คำสัญญา
กลับมาแล้วเหรอคะ เหนื่อยมั้ยคะ
ไม่เหนื่อยเลยจ๊ะ นี่จ๊ะขนมเค้กของโปรดของเธอ พี่ซื้อมาฝาก
ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวอาบน้ำให้สบายตัวก่อนนะคะ แล้วค่อยมากินข้าว
จ๊ะ
พูดจบเด็กชายก็เดินเข้าไปยังพื้นที่ๆ สมมติว่าเป็นห้องน้ำ ทำท่าเหมือนถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำฝักบัวอย่างสบายอารมณ์ ในขณะที่เด็กหญิงก็นำจากชามพลาสติกเด็กเล่นซึ่งใส่ดอกไม้หลากสีนานาชนิดมาจัดเรียงอย่างที่เด็กหญิงคิดว่าสวยงามที่สุด
นี่เด็กๆ จ๊ะ รายการเพลงโปรดมาแล้วนะ จะดูกันรึเปล่า
ดูค้าบ ดูค่า
เสียงเด็กทั้งสองตอบเจื้อยแจ้วพร้อมเพรียงกันหลังจากได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ของเด็กชาย ก่อนที่เด็กทั้งสองจะวิ่งกลับเข้าบ้านของเด็กชายที่อยู่ใกล้กับสนามเด็กเล่นนั้น
เสียงร้องจากนักร้องคนโปรดดังแว่วมาจากลำโพงของโทรทัศน์ในห้องที่ถูกจัดเป็นพื้นที่เล็กๆ สำหรับรับแขกและให้ความบันเทิงกับผู้คนในครอบครัว
เด็กทั้งสองแข่งกันวิ่งอย่างร่าเริงเพื่อจับจองที่นั่งหน้าโทรทัศน์ซึ่งความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมายนอกจากเพียงแค่เป็นการเล่นสนุกตามประสาเด็กที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดีมาตั้งแต่แบเบาะ
นี่ๆ นั่งกันดีๆ สิเด็กๆ มัวแต่แหย่กันไปแหย่กันมาอยู่นั่นล่ะ จะดูกันมั้ยเนี่ยทีวีน่ะ
ค้าบ ค่า
ตอบอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้งหลังเสียงดุอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดจากแม่ของเด็กชาย แต่ถึงกระนั้นเด็กทั้งสองก็ยังคงทำหน้าล้อเลียนกันตลอดเวลา
วันนี้อยู่กินข้าวเย็นที่นี่เลยละกันนะ เดี๋ยวน้าโทรไปบอกแม่ของหนูให้เย็นๆ ค่อยมารับ จะได้มีเวลาอยู่เล่นด้วยกันนานๆ
ค่า
เด็กหญิงตอบยิ้มแย้ม น้ำเสียงร่าเริงสดใสตามประสาเด็ก
เด็กชายมองหน้าเด็กหญิง ความเศร้าและความสงสัยปรากฏอยู่ในสีหน้าและแววตา
พรุ่งนี้จะไปกี่โมงเหรอ
เด็กชายก้มหน้าถามเสียงแผ่ว
ไม่รู้เหมือนกัน
เด็กหญิงตอบเด็กชาย ตาจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ในขณะที่มือหยิบขนมตรงหน้าเข้าปาก
ไม่อยากไปแต่เช้าเลย เช้าๆ หนาวจะตาย ขี้เกียจตื่น
แล้วทำไมต้องไปด้วยล่ะ ไม่ไปไม่ได้เหรอ
ไม่รู้อีกนั่นล่ะ ไม่อยากไปเหมือนกัน แต่แม่เราบอกว่ายังไงเราก็ต้องไปให้คุณอาหมอที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เค้าดูอะไรก็ไม่รู้
เด็กชายมองดูนักร้องคนโปรดในจอซึ่งขณะนี้กำลังแสดงท่าเต้นสุดเร้าใจและแสนเท่ในความคิดของเด็ก หากแต่ตอนนี้เด็กชายกลับไม่รู้สึกสนุกหรือไม่ได้ใส่ใจกับภาพตรงหน้าแม้แต่น้อย
แล้วจะกลับเมื่อไหร่เหรอ
แหม รู้นะว่ากลัวเหงา เราไม่อยู่ก็ไม่มีเพื่อนเล่นใช่มั้ยล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ถ้ากลับมาแล้วจะรีบมาหาเธอเป็นคนแรกเลย
เด็กหญิงหันมามองก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่สดใสยิ่งในความคิดของเด็กชาย
จริงนะ
อื้อ
อย่าโกหกนะ
อื้อ
สัญญา
อื้อ สัญญา
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กชาย ก่อนที่เด็กชายจะทำท่าเหมือนนึกอะไรออก
ไม่เอาๆ แค่สัญญาไม่พอ เดี๋ยวนะ
พูดจบเด็กชายลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องไป ปล่อยให้เด็กหญิงมองการกระทำของเด็กชายอย่างงุนงง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักกับการกระทำที่ไม่ทราบเหตุผลนั้น สายตากลับไปจดจ้องหน้าจอโทรทัศน์ตามเดิม
ชั่วครู่หนึ่งเด็กชายวิ่งกระหืดกระหอบเหงื่อเต็มหน้ากลับมานั่งลงข้างๆ เด็กหญิง
นี่ ไปไหนมาน่ะ จะจบอยู่แล้วนะ เมื่อกี้เพิ่งร้องเพลงโปรดของเธอไปเอง
เอามือมานี่
เด็กชายจับมือซ้ายของเด็กหญิงขึ้นมา ก่อนจะหยิบสิ่งที่ถือมาด้วยบรรจงพันรอบๆ นิ้วก้อยของเด็กหญิง
ทำอะไรเหรอ
นี่แหวนไง เราให้เธอ เธอต้องกลับมาเป็นเจ้าสาวของเรานะ สัญญานะ
เด็กชายตอบในขณะที่ยังคงบรรจงพันเส้นด้ายบางๆ รอบนิ้วก้อยของเด็กหญิงรอบแล้วรอบเล่า เด็กหญิงมองการกระทำนั้นและอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
บ้าเหรอ แหวนที่ไหนเป็นสีแดง ไม่เห็นสวยเลย ต้องเป็นสีทองสิถึงจะสวย
ก็มันไม่มีนี่นา ไม่เป็นไรหรอกสีแดงก็สวยดี ไม่รู้ล่ะ ให้แล้วต้องสัญญาด้วย
งั้นเอามามั่ง
เด็กหญิงหยิบด้ายที่เหลือในมือเด็กชายก่อนที่จะค่อยๆ บรรจงพันเข้ากับนิ้วก้อยซ้ายมือของเด็กชายเช่นเดียวกัน
เอาล่ะ ทีนี้เรามาเกี่ยวก้อยสัญญากัน
เด็กหญิงพูดหลังจากมัดปมเรียบร้อยแล้ว
อื้อ
เด็กชายยิ้มดีใจ
เราจะรีบกลับมาเป็นเจ้าสาวของเธอ เธอเองก็แต่งตัวหล่อๆ รอเราได้เลยนะ
อื้อ เราจะรอเธอ รอจนกว่าเธอจะมา
นิ้วก้อยเล็กๆ ซึ่งพันผูกด้วยด้ายแดงทั้งสองเกี่ยวประสานเข้าด้วยกัน ถึงแม้ในเวลานี้เด็กทั้งสองจะยังคงเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องราวใดๆ มากกว่านี้ แต่กระนั้นคำสัญญาของเด็กชายและเด็กหญิงทั้งสองออกมาจากความจริงใจและบริสุทธิ์ใจอย่างแน่นอน
................................................
ขอให้หายไวๆ นะคะ แล้วจะได้กลับมาเล่นกับตาหนูไวๆ
ค่ะ ขอบคุณนะคะ
เด็กหญิงและเด็กชายซึ่งผู้เป็นแม่ของทั้งสองจูงอยู่ยังคงยิ้มให้กันอย่างสดใส ก่อนที่แม่ของเด็กหญิงจะจูงเด็กหญิงเดินจากไปช้าๆ ตามจังหวะการก้าวเดิน
ดวงอาทิตย์สีส้มคล้อยต่ำแลดูเศร้าสร้อย ภาพของแม่และเด็กหญิงซึ่งจูงกันเดินจากไปเสมือนกำลังเดินเข้าไปสู่ดวงอาทิตย์ที่กำลังรอกลืนกินทุกผู้ที่ย่างกรายเข้าไปหาความร้อนแรงนั้น เงาดำทอดยาวลงตามพื้นถนนมายังเด็กชายเสมือนต้องการจะบอกว่าเจ้าของเงาไม่ได้อยากจากไปแม้แต่น้อย
เด็กหญิงหันกลับมามองเด็กชายและโบกมือให้ ก่อนที่เด็กชายจะโบกมือตอบกลับเช่นกัน
...หลังจากนั้นภาพเรื่องราวดูราวกับเรียงลำดับกันอย่างสับสน...
เด็กชายรอคอยวันแล้ววันเล่าที่จะได้พบกับเด็กหญิง แต่เด็กหญิงก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย
เสียใจด้วยนะคะ ยังเด็กอยู่แท้ๆ
คนแล้วคนเล่าแวะเวียนพูดปลอบใจ
ไม่น่ารีบจากไปเลย คิดเสียว่าแกหมดเคราะห์หมดโศกแล้วก็แล้วกันนะคะ
เสียงแม่ของเด็กชายพูด
แม่ของเด็กหญิงยืนร่ำไห้เหม่อมองภาพของเด็กหญิงอย่างเหม่อลอย
ผู้คนที่เริ่มทยอยกันมาล้วนสวมชุดดำและมีสีหน้าเศร้าหมอง บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
เด็กชายสวมชุดดำเช่นกันยืนอยู่หน้าภาพของเด็กหญิง มือซ้ายกำสิ่งที่เปรียบเสมือนตัวแทนคำสัญญาที่เด็กทั้งสองเคยให้กันไว้
ใจหายอย่างน่าประหลาด น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาอาบใบหน้าเล็กๆ นั้น
...ภาพแหวนที่ถูกทำจากด้ายสีแดงวางอยู่บนโต๊ะในห้องนอน...มันเป็นแหวนวงเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย หากแต่บัดนี้แหวนด้ายแดงวงนั้นกลับเก่าจนแทบจะไม่เหลือสีแดงสดดังเดิมอีกแล้ว...
................................................
ชายหนุ่มลืมตาตื่นก่อนจะได้เห็นเรื่องราวในความฝันต่อจากนั้น น้ำตาเรื้ออยู่ที่ขอบตา
...เด็กชายและเด็กหญิงที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนแม้แต่หน้าตา...หากแต่มีความคุ้นเคยอย่างประหลาดกับเรื่องราวที่ได้เห็นในความฝันนั้น...
ถึงแม้เขาจะเคยฝันเห็นเรื่องนี้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง หากแต่ครั้งนี้มันชัดเจนมากกว่าครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา มันเด่นชัดราวกับเขาได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ
...ราวกับนั่นคือเรื่องราวของเขาเอง...
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะยกนิ้วก้อยมือซ้ายขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แฝงอยู่ลึกๆ ในใจ มันเป็นความคิดถึง ปวดร้าว ห่วงหาอาทร ผสมปนเปกันอยู่ในนั้น
................................................
ชายหนุ่มยืนหันซ้ายหันขวาท่าทางเก้ๆ กังๆ อยู่ที่ป้ายรถประจำทาง รู้สึกเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งน่าจะกำลังรอรถประจำทาง
ชายหนุ่มลังเลนิดหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่คนเดียวนั้น
เอ่อ ขอโทษครับ รู้จักที่นี่ไหมครับ
หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองยังต้นเสียงทุ้มอันนุ่มนวลนั้น
คือ...สำนักงานใหญ่ส่งผมมาทำงานที่นี่ แล้ววันนี้ก็เป็นวันแรกที่ผมมา แล้วก็...ตอนนี้ดูเหมือนว่าผมจะไปไม่ถูกเสียแล้วล่ะครับ
ชายหนุ่มพูดก่อนจะยื่นแผนที่ซึ่งถูกเขียนอย่างลวกๆ บนกระดาษยับๆ ให้หญิงสาว รู้สึกได้ว่าตัวเขาเองพยายามจับต้นชนปลายและอธิบายเรื่องราวอย่างเกินความจำเป็น
หญิงสาวรับแผนที่จากมือชายหนุ่ม รอยยิ้มน้อยๆ อย่างเป็นมิตรปรากฏที่มุมปาก
ฉันทำงานอยู่ที่ๆ คุณกำลังจะไปนั่นล่ะค่ะ ถ้าไม่รังเกียจเดี๋ยวไปด้วยกันเลยดีกว่าค่ะ
หญิงสาวยิ้มและพูดขึ้นหลังจากใช้ความพยายามเล็กน้อยในการดูแผนที่แผ่นที่ถูกยื่นมาให้
จริงหรือครับ...โชคดีจริงๆ...ขอบคุณมากครับ
ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาว กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ ค้อมตัวอย่างเรียบร้อยเกินเหตุอีกเช่นเคย ความรู้สึกบางอย่างค่อยๆ ไหลล้นออกมาจากภายใน
ชายหนุ่มรู้สึกคุ้นเคยกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างประหลาด จังหวะหัวใจเต้นผิดปกติไปจากเดิม หากแต่นั่นกลับเป็นความรู้สึกดีๆ ที่เขาเองก็บรรยายไม่ถูก
ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างขัดเขินอันเกิดจากความไม่คุ้นเคย แต่นั่นก็เป็นรอยยิ้มที่ดูสดใสและจริงใจอย่างที่สุดในความคิดของคนทั้งสอง
...หากแต่เพียงในเวลานี้ ถ้าชายหนุ่มจะมองเห็นเส้นด้ายสีแดงเส้นบางๆ ที่พันผูกอยู่ที่นิ้วก้อยดังเช่นที่เขาเคยเห็นมันในภาพฝัน...เขาจะพบว่า บัดนี้ มันได้ทำหน้าที่ชักนำเจ้าของด้ายแดงทั้งสองคนซึ่งเคยจากกันไปแสนไกลกลับมาพบกันดังที่เคยสัญญาไว้อีกครั้งเรียบร้อยแล้ว...
จากคุณ :
KTHc
- [
27 มิ.ย. 51 23:07:15
]