1/2/2549
วันนี้เป็นวันแรกของเดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรักที่ใครต่อใครเฝ้าคอยรอ อย่างใจจดใจจ่อ แต่สำหรับฉันมันคงจะไม่มีความหมายกับฉันเท่าไหร่นัก...
เพราะฉันนั้นมีความรักที่จะให้เธอ ทุกๆ วัน...
ไม่มีเว้นวันพระ และวันหยุดราชการ...
ไม่มีลากิจ หรือลาป่วย...
แต่มันก็น่าน้อยใจ...ที่เธอไม่เคยรู้...(หรือแกล้งไม่รู้ว่ะ) เวงกำ...
2/2/2549
วันนี้ วันพฤหัสฯ เป็นวันที่ 2 ของเดือนแห่งความรัก ฉันอยากจะให้วันวาเลนไทน์มาถึงเร็ว ๆ จัง ฉันมีความในใจบางอย่างที่จะสารภาพกับเธอ...ความในใจของฉัน...ที่มันมันอัดอั้นมานาน...ความรู้สึกในใจ...ที่ฉันพยายามแสดงให้เธอได้รู้จากการกระทำของฉัน...แต่เธอก็ไม่เคยรู้เลยแม้สักครั้งเดียว
บางทีฉันยังไม่เข้าใจเลยว่า...เธอไม่รู้จริง ๆ (โง่) หรือว่าเธอแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่...ฮื้อ...ถามจริง
แต่ฉันก็ได้แต่หวังว่าสักวัน...เธอจะเห็นฉันอยู่ในสายตาของเธอมั่ง...
3/2/2549
วันก่อนอ่านหนังสือเรื่อง “นภานุภาพ” เป็นอีกเรื่องที่ชอบมาก ๆ เรื่องความรัก 3 เศร้า ที่ไม่ลงตัว ระหว่าง 1 หญิง 2 ชาย อนิลกับ ธารฟ้า 2 คน ที่ผูกพันกันตั้งแต่วัยเยาว์ อีกหนึ่ง นพปฎล ชายหนุ่ม ที่ทำให้ ธารฟ้า หวั่นไหว เมื่อ ดล ได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของฟ้า ทำให้ชายหนุ่มอีกคนรู้สึกร้อนรุ่ม หวั่นไหว ไม่อยากจะเสียเธอไป แรกๆ เขาคิดว่า คงเป็นแค่ความรู้สึกหวงแหน ในสิ่งของที่เคยมี ของที่เคยเป็นของเขา เมื่อเนิ่นนานไป เขาจึงรู้ว่า สิ่งนั้นมันคือ ความรัก ความผูกพันธ์ ที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ ที่เขาและเธอนั้นพึ่งจะค้นพบ...
อย่างน้อยผู้ที่อ่านหนังสือเล่มนี้...คงจะได้แรงบันดาลใจให้กับตนเอง ในการที่จะค้นหาความรัก...ความรักที่ถูกซ่อนเร้นอยู่ในใจ...ความรักที่ถูกความใกล้ชิดสนิทสนมนั้นบดบัง
อีกเรื่องที่น่าอ่านมาก…. “พิมมาลา” บทประพันธ์ของ “แก้วเก้า”
เรื่องราวความรัก และความพลัดพราก ชายหนุ่มเพลย์บอยที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ ที่พร้อมจะกระชากใจหญิงสาวทุกคน แต่เมื่อโชคชะตาเล่นตลก ให้เขาต้องพิสูจน์ความรักกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยรักเขาเหลือเกิน แต่เป็นเขาเองที่ทำลายความรู้ดีๆ นั้น วันหนึ่งเธอกลับมาพร้อมกับชายหนุ่มอีกคน เขาเจ็บปวดเหลือเกินที่เห็นเธออยู่เคียงข้างกัน
เขาจะทำอย่างไร เมื่อต้องทำความรู้จัก ทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งกับความรู้สึกของผู้หญิง ที่เขาเองเคยทะนงตนมาตลอดว่าเขารู้จักพวกเธอดีแล้ว เขาจะต้องทำอย่างไร เมื่อต้องกลับไปขอโทษเหล่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยทำร้ายจิตใจของพวกเธอ บททดสอบความรักอันแสนหฤโหดและยาวนาน เขาจะผ่านพ้นไปได้หรือไม่
เป็นอีกเรื่องที่น่าอ่านมาก ความหนาของหนังสือเกือบ 1000 หน้า อ่านสนุกจนทำเอาฉันวางมันไม่ลง ฉันว่านะ มันเหมาะมากสำหรับคนที่ไม่เคยเข้าใจในความหมายของคำว่า “รักแท้” เหมือนเช่นเธอ...ล้อเล่นนะ
อีกเรื่องเป็นแนว สงคราม เรื่อง “ จุดหมายที่บินหว่าห์” เป็นเรื่องราว ของหน่วยรบ “จงอางศึก” ของกองทัพไทย ที่เข้าร่วม สงครามเวียดนาม…น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น “ผ่าปฏิบัติการ ฉกทองสะท้านโลก” ก็มีอย่างที่ไหนหล่ะ อยู่ดี ๆ ไปสวมรอย กองทัพเวียดนาม เข้าตี เวียดกง ด้วยกำลังเพียง 1 กองร้อย โดยมีทองคำแท่ง มูลค่ามหาศาล เป็นเดิมพัน
อีกเรื่องที่อ่านสนุกน่าติดตาม ถ้านำมาสร้างเป็นภาพยนตร์คงจะได้หนังแอ็คชั่นพันธ์ไทยดีๆ อีกเรื่องหนึ่ง ดีกว่าทำหนังผี หรือหนังสารพัดกระเทยเกลื่อนตลาดอย่างนี้
ป.ล พึ่งรู้ว่าพระนเรศวรฯ เป็นลูกของพระธรรมราชา ฯ เป็นหลานของ สมเด็จพระศรีสุริโยทัย ฯ โง่จังหว่า…เป็นคนไทยป่ะเนี่ย
คิดถึงเธอจัง...เมื่อไหร่จะได้เจอกันก็ไม่รู้นะ วันเวลาที่มันผ่านไป ทำให้ใจของเธอเปลี่ยนไปมั่งหรือเปล่านะ ฉันอยากรู้ อยากรู้ความในใจของเธอ อยากรู้ในอนาคตเรื่องราวระหว่างเรามันจะจบลงอย่างไร
4/2/2549
ตอนเช้าฉันนั่งรถเมล์กลับมาบ้านด้วยอาการง่วงนอนเป็นที่สุด เมื่อคืนฉันไม่มีโอกาสหลับเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อตอนหัวค่ำมีเรือล่องมาจากระนองเข้ามาจอดเทียบท่าอยู่ที่นี่ คนเรือเดินเข้าออกทั้งคืน
ฉันกลับมาถึงที่ร้านเป็นเวลาประมาณ 07.20 โดยประมาณ
เปิดร้าน เปิดทีวีเอาไว้ฟังข่าว นั่งบันทึกอะไรอยู่เรื่อยเปื่อย
เมื่อวันก่อนฉันตั้งใจใว้ว่าจะไปร่วมปิดทององค์หลวงพ่อโสธร ฉันคิดเอาไว้แล้ว อยากจะไปวันธรรมดา เพราะวันหยุดคนคงจะเยอะแน่นอน จนแล้วจนรอดฉันก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที เพราะวันใหนที่ฉันตั้งใจว่าจะไปต้องมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งให้ฉันต้องนั่งแกร่วอยู่ที่ร้านทุกที
จนมาถึงวันนี้ ซึ่งก็ใกล้จะเป็นวันปิดงานเข้ามาทุกที
ในแว็บแรกของความคิดของฉันที่มันผุดขึ้นมาในตอนนี้ ฉันคิดถึงเธอ ฉันอยากจะชวนเธอมาร่วมทำบุญปิดทอง(หลังพระ)ด้วยกัน ลำพังเธอเองก็คงจะมีโอกาสที่จะได้ทำบุญอยู่บ่อยครั้ง แต่สำหรับคนใจบาปอย่างฉันแล้ว มันไม่ค่อยจะได้เข้าใกล้พระสงฆ์องค์เจ้าสักเท่าไหร่นัก
มีหลายๆครั้งเมื่อฉันเลิกงานเดินทางกลับมาถึงปากซอยหน้าบ้าน ฉันมักจะยืนมองดูคนเขาซื้อของใส่บาตรกัน โดยมีแม่ค้านำเอาชุดอาหารสำเร็จ (มีอาหาร น้ำ ดอกไม้ธูปเทียน พร้อมน้ำสำหรับกรวด ราคา 20 บาท) มาวางจำหน่ายอยู่หน้าปากซอย
ฉันอยากจะใส่บาตรเหลือเกิน แต่ฉันก็ไม่กล้า
มันรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันนะ ที่จะไปทำอะไรๆ ที่เราไม่เคยทำมาก่อน มันเขิน ๆ ยังไงไม่รู้
เธอว่าไหมโลกนี้มันชักจะแปลก ๆ ไปทุกที ทุกวันนี้คนเรามักจะอายเมื่อทำความดี เธอเคยสังเกตไหม ตอนที่เราขึ้นรถเมล์ แล้วลุกให้ใครนั่งสักคน มักจะมีสายตาแปลกๆ มองมา
ฉันไม่ค่อยแน่ใจนัก ว่านั่นเป็นสายตาที่มองมาอย่างชื่นชม
หรือว่า แอบนินทา แอบหมั่นไส้อยู่ในใจ
เพราะฉะนั้น หลายๆ คน เลือกที่จะ(แกล้ง)หลับ เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เหล่านั้น ฉันเองก็ก็เคยลองทำดูเหมือนกันนะ แต่ไม่ค่อยจะสำเร็จสักเท่าไหร่ เพราะทนกับความใจอ่อนของตัวเองไม่ไหว จนฉันต้องสร้างกฎเหล็กขึ้นมาเพื่อจัดการกับสถานการณ์เหล่านี้โดยเฉพาะ
คนที่ฉันจะลุกให้นั่งได้นั้น มีอยู่ 3 จำพวก คือ
เด็กเล็ก คนท้อง และคนชรา
นอกจากนั้นหมดสิทธิ์ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนอย่างหวังเลย เพราะเด็ก(นรก)พวกนี้เป็นวัยที่กำลังโต แรงดี วิ่งหยอกกันที่โรงเรียนทั้งวัน สมควรที่จะให้ยืนต่อไป เพราะต่อไปจะได้ชินและสร้างความคุ้นเคยกับการห้อยโหนรถเมล์ให้เกิดความชำนาญ
ผู้หญิง ถ้าไม่ใช่คนท้อง และคนชรา ก็หมดสิทธิ์เหมือนกัน เพราะพวกเธอเองที่เรียกร้องอยากให้สิทธิของสตรีเทียบเท่ากับผู้ชาย และฉันก็ให้สิทธิพวกเธอเหล่านั้นได้ห้อยโหนรถเมล์เหมือนกัน เดี๋ยวจะหาว่ากีดกัน ลิดรอนสิทธิกันอีก
ตกลงแล้วฉันมาวนๆ ถึงเรื่องรถเมล์ได้อย่างไรกัน งง
กลางวันไปซื้ออะไหล่ที่บ้านหม้อ แอบเถลไถลไปเรื่อยๆ ยังไม่อยากกลับบ้าน
วันนี้แอบไปอ่านหนังสือที่ร้านเหมือนเคย แม้ว่าจะเมื่อยเหลือเกินกับการที่ต้องยืนอ่านนานๆ แต่มันก็คุ้มค่า เพราะหนังสือทุกวันนี้มันแพงเอาการเลย เธอรู้ไหมว่าทุกวันนี้หนังสือความยาวประมาณ 200-300 หน้าฉันใช้เวลาอ่านไม่เกินชั่วโมง
มันคล้ายๆ ไม่ได้อ่าน เพราะฉันใช้วิธีการกวาดสายตาไปทีละ 2 บรรทัด แล้วค่อยใช้สมองอันน้อยนิดเรียบเรียงมันขึ้นมาใหม่ แม้ว่ามันจะไม่เข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง แต่ฉันก็จับใจความสำคัญของมันได้
นี่แหละคือวิธีตลกบริโภคที่ฉันถนัดอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีที่เนียนมากๆ เพราะมันเหมือนกับการทำท่าจะเลือกซื้อหนังสือเล่ม แต่พอมัน(ฉัน)อ่านจบ มันก็ไป
วันนี้ฉันขลุกอยู่ที่ร้านหนังสือเช่าเหมือนทุกวัน ช่วงนี้หนังสือมันขึ้นสมอง เพราะการทำงานในกะดึกอย่างนี้ มันคงจะไม่มีอะไรดีกว่าการนั่งอ่านหนังสือเป็นแน่
ฉันหยิบหนังสือ “เพชรพระอุมา” ตอนไพรมหากาฬ เล่มที่ 2,3,และเล่มที่ 4 ขึ้นมา ค่ำคืนนี้คงจะเป็นคืนที่น่าตื่นเต้นสำหรับฉันอีกวัน กับการได้ท่องเที่ยวไปในโลกแห่งจิตนาการกับนวนิยายแนวพจญภัยที่ได้ชื่อว่า เป็นนิยาวที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งเขียนโดยคนไทย
ฉันเคยเห็น “เพชรพระอุมา” ตั้งแต่สมัยที่ฉันยังเรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคสุรินทร์ แต่ฉันไม่ได้ทำความรู้จักกับมันอย่างจริงจัง คงเป็นเพราะในห้องสมุดของวิทยาลัยฯ เป็นหนังสือเล่มใหญ่ ปกแข็งสีแดง ดูเก่าคร่ำครึ กระดาษออกสีเหลืองๆ ฉันเคยหยิบมาดูในบางครั้ง แต่แล้วก็เก็บมันเข้าชั้นเหมือนเดิม
4-5 ปีต่อมาหลังจากนั้น ฉันก็ได้รู้จักกับรพินทร์ ไพรวัลย์อย่างจริงๆ จังๆ หลังจากที่ได้ยินกิติศัพท์ของเขามาจากหลายๆ คนก่อนหน้านี้ ถึงขนาดมีการกล่าวกันว่า “ ครั้งหนึ่งของชีวิตลูกผู้ชาย คุณต้องรู้จักรพินทร์ ไพรวัลย์” ไม่เช่นนั้นก็เสียชาติเกิด เอากันขนาดนั้นเลย
ครั้งแรกที่ฉันได้อ่านก็ทำให้ฉันถึงวางไม่ลง ฉันยังจำได้ว่าเล่มแรกที่ฉันได้อ่านก็คือ จอมพราน เล่มที่ 3 ตอนที่ฉันไปสมัครงานที่อ่าวอุดม (แหลมฉบัง) เพราะว่ามีเพื่อนอีกคนหนึ่งก็กำลังอ่านอยู่เหมือนกัน(ตอนนั้น ฉันยังทำงานอยู่ที่คลอง 4 ) ไม่มีคำนิยามใดๆ สำหรับนวนิยายเรื่องยาวเรื่องนี้ หลังจากที่ได้อ่านครั้งแรก ฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาเสาะแสวงหามาอ่าน แต่ก็ไม่ได้อ่านสักที
หลังจากนั้นอีก 2 ปี จากบางพลี จนฉันย้ายไปอยู่มหาชัยนั่นแหละความตั้งใจของฉันจึงได้สำเร็จลง หลังจากที่หามานาน เธอรู้ไหมว่าเฉพาะภาคแรก ภาคเดียวก็มีถึง 5 ตอน แบ่งเป็นตอนละ 4 เล่ม ความหนาเล่มละประมาณ 400 กว่าหน้า ราคาเล่มละ 200 บาท มันก็หนักเอาการเหมือนกันนะถ้าจะซื้อมาเก็บไว้ ซึ่งนั่นก็เป็นความฝันของสาวก
รพินทร์ ไพรวัลย์ทุกคนที่อยากจะมีหนังสืออยู่ในครอบครอง
ฉันหยิบหนังสือใส่กระเป๋า 2 เล่ม อีกเล่มหนึ่งถือเอาไว้อ่านในขณะรอเรือข้ามฟาก ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ฉันทำเป็นประจำ เจ้าของร้านก็ค่อนข้างจะงงเหมือนกันว่าภายในวันเดียวฉันอ่านจบได้อย่างไรตั้ง 3 เล่ม นี่แหละที่ทำให้ฉันได้เครดิตพิเศษไม่ต้องรอคิวจองหนังสือกับใคร เพราะถ้ามีคนอื่นมายืมเล่มเดียวกับฉัน เจ้าของร้านจะให้คิวฉันอ่านก่อน มันเหมือนเป็นเด็กเส้นอย่างไรไม่รู้แฮ่ะ
ระยะทางจากท่าเรือข้ามฟากไปถึงที่ทำงานของฉันต้องเดินไปอีกประมาณ 500 เมตร
มาถึงโรงงานเดินดูความเรียบร้อยเสร็จ ท่าน้ำริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนเป็นที่ที่ฉันมานั่งอ่านหนังสือพร้อมๆ กับดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าในยามเย็น มีหลายครั้งที่ฉันอุตริขึ้นไปนั่งอ่านหนังสือบนเรือ นอกจะไม่ค่อยจะมีสมาธิแล้ว มันยังจะทำให้ฉันเมาคลื่นไปด้วย
ฉันพักสายตาเพราะความเมื่อยล้าจากการจ้องอ่านหนังสือมานาน แหงนดูท้องฟ้าดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวในวันข้างขึ้นลอยเด่นสูงขึ้นตามลำดับ ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน เธอรู้ไหม
ฉันได้แต่พร่ำภาวนาทุกๆ วัน ฉันอยากพบเธอเหลือเกิน มันก็นานเหมือนกันนะกับเวลาที่เราจากกันมา ยิ่งในตอนนี้ด้วยแล้ว ฉันต้องทำงานหนักขึ้น กลางวันก็ทำงานอยู่ที่ร้าน ส่วนกลางคืนที่ผู้คนส่วนใหญ่นอนหลับใหล ฉันก็ต้องมานั่งเป็นเพื่อนหมู่ดาว นั่งอยู่ใต้เงาจันทร์อย่างเดียวดายอยู่ที่นี่
ตอนนี้เธอจะทำอะไรอยู่นะ ฉันหยิบโทรศัพท์มาดู ตอนนี้เวลา 3 ทุ่มกว่าๆ ฉันเดินออกไปหน้าบริษัท เข้าไปหยอดเหรียญ กดหมายเลขเพื่อโทรไปหาเธอ
รู้ไหมว่าฉันต้องใช้ความพยายามเพียงใด กว่าที่ทำให้คนที่หาความโรแมนติคไม่เจออย่างฉัน พูดเพื่อจะหว่านล้อม ออดอ้อนให้เธอยอมทิ้งงานมาเจอฉันได้ และอีกอย่างหนึ่งฉันอยากจะร่วมทำบุญด้วยกันสักครั้งหนึ่ง มันคงจะหาโอกาสดีๆ อย่างนี้ได้ไม่บ่อยนักหรอกนะ กับการที่จะได้ปิดทององค์หลวงพ่อโสธร
(เรื่องสั้นแบบยาวๆ อ่ะนะ ขี้เกียจรอตามไปอ่านต่อที่นี่ครับ)
http://watbanchumseang.igetweb.com/index.php?mo=1
จากคุณ :
อนันดา ชาติกุญชร
- [
11 มิ.ย. 51 20:45:36
A:202.149.24.129 X:
]