เพ้อ
ค่ำคืน...
ดวงจันทร์ลอยเด่นงดงามอยู่กลางความมืดมิดของฟากฟ้า
ดวงดาวแตะแต้มกระพริบประดุจต้องการหยอกเย้ากับผู้ที่เฝ้าดู
ลมเย็นโชยผ่านผิวหน้าพอให้รู้สึกผ่อนคลายจากการตรากตรำในช่วงที่ตะวันยังไม่ลับฟ้า
ช่วงเวลาเช่นนี้ดูเหมือนจะเป็นเวลาซึ่งเป็นมิตรยิ่งกับสิ่งมีชีวิตบนพื้นโลก
หากแต่ในเวลานี้มันกลับไม่ใช่สำหรับคนบางคน
...คนที่นั่งอยู่ตรงนี้...
ในวันที่ไม่มีเขา ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะดูเปลี่ยนแปลงไป
มันเป็นความไม่คุ้นเคย ความรู้สึกราวกับจะบอกว่าอะไรบางอย่างได้ขาดหายไป
เหมือนถูกพรากสิ่งที่เคยมาเติมเต็มให้กับชีวิต
ราตรีที่เคยเป็นมิตรกับทุกผู้กลับดูโหดร้ายได้อย่างน่าใจหายเมื่อมันนำความมืดมิดมาทาบทับฟากฟ้า
ดวงจันทร์และแสงดาวซึ่งเคยดูงดงามชวนฝันทุกเมื่อที่ได้ยล
บัดนี้แสงกระพริบจากดวงดาวกลับดูเหมือนต้องการจะหยอกเย้าดวงจันทร์นวล
เพื่อให้ผู้ที่คอยเฝ้าดูอิจฉาและร้อนรน
...เงียบเหงาจับใจ...
ลมเย็นอ่อนๆ ที่ปะทะผิวกายกลับทำให้รู้สึกเหน็บหนาวเย็นเยือกอย่างบอกไม่ถูก
...นับแต่บัดนี้จะไม่มีเขาอีกแล้ว...
คนที่เคยนอนมองดูความสวยงามของฟากฟ้ายามค่ำคืนด้วยกัน
คนที่เคยจับมือ โอบประคอง ยิ้มแย้ม และให้กำลังใจกัน
พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปกับวันที่จะไม่มีเขา
...มืดมน...เลือนรางเหลือเกิน...
ไม่อาจมองเห็นอะไรได้ชัดเจนเหมือนเก่าก่อน
แม้เพียงในห้วงคะนึงนั้น
ภาพที่เคยชัดเจนเหมือนถูกขวางกั้นโดยม่านน้ำตา
...ใจหาย...
ลอยคว้าง เบาโหวงอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนี้จะยังคงลุกขึ้นยืนได้อีกไหม
จะยังมีแรงเหลืออีกไหม
ยามหลับตาจะยังคงเห็นภาพเขาในนั้นหรือเปล่านะ
ควรดีใจหรือเสียใจหากถ้าต้องเห็นเขาในนั้นจริงๆ
เป็นรอยยิ้มหรือน้ำตากันแน่ที่จะออกมาทักทายในโลกแห่งจินตภาพนั้น
น้ำใสไหลออกจากหน้าต่างของจิตใจของเงียบเชียบ
...เดียวดายเหลือเกิน...
ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง...
ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น...
ต่อจากนี้...
......................................
...แสงแห่งทิวาทอลงมาอย่างอ่อนโยน
ความอบอุ่นโอบคลุมรอบกาย
ลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกแห่งแสง พบโลกแห่งความเป็นจริงตรงหน้าอีกครั้ง
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้แสงทองยังคงสว่างไสวเช่นเดิม
...มันเป็นเช่นนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง...
ใครสักคนในความทรงจำอันเลือนรางเคยบอกเอาไว้
คนเรามีความรู้สึกสามอย่างกับดวงอาทิตย์
รู้สึกไม่ชอบ...
หากต้องตรากตรำอยู่ภายใต้ความร้อนที่แผดลงมาเบื้องล่าง
ไม่รู้สึกชอบหรือไม่ชอบเป็นพิเศษ...
หากไม่ได้รับผลกระทบหรือประโยชน์ใดๆ จากความร้อนนั้น
รู้สึกชอบ...
หากจะได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ดวงอาทิตย์ส่งมายังเบื้องล่าง
...และสำหรับในเวลานี้...
คงจะเป็นความรู้สึกอย่างหลังกระมังที่รู้สึกได้กับเวลาเช้าที่เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกอยากให้มาถึง
โลกถูกสร้างมาอย่างสมดุล ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ
มีกลางคืนย่อมมีกลางวัน มีวันฝนตกย่อมมีวันฟ้าใส
นึกขอบคุณอยู่ในใจที่ธรรมชาติสร้างให้มีกลางวันสลับสับเปลี่ยนกับกลางคืน
...เวลาแห่งจินตนาการและเวลาแห่งความเป็นจริง...
เวลาที่จิตใจล่องลอยและเวลาที่จิตใจอยู่กับตน
อย่างน้อยความสว่างตรงหน้าในยามนี้ก็ยังบอกว่า...
ทุกอย่างตรงหน้าภายใต้แสงตะวันนี้ยังคงจับต้องได้ ไม่ได้เคว้งคว้างล่องลอยเหมือนรัตติกาลที่ผ่านมา
...ไม่ได้เดียวดายเหมือนคืนอันเหน็บหนาวที่ผ่านพ้นไปอย่างยากลำบาก...
ถึงขาดใครไปสักคนโลกก็ยังคงหมุนต่อไป ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงดำเนินไปในทางที่มันควรจะเป็น
...ใช่...ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงต้องดำเนินไป...
ถึงขาดเขาก็ยังคงต้องก้าวเดินไปข้างหน้า และเวลาก็จะยังคงเดินต่อไปเช่นกัน
ใช่แล้ว มันเป็นอย่างนั้น และมันก็จะยังคงเป็นอย่างนั้นต่อไป และตลอดไป
ทั้งๆ ที่ก่อนหลับตาในหัวยังคงสับสนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
แต่ตอนนี้กลับจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนฝันถึงเขาหรือไม่หรือได้ฝันเรื่องอะไร
...มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว...
ยันกายลุกขึ้นและยิ้ม ตาจ้องมองตะวันกลมโตเบื้องหน้า
สิ่งเหล่านี้จะทำให้ยืนหยัดและดำรงอยู่ต่อไปได้
จะกังวลทำไมกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคยที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
เพราะสุดท้ายความคุ้นเคยกับอะไรที่ไม่คุ้นเคยนั้นก็จะมาเยือนเข้าสักครั้งอย่างแน่นอน
...ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...
จะต้องกลัวอะไรกับค่ำคืนอันเหน็บหนาว
ในเมื่อสุดท้ายมันก็จะผ่านพ้นไปพร้อมๆ กับความอบอุ่น
...และ...แสงแห่งวันพรุ่งก็จะเข้ามาแทนในที่สุด
จากคุณ :
KTHc
- [
13 มิ.ย. 51 20:42:49
]