เสียงนาฬิกา ปลุกผมตื่นจากการหลับไหลอีกครั้ง วันนี้ก็เป็นเหมือนเดิมๆที่ผมต้องไปทำงานตามปกติ
"เพิ่งหกโมงเอง อยากนอนต่อชะมัด" ผมพูดกับตัวเอง
แต่ผมก็ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เลยต้องลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัว เตรียมจะออกไปทำงาน กว่าจะออกจากบ้านก็เกือบๆเจ็ดโมง ผมเดินไปที่รถ
"ไอ้หมาขี้เกียจ เจ้าของเอ็งต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าแท้ๆ เอ็งเป็นแค่สัตว์เลี้ยงดันมามัวนอนอยู่ได้" ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นไอ้จ๋อ หมาของผมนอนอุตุอยู่ข้างรถ ผมเดินไปหยิบกระบวยตักน้ำ ตักน้ำจนเต็มแล้วสาดไปที่ไอ้จ๋อ มันตื่นขึ้นพร้อมกับทำหน้าเหลอหลาเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง ผมหัวเราะอยู่ในใจ เดินไปขยุ้มเอาอาหารหมาจากถุง โยนไปที่ชามข้าวของไอ้จ๋อ แล้วค่อยขับรถออกจากบ้านไป
ระหว่างขับรถ ผมแอบคิดถึงไอ้จ๋อว่าสักวันมันคงหัวใจวายตายแน่ๆเพราะผมปลุกมันแบบนี้แทบทุกเช้า แต่ถ้ามันตายไปจริงๆก็คงจะดี ผมจะได้ไม่ต้องเห็นมันที่เป็นสัตว์เลี้ยงที่แฟนของผม ไม่ใช่สิ แฟนเก่าผม เอามาเลี้ยงเอาไว้
"อ๊อต! ทำงานผิดอีกแล้ว ผมบอกคุณแล้วไงว่าตรงนี้คุณต้องดูให้ดีๆ ตัวเลขมันเยอะจะพลาดเอาได้ง่าย เอา! เอามาไปแก้ใหม่" เสียงหัวหน้าเอ็ดผม ก็เป็นเรื่องปกตินั่นแหละที่ผมจะถูกต่อว่าแบบนี้ คนที่ไม่เอาถ่านแบบผม ถูกปฎิบัติแบบนี้มาจนชินซะแล้วล่ะ เดี๋ยววันนี้กลับไปค่อยไประบายอารมณ์กับไอ้จ๋อแทนก็ได้ ผมรับงานคืนจากหัวหน้าด้วยใบหน้าที่เฉยชา
ผมรู้สึกว่าเวลาทำงานในแต่ละวันมันผ่านไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ใช่สิ ผมจำได้แล้ว ตั้งแต่ที่แฟนเก่าทิ้งผมไป เธอเก็บข้าวของทุกอย่างของเธอออกไปจากบ้านของผม เหลือไว้แต่ไอ้จ๋อให้ผมดูต่างหน้า ไม่สิ เหลือไว้ให้ผมต้องทนอยู่กับความทุกข์ทรมานที่เสียเธอไปต่างหาก ผมเห็นไอ้จ๋อทีไรก็อดที่จะนึกถึงแฟนเก่าไม่ได้ซักที ไอ้จ๋อเลยกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ให้กับมือเท้าผมเป็นประจำ แต่ก็แปลกนะว่ามันไม่เคยจะเห่าหรือกัดตอบโต้ผมเลย โธ่! ไอ้หมาขี้ขลาด
หลังเลิกงาน ผมขับรถตรงกลับบ้าน พอจอดรถเสร็จ ลงจากรถ ไอ้จ๋อก็วิ่งตรงเข้ามาหาผมทันที ท่าทางของมันเหมือนกับเด็กที่ดีใจเมื่อเห็นพ่อแม่กลับมา มันกระดิกหาง เอาตัวเข้ามาคลอเคลียผม พร้อมกับเสียงครางเล็กๆ ผมยิ้ม พร้อมกับทักทายมันด้วยการเตะมันที่ลำตัว ไอ้จ๋อกระเด็นออกไปเล็กน้อย มันทำท่าเหมือนกับงงไปซํกพัก แต่แล้วมันก็กระดิกหางเข้ามาคลอเคลียผมต่อ
"ไอ้หมาปัญญาอ่อนเอ๊ย" ผมพูดพลางถีบไอ้จ๋อเข้าอีกที จนมันล้มหงายท้อง ผมเดินเข้าบ้านไปทันทีโดยที่ไม่หันมามองมันแม้แต่น้อย
ตอนที่ผมกินข้าวเย็นเสร็จ(แน่นอนว่าเป็นอาหารถุง) โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น
"สวัสดีครับ อ๋อ แม่เองเหรอ" ผมพูดเมื่อรู้ว่าเสียงของฝั่งปลายทางเป็นเสียงของแม่ผมเอง
"อะไรนะครับ ห้าหมื่นเหรอ ผมเพิ่งโอนไปให้แม่รอบนึงตอนสองอาทิตย์ที่แล้วเองนี่ครับ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นครับแม่ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ครับ ครับ เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะโอนไปให้อีกครับ"
ผมตอบรับแม่อย่างว่าง่ายเพราะรู้นิสัยแม่ผมดีว่า ถ้าแม่ผมอยากจะได้อะไร ใครก็ขัดแกไม่ได้หรอก
"ห้าหมื่นเหรอ" ผมพูดกับตัวเอง แล้วอย่างนี้ผมจะทำอะไรต่อไปดีล่ะ เงินทองก็ร่อยหรอลงทุกวันๆ ทำงานหาเงินมาได้ ก็ถูกที่บ้านเอาไปใช้ด้วยเหตุผมที่หลายๆครั้งมันฟังไม่ขึ้นเลย ผมส่าผมเคยอธิบายกับที่บ้านไปแล้วนะว่าคนทำงานเงินเดือนหมื่นกว่าๆอย่างผมน่ะ จะให้ส่งเงินกลับบ้านครั้งละหลายๆหมื่นมันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ผมก้มหน้า ใช้สองมือขยุ้มไปที่หัวตัวเองจนผมเส้นผมหลุดติดออกมา ผมคงต้องหาทางระบายอารมณ์อีกแล้ว ผมหยิบไม้พลองที่วางอยู่ใต้บันไดออกมา เปิดประตูบ้านพร้อมกับเดินไปหาไอ้จ๋อที่กำลังกระดิกหางอย่างดีใจเมื่อเห็นผมกำลังเดินเข้าไป
แล้วเสียงหมาที่ร้องโหยหวนเพราะความเจ็บปวดก็ดังลั่นซอยอีกครั้ง
เช้าวันต่อมา ผมขับรถไปทำงานตามปกติ แต่วันนี้ไม่เห็นไอ้จ๋อตอนเช้า มันคงแอบไปหลบที่ไหนสักแห่ง ผมเลยอดได้แกล้งมัน ก่อนเข้าทำงานแวะโอนเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่ตั้งอยู่หน้าตึก ผมรับใบสลิปที่ออกมาจากเครื่อง มองเสร็จแล้วได้แต่ส่ายหน้า เงินเก็บตั้งแต่ผมเริ่มทำงานมา จากหกหลัก ตอนนี้เหลือแค่ห้าหลักซะแล้ว ถึงแม้จะเป็นจำนวนที่พออยู่ได้ก็จริงอยู่ แต่ถ้าเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆ สักวันมันคงเหลือศูนย์แน่ๆ ผมหัวเราะให้ตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์เพื่อไปทำงาน
"อ๊อต เข้ามาที่ห้องผมหน่อย ผมมีเรื่องจะคุยด้วย" หัวหน้าเรียกผมเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในออฟฟิส ผมเดินตามหัวหน้าเข้าไปในห้องทำงานของเขาที่อยู่ริมทางเดิน
"นั่งลงก่อนสิ" หัวหน้าบอกผม แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้หนังด้านหลังโต๊ะทำงาน ผมลากเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าของโต๊ะทำงานหัวหน้าออกแล้วนั่งลง
"คืออย่างนี้อ๊อต ผมพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการทำงานของคุณ ผมว่าช่วงหนึ่งปีให้หลังนี้ มันตกลงไปเยอะมากเลยนะ หลายๆงานที่คุณทำผิดพลาด บางครั้งก็ทำให้บริษัทเสียหายไปไม่น้อยเลย"
หัวหน้าพูดมาแค่นี้ ผมก็พอจะรู้แล้วว่าผมจะโดนอะไรต่อไป
"ผมอยากให้คุณปรับปรุงการทำงานของตัวเองหน่อย ตั้งใจกับมันให้มากกว่านี้ อย่าให้พลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าไม่อย่างนั้น บางที ผมอาจจะต้องพิจารณาคนอื่นเข้ามาทำงานแทนในส่วนของคุณก็เป็นได้ คุณคงเข้าใจนะ"
"ครับ" ผมตอบหัวหน้าสั้นๆ
หลังจากออกมาจากห้องหัวหน้า ผมมานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของผม แปลกนะที่ผมไม่ค่อยรู้สึกเศร้าเท่าไหร่เลย ถึงแม้ถ้าไม่ใช่แค่การเตือน แต่เป็นการไล่ผมออกแทน ผมก็คงจะไม่เศร้ามากไปกว่านี้เท่าไหร่ล่ะมั้ง นานแล้วนะที่ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจออกมาจากใจจริง จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นตอนที่แฟนเก่าทิ้งผมไปล่ะมั้ง เป็นวันที่ผมร้องไห้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยเสียน้ำตาอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ มันแค่เหมือนเก็บสะสมอยู่ข้างในเท่านั้นเอง ผมคิดว่าผมคงต้องระบายมันออกมาบ้างเสียแล้ว
หลังเลิกงาน ผมขับรถตรงเข้าบ้านเหมือนทุกๆวัน ลงจากรถก็เจอไอ้จ๋อยืนทำหน้าเซ่อๆกระดิกหางให้ผมอย่างเคย วันนี้ผมไม่ได้เตะมันเหมือนทุกๆวัน แต่ผมเดินเข้าไปในบ้าน หยิบไม่พลองท่อนเดียวกับที่ตีไอ้จ๋อเมื่อวาน เอามาฟาดใส่ไอ้จ๋ออย่างไม่ยั้ง มันร้องอย่างเจ็บปวดพลางวิ่งหนีผม แต่ผมก็ตามเข้าไปตีมันซ้ำได้อีกสองสามครั้งก่อนที่มันจะมุดเข้าไปแอบอยู่ใต้ชั้นเก็บข้างขนาดใหญ่ริมรั้วที่ผมตามเข้าไปไม่ถึง
"ไอ้หมาขี้ขลาด" ผมตะโกนออกมา เหวี่ยงไม้พลองลงกับพื้นแล้วเดินเข้าบ้านไป วันนั้นผมไม่ได้ให้ไอ้จ๋อกินข้าวเย็น
กลางดึกคืนนั้น ผมตื่นขึ้นเพราะเสียงหมาเห่าปนคำราม ผมเดินออกมาจากห้องนอน เดินไปใต้บันไดเพื่อจะหาไม้พลองท่อนประจำ แต่นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเย็นไม่ได้เอากลับเข้ามาในบ้าน ผมเลยคว้าไม้อีกท่อนที่พิงอยู่ที่ใต้บันไดมาแทน
"หาเรื่องเจ็บตัวอีกแล้วนะเอ็ง ไอ้จ๋อ" ผมพูดกับตัวเอง
ผมเปิดประตูบ้านออก แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับเป็นสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง ผมพบผู้ชายแปลกหน้าสองคนอยู่ในรั้วบ้านผม ส่วนไอ้จ๋อเห่าอย่างไม่หยุด พลางคำรามใส่คนแปลกหน้าทั้งสองไปด้วย
"เฮ้ย! ขโมยเหรอวะ" ผมร้องออกมา แทนที่ผมจะหนี หรือหลบไปแจ้งตำรวจ ผมกลับพุ่งเข้าใส่สองคนนั้น ไม้พลองในมือผม ฟาดเข้าเต็มๆหน้าของชายคนหนึ่ง แต่ผมก็ถูดหมัดของชายอีกคนหนึ่งเข้าที่เต็มแก้มจนผมล้มกลิ้ง
"กล้านักเหรอมืง" ชายคนที่ต่อยผมพูดขึ้น พร้อมทั้งประเคนเท้าใส่ร่างของผมที่ล้มอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งที่เหมือนเริ่มได้สติ เดินตามมาสมทบ ผมถูกทั้งแตะทั้งต่อยจนผมไม่สามารถทำอะไรสองคนนั้นได้อีกเลย แต่ก่อนที่สติของจะดับวูบลง ผมเห็นไอ้จ๋อวิ่งเข้าใส่หนึ่งในสองคนนั้น พร้อมกับกัดเข้าที่แขน ไม่นานมันก็ถูกสะบัดหลุดออกไป ไอ้จ๋อลุกขึ้นพร้อมกับกัดเข้าที่ขาของชายคนเดิม เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของชายคนนั้นดังขึ้น แต่ชายอีกคนที่เหลืออยู่ก็เข้ามาเตะไอ้จ๋อจนมันกระเด็นออกไปอีกครั้ง ไอ้จ๋อลุกขึ้นมาพร้อมกับเห่าด้วยเสียงอันดังอย่างไม่หยุด ผมเห็นขามันสั่นไม่น้อยเลย
"ท่าไม่ดีแล้วว่ะ วันนี้ไปกันก่อนเหอะ" ชายคนที่เตะไอ้จ๋อพูดกับอีกคนหนึ่ง จากนั้นทั้งสองคนก็ปีนรั้วบ้านผมออกไป
ผมนอนหงายอยู่กับพื้น ร่างกายระบบไปหมด ความจริงผมยังพอจะมีแรงลุกขึ้นไหว แต่ผมอยากจะนอนอยู่ตรงนั้นไปเรื่อยๆมากกว่า
"ขนาดมีเรื่องเสียงดังแบบนี้ ยังไม่มีเพื่อนบ้านคนไหนออกมาดูกันสักคน" ผมคิดในใจพลางแค่นหัวเราะให้กับตัวเอง
ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรอุ่นๆแฉะๆที่ตรงแก้ม ผมเหลือบตาขึ้นไปดูพบว่าไอ้จ๋อกำลังเลียที่แก้มผมอยู่ มันกระดิกหางพร้อมกับครางในลำคอเบาๆเหมือนกับที่มันทำทุกวันเวลาเจอผม ผมลุกชันตัวขึ้นมา ที่ตาผมรู้สึกเหมือนมีน้ำตาคลออยู่ ผมหันไปกอดไอ้จ๋อไว้แน่น พร้อมกับร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ
จากคุณ :
พันธุ์หมาบ้า
- [
15 ก.ค. 51 01:14:16
]