Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ไม่ว่าจะมีอะไรที่ปลายทาง

    ขบวนรถด่วนพิเศษนครพิงค์เคลื่อนออกจากชานชาลาหัวลำโพงตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดสนิท  ปลายทางอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่  ทั้งขบวนเป็นตู้นอนชั้นสองปรับอากาศ  แต่ในเมื่อตอนนี้ยังไม่มีการปูเตียงนอน  จึงมีเพียงเบาะที่นั่งแคบๆ หันหน้าเข้าหากัน  อยู่ในแสงมัวๆ ของยามเย็น


    เม็ดฝนภายนอกเริ่มตกลงกระทบหน้าต่างกระจกดังเปาะแปะ  รถเลยสถานีอยุธยามาแล้ว  แต่ที่นั่งตรงข้ามเธอยังคงว่างเปล่า  มันอาจจะว่างไปจนถึงปลายทางด้วยซ้ำ  ก็ไม่แปลกอะไร  ในเมื่อเป็นกลางฤดูฝน  นักท่องเที่ยวไม่ได้มากมายอะไรนัก  ทั้งตู้มีเพียงฝรั่งนักเดินทางไม่กี่คน  กับเด็กสาวๆ อีกกลุ่มใหญ่  น่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นหรือเกาหลี  

    เปรียวละสายตาจากภาพต่างๆ ภายในตู้  เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ  นอกหน้าต่างมืดสนิทแล้ว  รถไฟยังคงวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วคงที่  เสียง "ถึงก็ช่าง-ไม่ถึงก็ช่าง"  ของมันดังเป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่อย่างนั้น


    บางทีมันก็เหมือนชีวิตคนบางคน-เปรียวคิดเมื่อตั้งใจฟังเสียงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง  ราบเรียบและเรื่อยเฉื่อย  มีแต่เคลื่อนไปข้างหน้าตามจังหวะจะโคนที่ไม่เคยเปลี่ยน  ไม่รีบร้อน  หากก็ไม่รื่นรมย์  และไม่มีทางเลี้ยวหนีไปไหนได้เสียด้วย  นอกจากวิ่งไปตามรางแคบๆ ที่มีใครบางคนขีดเอาไว้  ทั้งที่ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าปลายทางนั้นอยู่ที่ไหน

    เปรียวมองออกไปในความมืด  นึกสงสัยขึ้นมาครามครันว่าจุดหมายปลายทางที่เธอจะไปถึงในเช้ามืดวันพรุ่งนี้  จะเป็นยังไงกันนะ  ฝนจะตกเหมือนที่นี่ไหม  หรืออากาศจะร้อนกว่า  หรือเย็นกว่า  ผู้คนจะเป็นมิตรไหม..

    ช่างเถอะ  ยังอีกตั้งไกลว่าจะถึง..


    เสียงเพลงจากเครื่องเล่นเอ็มพีสามแว่วกังวานอยู่ในหู  บทเพลงเก่าที่เศร้าเหลือเกิน

    The wild and windy night
    That the rain washed away
    Has left a pool of tears
    Crying for the day
    Why leave me standing here?
    Let me know the way




    ผู้ชายคนนั้นก้าวขึ้นมาเมื่อรถจอดที่สถานีลพบุรี  เขาดูตั๋วในมือเพียงแวบเดียว  ก่อนจะตรงเข้ามาที่ที่นั่งตรงข้ามเธออย่างไม่ลังเล  แถมยังอุตส่าห์ยิ้มให้เธอนิดหนึ่งก่อนจะนั่งลง

    เปรียวฝืนยิ้มตอบ  นึกเบื่อขึ้นมาวูบหนึ่งที่จำใจต้องมีเพื่อนร่วมทาง  เธอยังไม่อยากสนทนาหรือทำความรู้จักกับใครนักในเวลานี้  โดยเฉพาะชายหนุ่มหน้าเข้ม  ผิวคร้าม  ที่หอบสัมภาระพะรุงพะรัง  ท่าทางไม่ต่างอะไรกับยิปซีคนนี้

    เธอทำทีว่าง่วงอยู่กับเครื่องเล่นเอ็มพีสาม  เสียบหูฟังแล้วมองเมินออกไปนอกหน้าต่าง   รู้ว่ามันคงเสียมารยาทอยู่บ้าง  แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่านั้น  

    หากดูเขาเองก็ไม่ได้สนใจเธอเช่นกัน  เมื่อควักเอาหนังสือเล่มหนึ่งออกมาอ่าน  ก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้นจนพนักงานเดินมาถามว่าจะปูเตียงหรือยังนั่นแหละ  เขาจึงเงยหน้าขึ้น  ท่าทางเพิ่งรับรู้ว่ามีเธอนั่งหัวโด่อยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง

    "ผมยังไงก็ได้  คุณว่าไง"  เขาพยักเพยิดมาทางเธอ

    "แล้วแต่คุณเถอะ"  เปรียวตอบอย่างซังกะตาย

    "งั้นปูเลยก็ได้ครับ"  เขาบอกง่ายๆ


    เตียงเขาเป็นเตียงชั้นล่าง  เปรียวมองความกว้างของมันอย่างอิจฉานิดหน่อย  ไหนจะหน้าต่างกระจกนั่นอีก  ทำไมเตียงบนไม่มีหน้าต่างบ้างนะ  มันอุดอู้น้อยอยู่เมื่อไหร่ล่ะ  ที่ต้องนอนอยู่ในที่แคบๆ เหมือนโลงศพตั้งค่อนคืน

    ครู่เดียวเขาก็เข้าไปนั่งเหยียดขาอย่างสบายอยู่บนเตียงของเขา  ขณะที่เธอยังยืนคว้างอยู่กลางรถ  นึกไม่อยากปีนขึ้นไปขังตัวเองอยู่ในที่แคบๆ นั้นแม้แต่น้อย

    เขายังมีแก่ใจยิ้มให้เธอนิดๆ ทำนองว่าฝันดีนะ  ก่อนจะรูดม่านปิดลง  ปล่อยให้เธอตัดสินใจเอาเองว่าจะปีนขึ้นไปดี  หรือว่าจะเลี่ยงไปนั่งเล่นแก้เซ็งที่ตู้เสบียงดี


    ในที่สุดความคิดอย่างหลังก็ชนะ  เปรียวเปิดประตูตู้เสบียง  ที่แม้เวลาจะล่วงเข้าสี่ทุ่มแล้ว  ก็ยังคึกคักด้วยผู้โดยสารต่างชาติต่างภาษาที่กำลังร่ำสุรากันได้ที่  เสียงพูดคุยและร้องเพลงดังจนแทบจะกลบเสียงรถไฟเสียด้วยซ้ำ

    เปรียวนั่งลงบนโต๊ะตัวเล็กที่ยังว่าง  ยังไม่ทันสั่งอะไร  หนุ่มอเมริกันคนหนึ่งก็ตรงเข้ามาขอนั่งด้วยเอาดื้อๆ สายตาฉ่ำๆ กับคำพูดหวานหูนั้นไม่ได้ทำให้เปรียวรู้สึกดีขึ้น  เธอทำได้ดีที่สุดแค่อดทนนั่งอยู่จนน้ำส้มหมดแก้ว  จึงเดินจากมาด้วยอารมณ์เซ็งกว่าเดิม

    ไปทางไหนก็เจอแต่ผู้ชาย  หนีไม่พ้นเอาจริงๆ สิน่า..  

    เปล่า.. เธอไม่ได้กลัวผู้ชายพวกนั้นหรอก  เธอกลัวตัวเองต่างหาก..


    เปรียวถอนใจเมื่อเดินมาถึงเตียง  ชั่งใจว่าจะปีนยังไงไม่ให้ชายหนุ่มเตียงล่างได้ยิน  นี่ฉันกังวลมากไปรึเปล่านะ.. เปรียวคิดอย่างวุ่นวายใจนิดๆ  ระยะหลังเธอชักจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นโรคประสาทชนิดใดชนิดหนึ่ง  ที่มีทั้งอาการต่อต้านผู้ชาย  กลัวผู้ชาย  แล้วยังต่อต้านความรัก  กลัวความรักอย่างไม่มีเหตุผลที่สุด

    เธอผ่านความรักมานับครั้งไม่ถ้วน  ต้องพูดว่านับครั้งไม่ถ้วนจริงๆ เพราะเธอไม่เคยคิดจะนับ  ตั้งแต่โตเป็นสาว  เปรียวก็ยินดีจะกระโจนใส่ความรักทุกครั้งที่มันผ่านมาให้เห็น  ไม่ว่าจะมีคนนำมาเสนอ  หรือเธอเป็นผู้ไปแสวงหามันเอง  เปรียวจึงทั้งรับรักใครต่อใครง่ายๆ  และตกหลุมรักใครต่อใครง่ายยิ่งขึ้นไปอีก

    คงเหมือนกับอะไรอีกหลายๆ อย่างในโลกนี้  ที่เมื่อได้มาง่าย  ก็ย่อมเสียไปง่าย  ความรักทุกครั้งของเปรียวไม่เคยจีรัง  มันแตกทำลายลงอย่างง่ายดายไม่ต่างจากตอนที่มันก่อตัวขึ้น  ไม่ว่าใครอีกคนจะเป็นฝ่ายจากเธอไป  หรือเธอเองเป็นฝ่ายเดินจากเขามาเสียก่อน  และไม่ว่าทั้งเขาและเธอจะเจ็บหรือไม่  มันก็จบลงอย่างง่ายดายทุกครั้ง  ราวกับเป็นเส้นทางเดินของความรักที่มีใครขีดไว้อยู่แล้ว

    เปรียวคิดว่าเธอกำลังจะเป็นโรคขาดความรักตาย  ในเมื่อเธอเดินมาถึงจุดที่ไม่กล้ารักใครอีกต่อไป  ทั้งกลัวตัวเองเจ็บ  กลัวทำให้อีกฝ่ายเจ็บ  ระแวงไปสารพัดจนเพื่อนรอบตัวพากันรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล  ต้องขอร้องแกมบังคับให้เปรียวลาพักร้อนไปเที่ยว  ไปเห็นโลกกว้างและสูดอากาศบริสุทธิ์เสียบ้าง  ก่อนที่จะเป็นบ้าไปจริงๆ

    เปรียวถอนใจอีกเฮือก  พวกมันไม่รู้กันหรือไงนะ  ว่าที่ไหนๆ ก็มีผู้ชาย  ยิ่งปล่อยให้เธอออกมาอย่างนี้คนเดียว  ยิ่งอันตรายกว่าทำงานอยู่ในออฟฟิศหลายเท่า

    คนที่นอนอยู่เตียงข้างล่างนี่ก็คนนึงละ



    เสียงรถไฟยังคงดังเป็นจังหวะ  ถึงก็ช่าง-ไม่ถึงก็ช่าง  เปรียวนึกขันคนที่ช่างคิดโยงเสียงกับความหมายเข้าหากันเสียเจ็บแสบ  ทั้งที่จะว่าไป  การเดินทางด้วยรถไฟเป็นวิธีที่ได้ชื่อว่าปลอดภัยและแน่นอนที่สุดแท้ๆ

    แต่ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน  คงจะเคยมีรถไฟหลายต่อหลายขบวนเลยละ  ที่ไปไม่ถึงปลายทาง  ไม่ว่าจะด้วยเหตุสุดวิสัยหรือตั้งใจก็ตาม

    เปรียวพลิกตัวไปมาอยู่ในความมืด  หลังจากปิดๆ เปิดๆ ไฟหัวนอนมาหลายรอบจนไม่อยากเปิดอีกแล้ว  แต่ทำยังไงก็นอนไม่หลับเสียที  เธอปีนบันไดขึ้นๆ ลงๆ เดินไปมาระหว่างเตียงกับอ่างล้างหน้าจนชักเกรงใจชายหนุ่มข้างล่าง  เขาคงจะรำคาญเหมือนกันละที่เธอปีนข้ามหัวเขาไปมาอยู่หลายรอบเต็มที

    อีกทีเดียวน่ะ  เปรียวบอกตัวเองเมื่อโหนตัวลงมาจากบันไดอย่างพยายามให้เงียบที่สุด  หากก่อนจะใส่รองเท้าเสร็จ  ผ้าม่านเตียงล่างก็ถูกรูดเปิด  ผู้อยู่ภายในเยี่ยมหน้าออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

    "นอนไม่หลับหรือครับ"  เสียงถามสุภาพ  ไม่มีวี่แววละลาบละล้วง  ทำให้เปรียวตัดสินใจ  

    บางที  เธอควรจะพูดอะไรกับใครบ้าง  หลังจากไม่ได้คุยเป็นเรื่องเป็นราวกับใครเลยมาวันเต็มๆ  นอกจากสั่งข้าวและซื้อตั๋วรถไฟ

    "ค่ะ"  เปรียวเสยผมแรงๆ  "ว่าจะไปล้างหน้า  เผื่อสมองจะเย็นลงบ้าง"

    "คุณไปล้างมาตั้งหลายรอบแล้ว  ยังไม่เย็นอีกเหรอ"  เขาถามยิ้มๆ อย่างเข้าใจ

    "ก็นั่นน่ะสิ"  เปรียวพึมพำอย่างเซ็งเต็มที่่  "ขอยืมหนังสือคุณหน่อยได้ไหมล่ะ"

    "หนังสือผม?"  เขาเลิกคิ้ว  "จะเอาไปทำอะไร"

    "ก็อ่านน่ะสิ  หนังสือเค้าเอาไว้อ่านไม่ใช่เหรอ"  เปรียวทำเสียงเซ็งยิ่งขึ้น  "หรือถ้าอ่านแล้วไม่หลับ  ฉันอาจจะเอาฟาดหัวตัวเองก็ได้  คงหลับละ  ดูมันหนาใช้ได้อยู่นี่"

    คนฟังหัวเราะพรืด  ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

    "อย่าเลย  ผมเสียดายหนังสือ"  เขาตอบหน้าตาเฉย  ไม่รู้ว่าทีเล่นหรือทีจริง  "ถ้าคุณนอนไม่หลับ  มานั่งคุยกันดีกว่า  ผมกินกาแฟเข้าไป  ตาสว่างเหมือนกัน"

    เปรียวอยากจะตอบปฏิเสธ  แต่ก็เซ็งเกินกว่าจะทำ


    เขาจัดแจงรูดม่านออก  โกยสัมภาระที่รื้อออกมากระจัดกระจายให้เข้าที่  ก่อนจะออกตัวเขินๆ เมื่อชี้ให้เธอนั่งลงมุมหนึ่ง  ตัวเขาเองนั่งอีกมุมหนึ่ง  โดยเบี่ยงตัวใช้หลังพิงผนังไว้หมิ่นๆ

    "รกหน่อยนะครับ  ผู้ชายก็ยังงี้"

    "ฉันรู้"  เปรียวระบายลมหายใจยาว  "ฉันพอจะรู้จักผู้ชายอยู่หรอก"

    "รู้จักแต่เบื่อใช่ไหม"  เขาถามเอื่อยๆ

    "รู้ได้ยังไง"  เปรียวมองเขาอย่างสนใจขึ้นมานิดหนึ่ง

    "ท่าทางคุณเซ็งผู้ชายเต็มที่  หน้าผมคุณยังไม่อยากจะมองเลย  ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า"

    "ฉันขอโทษ"  เสียงเปรียวอ่อนลงนิดหน่อย  "ฉันไม่ได้เซ็งคุณ  ฉันเซ็งผู้ชายทั่วไป"

    "ผมก็ผู้ชายทั่วไป"  เขาทำเสียงล้อ  ก่อนจะชวนดื้อๆ "กินเหล้ากันไหม"

    "จะมอมฉันเหรอ"  เปรียวลากเสียง  หรี่ตามอง

    "ฮื้อ"  เขาทำท่าขัดใจ  "ชวนกินเฉยๆ  แต่ไม่มีแบล็คหรือบลูอะไรหรอกนะ  มีแต่เหล้าขาว  เพื่อนผมต้มเอง"

    "ฉันจะแจ้งตำรวจ"  

    "กว่าคุณจะได้แจ้งผมก็ทำลายหลักฐานหมดแล้วน่า  เหลือติดก้นขวดอยู่นิดเดียว"  เขาควักเอาขวดแบนๆ ออกมาจากเป้  ส่งให้เธอก่อนด้วยใบหน้าระรื่น

    เปรียวไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงรับมาโดยดี  รสเหล้าฉุนๆ ดีกรีแรงนั้นทำเอาลำคอและท้องไส้เธอร้อนวาบ  หากก็ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นไม่น้อย

    "อร่อยใช่ไหมล่ะ"  เขารับไปดื่มต่อจนหมดขวด  "ได้มาจากชายแดนพม่าเชียวนะ  เขาดองตะขาบกับเขียดเอาไว้"

    "จริงเหรอ"  เปรียวเกือบจะขย้อนออกมาเดี๋ยวนั้น  หากเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์  ตาพราวของคนพูด  เธอก็เปลี่ยนเป็นเหวี่ยงกำปั้นทุบไหล่เขาแทน

    "หายเซ็งหรือยังล่ะ"  เขาถามยิ้มๆ

    "ก็ดีขึ้น"  เปรียวลูบแก้มตัวเองแรงๆ  แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดคงทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่  เธอจึงรู้สึกอยากจะพูดอะไรๆ กับคนแปลกหน้าอย่างเขามากกว่าปกติ

    "นี่คุณทำให้ฉันมานั่งก๊งกับคุณได้ยังไงเนี่ย  ฉันกำลังตั้งใจจะไม่ยุ่งกับผู้ชายคนไหนซักเดือนอยู่เชียว"

    "นั่นน่ะสิ  ผมทำได้ยังไงนะ"  เขาทำเสียงล้อๆ อีก  "ผมเก่งหรือคุณใจง่ายเอง"

    เปรียวเงียบไปทันที  คำสุดท้ายของเขากระทบใจเธออย่างจัง  และเธอก็หาคำตอบให้เขาไม่ได้เสียด้วย

    "เอ้อ  ขอโทษ"  เขาทำท่าเสียใจจริงจังเมื่อเห็นสีหน้าเธอ  "ผมพูดเล่นน่ะ  คุณอย่าคิดมากสิ"

    "ไม่ได้คิดมาก"  เปรียวถอนใจ  "ฉันมันใจง่ายจริงๆ ซะด้วย"

    "กะอีแค่กินเหล้าเนี่ยนะ"  เขาทำเสียงว่ามันเล็กน้อยจริงๆ

    "ก็ด้วย"  เธอไม่อยากจะถอนใจแล้ว  ด้วยรู้สึกว่ามันยิ่งทำให้หดหู่หนักเข้าไปอีก  "ฉันมันเชื่อคนง่ายน่ะ  หรือจะเรียกว่าใจง่ายก็ไม่ต่างกันหรอกมั้ง"

    "เช่นอะไรบ้าง"

    "ก็รักคนง่ายไงล่ะ"

    "เช่นใครบ้าง"

    เปรียวค้อนให้คำถามขรึมๆ เหมือนครูแก่ๆ ถามนักเรียนของเขา

    "ช่างเหอะ"  เธอตัดบทเอาดื้อๆ  เมื่อรู้สึกว่าเรื่องที่คุยกันมันชักจะวกเข้ามาเรื่องที่เธอไม่อยากพูดถึงมากขึ้นทุกที


    "คุณเคยมีความรักไหม?"

    "มีซี่  ถามอะไรอย่างนั้น"  เขาย้อนอย่างอารมณ์ดี  "สำหรับผมความรักก็เหมือนหนังสือนั่นแหละ"

    "ยังไง?"

    "ก็ต้องอ่านไปเรื่อยๆ หลายๆ แนว เล่มไหนไม่ชอบก็ทิ้งไป"

    "แล้วถ้าชอบ?"

    "ก็เก็บไว้สิ"  เขาทำเสียงจริงจัง  ทั้งที่ตาพราว  "เอามาอ่านอีกหลายๆ ครั้ง  ให้เข้าใจถ่องแท้  หรืออาจจะอ่านไปตลอดชีวิตก็ได้"

    "ดีแฮะ"  เปรียวพึมพำอย่างอิจฉานิดๆ  "รู้ไหม  ฉันเคยชอบความรักเอามากๆ  แต่ตอนนี้ฉันไม่ศรัทธามันอีกแล้ว"

    เขามองเธอนิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง  ก่อนจะถามอย่างระมัดระวัง  

    "อย่าหาว่าผมเสือกเลยนะ  นี่คุณอกหักมารึเปล่า  จะไปฆ่าตัวตายหรือเปล่าเนี่ย"  

    "เปล่าทั้งนั้นแหละ"  เปรียวไม่มีกะใจจะหัวเราะวิธีถามนั้น  "ฉันแค่เกลียดความรัก  อยากจะไปอยู่ในที่ที่ไม่มีความรักซักพักนึง  อย่างน้อยก็จนกว่าหัวใจฉันจะแข็งแรงพอ"

    "ยังงั้นเชียว"  เขาคราง  "ที่ไหนกัน  ที่ที่ไม่มีความรัก"



    (มีต่อค่ะ)

    จากคุณ : โยษิตา - [ 24 มิ.ย. 51 23:45:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom