพิ่มเติมจากคุณหมอคงจะดีกว่า
ได้... ผู้หมวดกับคุณทิชาอยากทราบอะไรก็ถามมาได้ นพ. ศิโรตม์ว่า
ขอบคุณครับ นายตำรวจหนุ่มยิ้มด้วยรอยยิ้มเย็นที่เพื่อนสนิทอย่างชลทิชาเห็นแล้วถึงกับหนาวเยือกแทนฝ่ายที่เขากำลังพูดด้วยขึ้นมาทันที
ก่อนอื่นผมขอถามอะไรคุณหมอหน่อยนะครับ แล้วคงต้องขอโทษด้วย ถ้าอาจเป็นการเสียมารยาทไปบ้าง เขาไม่ยอมเสียเวลาเลยสักนิด คุณหมอมาหาใคร หรือมาทำธุระอะไรแถวนี้หรือครับ
นพ. ศิโรตม์ขมวดคิ้ว คุณอยากทราบไปทำไม
บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่ ยอดอยู่ที่สถานีตำรวจ พี่สาวสองคนของยอดยังไม่กลับมา ศพน้าคำอยู่ที่วัด ประณตเหลือบมองรถแคริบเบียนสีดำซึ่งมีเศษดินและเศษหญ้าจากทางเข้าสวนเกาะอยู่บนล้อและเลยไปยังถนนดินที่ทอดจากจุดที่ตนยืนอยู่ไปยังปากทางด้วยความยาวอย่างน้อยสองกิโลเมตรแวบหนึ่ง ผมไม่ได้ยินเสียงรถ ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูรั้ว รู้สึกตัวอีกทีก็พบคุณหมอเรียกพวกเราอยู่ในบ้านของยอดแล้ว เลยแปลกใจนิดหน่อย
อ้อ... เป็นคำตอบคำเดียวจากอีกฝ่ายที่เกิดขึ้นหลังคำอธิบายเรียบ ๆ ของเขาจบลง และคำตอบที่ตรงกับคำถามแรกก็ตามมาหลังจากนั้นร่วมอึดใจใหญ่ ผมมาหาพี่หล้าที่บ้านน่ะ บังเอิญเห็นคนอยู่ในบ้านยอด ก็เลยเดินลัดสวนตรงที่รั้วมันพังอยู่ออกมาดูน่ะ
เขาชี้จุดที่รั้วกั้นเขตที่ดินของหล้าปราศจากลวดหนามขึงเป็นแนวยาว เช่นเดียวกับรั้วไม้ไผ่ของเขตบ้านยอดที่เว้นว่างไว้ตรงตำแหน่งเดียวกัน ทั้งสองจุดเป็นการเว้นว่างอย่างจงใจและห่างไกลจากคำว่าชำรุดเต็มที
วินิจลอบกระซิบบอกชลทิชาเบา ๆ ที่จริงช่องว่างตรงนี้ คือ ทางที่สองบ้านนี้ไปมาหาสู่กันละ...
เมื่อสบตากับรุ่นพี่ เธอก็พบว่าเขากำลังคิดเช่นเดียวกับเธอในเรื่องคำตอบของแพทย์อนามัย... เรื่องเดียวที่น่าจะเป็นความจริง คือ เรื่องที่เขามาหาพี่หล้า
ที่จริงคำถามแรกของประณตเป็นคำถามธรรมดาที่เขาควรจะตอบได้ทันที ไม่ใช่ถามกลับอย่างที่เป็นอยู่ และที่เขาว่า บังเอิญเห็น ก็ไม่น่าความบังเอิญอย่างที่บอก เพราะหากมองผ่านช่องว่างระหว่างรั้วเข้าไปก็จะเป็นสวนลำไยซึ่งเต็มไปด้วยไม้ผลที่แตกพุ่มหนา และตัวเรือนที่พักอาศัยของเจ้าของที่ก็อยู่ลึกเข้าไปอีกไม่น้อย
ความเป็นไปได้ที่เธอคิดอยู่ คือ เขาคงจะทราบเรื่องของพวกเธอจาก พ.ต.อ. ชุมพล จึงได้มาที่บ้านของพี่หล้า จอดรถไว้ที่นั่น แล้วเดินลัดสวนมายังบ้านของยอดเมื่อเห็นพวกเธอ
ทนายความสาวไม่รู้ว่า พี่หล้าทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของหมอศิโรตม์หรือไม่ และมีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ แต่จากท่าทีของเพื่อนรักที่เธอไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้บอกว่า หญิงเจ้าของบ้านซึ่งมีฐานะเป็นผู้อุปถัมภ์ครอบครัวของยอดกลาย ๆ ผู้นี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้นไม่มากก็น้อย
ถ้าให้เดาใจคนตัวสูงที่ยืนยิ้มอยู่ตรงนี้ละก็... บุคคลรายต่อไปที่เขาอยาก คุย ด้วยคงไม่พ้นเธอคนนั้น
ระหว่างที่เธอสังเกตการสนทนาของชายหนุ่มทั้งสองที่ความเงียบก่อตัวขึ้นแทนที่และเริ่มมีบรรยากาศชวนอึดอัดแทรกเจือเข้ามาทีละน้อย แต่แล้วเธอก็ต้องหันไปมองเพื่อนของตนด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาได้ทำลายความเงียบนั้นลงด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ
ผมนึกว่าคุณหมอลืมอะไรไว้ หรืออยากกลับมาดูที่เกิดเหตุซ้ำอีกรอบเสียอีกถึงได้ดูกังวลมากมายตอนที่เห็นเรากำลังจะขึ้นไปบนเรือน
ประโยคดังกล่าวฟังเผิน ๆ แล้วเหมือนกล่าวแบบทีเล่นทีจริง หากน้ำเสียงและแววตาที่จับยังใบหน้าของอีกฝ่ายมีความหมายตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เหมือน ตำรวจดี อย่างเขากำลังหันไปเล่นบท ตำรวจร้าย อยู่อย่างไรอย่างนั้น...
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอคุ้นเคยเลย และผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเป็นกิริยาตอบสนองของ นพ. ศิโรตม์ที่ทั้งนิ่งงันอย่างตกตะลึง ทั้งอับจนถ้อยคำกะทันหันทั้งที่แสดงทีท่ามั่นใจในตนเองมาตลอดราวกับว่าข้อสังเกตของประณตกระทบใจเขาเข้าอย่างจังก็เป็นสิ่งที่เธอไม่คาดหมายว่าจะได้เห็นด้วยเช่นกัน
หญิงสาวร้องในใจด้วยศัพท์ในกีฬาฟันดาบสากลที่ใช้ขานเมื่อนักดาบแทงถูกคู่ต่อสู้... Touche!
--------------------------------------------------------------------------------
(มีต่อนะคะ)
แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 51 00:21:42
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 51 23:29:25
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 51 22:59:01
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 51 22:58:16
จากคุณ :
ปิยะรักษ์
- [
30 พ.ค. 51 22:56:03
]