วันเดินทาง
นัดกันที่ป้ายรถเมล์ที่มหาวิทยาลัยตอนหกโมงครึ่ง เพื่อจะขึ้นรถเมล์เที่ยวหกโมงห้าสิบ จะได้ไปทันรถไฟเที่ยวเจ็ดโมงสี่สิบ ส่วนหัวหน้าทัวร์จะรออยู่ที่สถานีรถไฟเลย
แบบว่าวางแผนแบบไม่ไว้ใจลูกแม่อ้อยเต็มที่ (ว่าจะตื่นมาส่งแม่ทัน)
แต่ ตีห้าครึ่ง
กริ๊งง "เหว่ย เอ๊ยไม่ใช่ ฮัลโหล"
"พี่ วันนี้ พี่นัดแม่อ้อยกี่โมงนะ"
"หกโมงครึ่ง ไหมเหรอ"
"ว่าแล้วเชียว เดี๋ยวเจอกันพี่"
อะไรของมันฟะ
หกโมงครึ่ง ถึงป้ายรถเมล์
หันซ้าย ไม่มีใคร หันขวา ก็ไม่มีใคร
ตูนึกแล้ว นึกเสร็จแล้วก็คว้าโทรศัพท์ เปล่า ไม่ได้โทรหาลูกสาวแม่อ้อย คือว่า เก็งไว้อยู่แล้วว่า คงไม่เจอกันตามเวลานัด ดังนั้น เราจึงโทรไปเม้าท์กับเพื่อนที่เมืองไทยเป็นการฆ่าเวลา จะได้อวดว่าวันนี้จะได้ไปเที่ยวให้คนอื่นอิจฉาด้วยไง
เม้าท์ไปเรื่อยๆ จนในที่สุด รถเมล์มาแล้ว
แม่อ้อยอยู่ไหนหว่า
โน่น ลูกเขยแม่อ้อยปั่นจักรยานมาแต่ไกล
"แม่ไปไหนแล้วพี่"
เอิ้ก แล้วตูจะรู้เหรอ
สรุปว่าให้คุณลูกเขยปั่นจักรยานตามหาแม่ยายกันเอง ส่วนเรารอแม่อ้อยอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ถ้าแม่อ้อยมาถึงจะไม่ผลัดกัน
ผ่านไปห้านาที
กริ๊ง..
"ว่าไงพี่" หัวหน้าทัวร์โทรมา
"ผมเห็นรถเมล์ที่คุณควรจะขึ้นพร้อมแม่อ้อยผ่านไป ไม่เห็นใครสักคน เลยโทรมาถาม" คือบ้านหัวหน้าทัวร์อยู่ใกล้สถานีรถไฟมาก ชนิดถัดกันไปอีกไม่กี่ป้าย คงกะว่าจะขึ้นรถเที่ยวเดียวกันแทนที่จะไปรอที่สถานีรถไฟ
"จะเห็นได้ไงล่ะพี่ นี่ยังตามหาแม่อ้อยไม่เจอเลย"
"อ้าว"
"เดี๋ยวตามไปพี่ พี่กินกาแฟรอไปก่อนก็แล้วกัน อย่าเพิ่งซื้อตั๋วรถไฟนะ เผื่อไปไม่ทันเที่ยวเจ็ดโมง"
"โอเค"
วางหูปุ๊บ แม่อ้อยก็เดินยิ้มมาพอดี
"สวัสดีค่ะ แม่หายไปไหนมา"
"แม่ลืมของลูกเลยเดินกลับบ้านไปเอา" แล้วก็ล้วงเอาแว่นตากันแดดที่ลูกสาวสุดเลิฟซื้อให้มาอวด เราก็ยิ้มรับไป (เข้าใจค่ะ เพราะแม่เราก็อย่างนี้แหละ ) ส่วนสมองก็ทำงานเร็วจี๋ จะเจรจากะหัวหน้าทัวร์ยังไงดีหว่า
คุยไม่ทันจบ คุณลูกเขยก็ปั่นจักรยานหอบแฮ่กมาพอดี
"โทษทีพี่ พอดีแม่กลับบ้านไปเอาของ บลา บลา บลา" สรุปความได้ว่า ศรีภรรยาเธอสั่งสามีให้มาส่งแม่ แต่คุณลูกเขยเกิดอยากเบิกเงินมาฝากให้อิฉันเป็นค่าใช้จ่ายของแม่ยายเพิ่ม ทั้งๆที่ลูกสาวเขาให้เงินแม่ติดตัวไว้แล้ว เลยบอกให้แม่เดินนำมาก่อน ส่วนตัวเองปั่นจักรยานไปกดตังค์อีกทาง พอตามมาถึงก็อย่างที่เล่าข้างบนนั่นแล เลยต้องปั่นไปตามหาทุกที่ที่คิดว่าแม่อ้อยอาจจะหลง จนสุดท้ายไปรู้เรื่องที่บ้านตัวเอง คาดว่าส่งแม่ยายขึ้นรถเสร็จ คงโดนชำระความกันยาวพอควร แต่ขอพี่ไปเที่ยวก่อนนะน้องนะ ไปแก้ตัวกะลูกสาวสุดเลิฟของแม่อ้อยเองละกัน
พอแม่อ้อยรู้ว่าทำให้ตกรถ ก็เริ่มกังวล อิฉันเลยชักชวนให้แม่อ้อยแอ็คท่าถ่ายรูปเพื่อเอาไปอวดเพื่อนๆ เริ่มมันตั้งแต่ป้ายรถเมล์นั่นแหละ จนรถเมล์คันถัดไปมา ก็แอ็คต่ออีกสองสามภาพก่อนรถออก พอแม่อ้อยต้องยิ้มสู้กล้อง เลยหายกังวล รอดไปอีกเปลาะล่ะ
ไปถึงสถานีรถไฟ ก็เจอหัวหน้าทัวร์นั่งเด่นเป็นสง่ารออยู่เลย แต่ไม่ต้องใช้ทั้งแผนหนึ่งแผนสองที่เตรียมไว้ เพราะแม่อ้อยชิงขอโทษก่อน คุณหัวหน้าทัวร์เลยบอก
"ไม่ต้องกังวลครับแม่ รถมีทุกชั่วโมง แล้ววันนี้เราก็ตกลงกันแล้วว่า เป็นทัวร์ของแม่ มาแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ แม่จะได้มีเวลาเตรียมตัวสบายๆ ได้ถ่ายรูปที่นี่ด้วย"
ว่าแล้วก็ชักชวนกันไปซื้อตั๋ว หมดไปคนละ 8.25 ปอนด์สำหรับตั๋วไปกลับ อันนี้เป็นราคาไม่ได้ลดนะ เพราะบัตรลดหมดอายุ ยังขี้เกียจทำใหม่กัน ส่วนแม่อ้อยไม่ได้เอาพาสปอร์ตมาเลยขอราคาซีเนียร์ไม่ได้ (ทริปก่อน ถึงได้ไปทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย เพราะมันแค่เจ็ดปอนด์ ไง ส่วนผลของความถูกก็บ่นอยู่ในกระทู้ข้างล่างโน่น)
ขึ้นรถไฟ ก็ แหะๆ ถ่ายรูปอีกแล้ว รับรองได้ว่าเพื่อนแม่อ้อยที่เมืองไทยจะรู้สึกเหมือนว่าได้ไปเที่ยวด้วยแน่นอน เพราะเราถ่ายทุกสเตป
ระหว่างเดินทาง เราก็ชี้ชวนให้แม่อ้อยดูนาหญ้า ไร่ผัก ไร่ลาเวนเดอร์ไปพลางๆ แม่เขาตื่นเต้นนิดหน่อยตอนเห็นรถเก็บผักกาด แต่ถ่ายรูปไม่ทัน เพราะรถไฟมันแล่นเร็ว
พอถึงเคมบริดจ์ ก็นั่งรถเมล์เข้าเมืองกัน หมดไปอีกคนละ 1.20 ปอนด์ (คุณหัวหน้าทัวร์บอกว่าจริงๆแล้วเดินได้ แต่ไม่อยากให้แม่อ้อยเหนื่อย เลยขึ้นรถเอาละกัน - สาธุ บารมีแม่อ้อยแท้ๆที่ทำให้อิฉันไม่ต้องเดินเข้าเมืองเอง)
แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 51 02:19:08
แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 51 02:17:31
แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 51 01:57:00