 |
ประสบการณ์/รังวัดที่ดิน/ชาวดินสระบุรี
น้ำใจ..มาจากน้ำฝน... โดย ราส์ส กิโลหก มีเรื่องสนุกเล่าให้ฟังเรื่องนึง......ประมาณ ปี 2522 ผู้เขียนเป็นช่างรังวัดพาลูกน้อง 6 คนไปทำการรังวัดออกโฉนดให้กับชาวบ้าน ในท้องที่ตำบลหนึ่งในจังหวัดสระบุรี เป็นการรังวัดแบบเรียงหน้ากระดาน คือรังวัดรวมๆกันไปที่เดียวหลาย สิบแปลงหลายร้อยแปลง ระยะเวลาตามโครงการ ประมาณ 6 เดือน.. ขั้นตอนแรกแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านและ กำนันเรียกชาวบ้านมาประชุมกันที่ศาลาวัด ผู้ใหญ่บ้านก็เกณฑ์ลูกบ้านของตัวเองมา ทำการสำรวจลูกบ้านที่จะขอรังวัดออกโฉนด แล้วนำรายชื่อทั้งหมดนำมาให้ผู้เขียนเพื่อวางแผนการทำงาน ผู้เขียนจะแจ้งกำหนดนัดรังวัดให้ผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่ทราบ โดยกำหนดเป็นกลุ่มๆละประมาณ 30 แปลง.. หลังจากนั้นชาวบ้านผู้ขอรังวัดออกโฉนด จะต้องมารับหลักเขตที่ผู้เขียนขนไปกองไว้ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเอาไปเตรียมไว้ที่ไร่ นาของตน เมื่อถึงวัดนัดผู้ใหญ่บ้านจะเป็นผู้นำผู้เขียน ไปที่นาที่ไร่ของผู้ขอรังวัด ซึ่งเจ้าของที่ดินจะเป็นคน นำรังวัดและขุดหลักเขตตามขอบนา-ไร่ ให้รอบเขตที่ดิน เช่นตามเขตแยกและแนวคตโค้ง...เฉพาะแปลงที่ดินของตนเอง .เมื่อผ่านขั้นตอนนี้เป็นอันเสร็จเรื่องสำหรับเจ้าของที่ดิน ขั้นตอนต่อไปผู้เขียนจะไปทำการรังวัดซ้ำเพิ่มอีกครั้งในภายหลัง...เพราะเรารู้ขอบเขตหมดแล้ว.. ในการรังวัดซ้ำเพิ่ม ในวันต่อมา คือ ส่องกล้อง ดึงระยะ จดรายละเอียดชื่อหลัก จุดหนึ่งๆใช้เวลาหลายวัน ในพิ้นที่ทำการมีบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้เก่าๆแบบชนบททั่วไป มีต้นไม้ใหญ่รก แต่ร่มเย็น ตั้ง อยู่บริเวณที่ทำงาน ซึ่งเราต้องเดินผ่านบ่อยๆ เจ้าของบ้านชื่อยาย เมี้ยน อายุร่วม 70 ปีแต่ยังแข็งแรงเดินเหินได้สบายๆ แกอยู่บ้านคนเดียวลูกเต้าไม่มี สามีก็เพิ่งตายจากไปไม่นาน แกมีที่นาแยะแต่ไม่ได้ทำเอง ให้คนอื่นเช่า แกอาศัยค่าเช่านานี่แหละใช้อยู่ใช้กิน โดยที่นาของแกก็ขอออกโฉนดกับเราด้วย ..แต่สิ่งที่สะกิดใจผู้เขียนคือ บ้านแก ตุ๊กแกแยะจัง ตัวใหญ่ๆเกาะอยู่ตามฝาบ้าน ตามต้นไม้ก็มี ถ้ามาตอนกลางคืนคงไม่กล้ามา...มันวังเวงชอบกล..??? ตอนเช้าต้องเดินผ่านจุดนี้ ทำงานเสร็จตอนเย็นก็ใช้เส้นทางนี้กลับ จนยายเจ้าของบ้านมีน้ำใจ เวลาจะผ่านบ้านแกมักจะเรียกให้กินน้ำทุกครั้ง .. ที่บ้านแก มีตุ่มน้ำขนาดใหญ่ขนาดสูงท่วมหัว ตั้งสูงกว่าพื้นดินประมาณ 1 ศอกมีก๊อกน้ำสำหรับปิด-เปิด เพื่อรอง น้ำในตุ่มออกมาใช้ จากหลังคาบ้านจะมีรางน้ำ รับน้ำจากหลังคามาลงในตุ่ม ถ้าน้ำเต็มๆ ใช้กินอย่างเดียวคงกินได้เป็นปี ..... สำหรับผู้เขียนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผู้เขียนจะไม่กินน้ำของชาวบ้าน เนื่องจากสมัยนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่จะกินน้ำจากบ่อ บาดาล แต่ที่บ้านนางเมี้ยนเห็นว่าเป็นน้ำฝน ผู้เขียนจึงยอมกิน เพราะทำงานเสร็จตอนเย็นมาเหนื่อยๆ กินน้ำฝนแล้วเย็นชื่นใจ... น้ำฝนบ้านนางเมี้ยน รสชาติแปลกจากที่อื่น คงเพราะเป็นน้ำฝนค้างปีในตุ่มใหญ่ ... ใช้บริการน้ำจากบ้านางเมี้ยน อยู่หลายวัน.. จนวันหนึ่งตอนเย็นเราก็เดินผ่านมาทางนี้เช่นเคย แล้วก็แวะกินน้ำเหมือนทุกครั้ง วันนี้อากาศเดือน เมษายน ร้อนมาก กินน้ำกันมากว่าปรกติ ยายเมี้ยนเดินมา บอกกับผู้เขียนว่าช่วยให้ลูกน้องปีนขึ้นไปบนหลังโอ่งให้หน่อย เพราะเมื่อคืนลมแรง พัดเอารางน้ำที่อยู่บนปากตุ่มเอียงไปบนขอบตุ่มถ้าเกิดมีฝนตกน้ำจะไม่ลงตุ่ม หน้าฝนกำลังจะมาแล้ว แกบอก เฮ๊ย...อ้ายเบี้ยว มรึง ขึ้นไปดูให้แกหน่อย กินน้ำแกจะหมดตุ่มแล้ว ช่วยหน่อย โว๊ย ผู้เขียนเรียกอ้ายเบี้ยวเพราะตัวมันเล็กน่าจะคล่อง ตัว อ้ายเบี้ยว ถอดรองเท้าขยับขากางเกง ปีนขึ้นไปบนหลังตุ่ม จัดการตามที่ยายเมี้ยนบอก ผู้เขียนไม่ได้สนใจอะไร เดินมาคุยกับยายเมี้ยนที่หน้าบ้านแก สักพักใหญ่ๆ อ้ายเบี้ยวเดินกลับออกมาคงทำงานตามที่สั่งเรียบร้อย มันเดินผ่านผู้เขียนไปไม่พูดอะไร แต่สังเกตหน้าตามันแดงๆน้ำลายยึดๆ.. ผู้เขียน ลานางเมี้ยนเพื่อจะกลับบ้านกันตามปรกติ เมื่อเดินพ้นบ้านนางเมี้ยน พอสมควร อ้ายเบี้ยวก้มตัวลง มันอ๊วกออกมาอย่างแรงเสียงดัง น้ำที่กินเมื่อครู่ออกมาเป็นสาย... ผู้เขียนและคนอื่นๆ ตกใจหยุดมุงดูอ้ายเบี้ยวอ๊วก เสียงอ้ายถั่ว คนงานอีกคนเย้าว่า มันได้เวลา มั๊ง พี่ พยาธิมันคงกวน อ้ายเบี้ยว หันควับ มองหน้าอ้าย ถั่ว เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ พร้อมเอามือป้ายน้ำลายที่เลอะปาก ก่อนพูดเสียงดังอย่างโมโห เดี๋ยวมรึงจะอ๊วกเหมือนกู ไอ้ เอี้ยถั่ว..!!!! ทำไมหรือ ผู้เขียนถาม??? พอมันพูดออกมาเท่านั้น วงแตกครับ เสียงอ๊วกกันระงม ทั้ง หัวหน้าและลูกน้อง อ้าย เบี้ยว พูดเสียงเหมือนคนร้องไห้... จะไม่อ๊วกอย่างไงล่ะพี่...ในตุ่มน่ะ น้ำจะหมดตุ่มอยู่แล้ว มีซาก ตุ๊กแก เป็นสิบตัวลอยเต็มไปหมด กำลังเน่าเลย .อ๊วก!!!!... ......สวัสดี/
จากคุณ :
สวนดอก
- [
19 มิ.ย. 51 20:08:08
]
|
|
|
|
|