Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    สวรรค์บนดิน ตอน 1

    .... สวรรค์บนดิน .....

    เสียงนาฬิการ้องบอกเวลาตี 4.10 น. เป็นเวลาที่ฉันตั้งปลุกไว้เมื่อคืนวาน ฉันรีบลุกจากที่นอนโดยไม่ลังเล เพราะเกรงว่าจะทำธุระส่วนตัวไม่ทัน อีกทั้งต้องเผื่อเวลาสำหรับกราบลาพระ และขอพรจากท่านที่ห้องพระด้วย (มันเป็นภารกิจที่ฉันทำทุกครั้ง ทั้งก่อน และหลังกลับจากการปฏิบัติธรรม) ภารกิจทุกอย่างดำเนินไปตรงตามเป้าหมาย หลังจากไหว้พ่อ กับแม่ ก็เดินไปเรียกมอเตอร์ไซไปหน้าปากซอยเพื่อเรียกแท็กซี่อีกทอดหนึ่ง ก็เจอแท็กซี่เข้าพอดี ถึงจุดนัดหมายตอน 6 โมงเช้า มีคนมาบ้างแล้ว 2-3 คน เห็นรถตู้จอดอยู่ 2 คัน เราเรียกที่นี่ว่า ห้องสมุด เป็นศูนย์รวมของนักปฏิบัติธรรมที่เซาะแสวงหาทางพ้นทุกข์ บ้างก็ยังหาตนเองไม่พบ บ้างก็มีจุดมุ่งหมายของตนเองแล้ว ห้องสมุดนี้เปิดโอกาสให้ผู้คนที่สนใจธรรมทั่วไปได้เข้ามาแสวงหาความรู้ พร้อมทั้งบริการสื่อธรรมะทุกรูปแบบแก่บุคคลทั่วไปโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ก็มีกฎระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งล้วนเป็นสิ่งจำเป็นทั้งสิ้น เพราะนับวันผู้คนที่ใฝ่ธรรมจะเพิ่มมากขึ้น ก็สังคมมันหาที่พึ่งพิงไม่ได้ คนจำนวนมากขาดสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ บางคนก็เพิ่งนึกได้ว่าตนเองนับถือศาสนาพุทธ เพราะเหลือบไปเห็นบัตรประชาชน

    ฉันรู้จักที่นี่เมื่อปีที่แล้วจากสื่อยอดฮิต คือ อินเตอร์เน็ต ในช่วงนั้นฉันเพิ่งเริ่มศึกษาธรรมะ มีความกระหายในการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของธรรมะมากขึ้นทุกวันๆ ฉันเพิ่งรู้ว่าศาสนาพุทธมีอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่าในตำราเรียนที่จำได้แค่พุทธประวัติแบบผิดๆ ถูกๆ ในตอนนั้นฉันอยากรู้จักพระรูปหนึ่ง ที่ได้ยินจากวิทยุว่า ท่านสามารถรู้สภาวะจิตของคนได้ ฉันจำได้แต่ชื่อของท่าน โดยไม่รู้ว่าชื่อต่อท้ายคืออะไร และอยู่วัดไหน ฉันมีข้อมูลอยู่เท่านี้ แต่ก็อาศัย อินเตอร์เน็ตนี่แหละค้นหาจนเจอ มันมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่บอกว่าพระรูปนี้แหละจะช่วยไขปัญหาที่ติดอยู่ในใจฉันได้

    ฉันเริ่มสนใจธรรมะเมื่อต้นปีที่แล้ว และก็เริ่มเรียนรู้การทำกรรมฐาน เดินจงกรม และนั่งสมาธิ ในแนวสติปัฏฐาน 4 จากวัดแห่งหนึ่งด้วยความศรัทธาในตัวครูบาอาจารย์ผู้ให้กรรมฐาน นับเป็นครั้งแรกที่ฉันเข้าวัดโดยลำพัง และอยู่ที่วัดแห่งนี้ถึง 7 วัน แต่เป็น 7 วันที่มีค่ามหาศาล ฉันได้สัมผัสถึงความสุขในรูปแบบใหม่ ที่ในชีวิตนี้ไม่เคยได้พบมาก่อน ฉันบอกได้แค่ว่าสุขยิ่งกว่าสุข.... มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น และได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตของตัวฉันเองในเวลาต่อมา ....

    แต่การปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้ราบรื่นไปเสียทั้งหมด หลังกลับจากวัดแล้ว ฉันก็นำกรรมฐานมาปฏิบัติเองที่บ้าน และก็เริ่มมีอาการแปลกๆ เวลาที่นั่งสมาธิ ฉันรู้ว่าร่างกายตัวเองหายไปครึ่งตัว บางครั้งก็เห็นแสงสว่างบ้าง มืดบ้าง เห็นสีโน้นบ้าง สีนั้นบ้าง และที่หนักที่สุดคือ ฉันหายใจไม่ออก มันรู้สึกว่าตัวเองพองออก เหมือนมีคนมาสูบลมเข้าที่ตัวฉัน วินาทีนั้นคิดว่าร่างกายกำลังจะระเบิดแล้ว ฉันร้องหาครูบาอาจารย์ให้ช่วยด้วย แล้วอยู่ๆ ก็นึกถึงคำสอนที่ว่าให้กำหนดรู้ ฉันก็ลองทำ ซักพักอาการก็หายไป เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ฉันหยุดการปฏิบัติไปหลายวัน เพราะรู้สึกกลัว และก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใครได้ ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้

    จนวันหนึ่งระหว่างฟังรายการวิทยุ ฉันสะดุดชื่อพระท่านหนึ่งที่นักจัดรายการพูดถึงว่าท่านสามารถดูภาวะจิตคนได้ ฉันจำได้แต่ชื่อของท่าน แต่ไม่รู้ว่าอยู่วัดไหน แต่ก็ลองค้นหาทางอินเตอร์เน็ต เว็ปแล้วเว็ปเล่าจนในที่สุดก็พบเว็ปไซร์หนึ่ง ซึ่งลูกศิษย์ของท่านทำเว็ปนี้ขึ้นมาเพื่อเผยแผ่คำสอนของท่าน และเว็ปนี้ก็พาให้ฉันรู้จักกับห้องสมุดแห่งนี้ อีกทั้งกัลยาณมิตรอีกมากมายในเวลาต่อมาด้วย

    ฉันได้ซีดีธรรมะเป็นเสียงท่านเทศน์ไว้มาฟัง แรกๆ ที่ฟังฉันมึนไปหมด ไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านเทศน์เลย แต่ก็ยังทนฟังไปเรื่อยๆ แล้วก็สะดุดกับคำเทศน์ช่วงนึง ท่านพูดถึงอาการต่างๆ ของสมถะสมาธิ (กรรมฐานแบ่งเป็น 2 แบบ คือ สมถะ และวิปัสสนา) ซึ่งมันคืออาการที่ฉันเคยเป็น และสงสัยว่ามันคืออะไร ดีนะที่ฉันไม่หลงคิดไปว่าตนเองมีฤทธิ์โน่นนี่ ... แล้วหลงทางไป

    ฉันค้นลึกลงไปจนทราบว่าท่านจะมาเทศน์ที่กรุงเทพฯ เดือนละครั้ง ซึ่งฉันไม่รีรอที่จะคว้าโอกาสที่จะได้พบท่าน แล้วในที่สุดก็ได้พบท่าน ท่านเป็นพระที่รูปลักษณ์ดูหนุ่มกว่าอายุมาก (คงด้วยผลของกรรมฐานเหมือนครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ) ทั้งยังมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย และล้วนเป็นวัยรุ่น วัยทำงานทั้งน้าน จะมีผู้สูงอายุบ้างแต่กลับไม่มากเท่า กลุ่มลูกศิษย์ของท่านคอยให้บริการผู้มาฟังเทศน์ ไม่ว่าจะเป็นการแจกหนังสือ ซีดี หรืออาหารเช้า ที่ญาติโยมเตรียมกันมามากมาย ทุกคนมีใบหน้ายิ้มแย้มอัธยาใสดีกันทุกคน ในวันนั้นฉันได้หนังสือธรรมะดีๆ มาอ่านหลายเล่มเชียว แล้วยังซีดีเสียงหลวงพ่ออีก (ปิติ..)

    ท่านเน้นเรื่องการ “ดูจิต” คือการตามรู้ ตามดูสภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน รวมถึงตอนปฏิบัติด้วย โดยฉันเริ่มลองนำมาปฏิบัติ แต่ก็ยังไม่ทิ้งรูปแบบเดิมๆ เพราะท่านจะสอนเสมอว่า “ไม่มีกรรมฐานไหนดีที่สุด ถูกต้องที่สุด มีแต่กรรมฐานที่ถูกจริตแต่ละคนเท่านั้นที่ให้ผล” ในขั้นเริ่มต้นเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ฉันเริ่มสบายขึ้น มันรู้สึกโล่งและไม่รู้สึกบังคับตัวเองจนเกินไป จนกลายเป็นติดสุข อยากนั่งสมาธิเป็นที่สุด โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองหลงอยู่ ไม่ตามรู้ว่าสภาวะที่เป็นจริงในปัจจุบัน .... หลง ......

    แต่เหมือนที่หลวงพ่อท่านเทศน์ไว้ว่า ทุกปัญหามีคำตอบหมดแล้วในซีดีที่ท่านเทศน์ไว้ ฉันฟังทุกวัน จนไม่ว่าปัญหาใดๆ ที่ฉันติดขัด หรือสงสัย ฉันก็มักจะได้คำตอบเสมอๆ จากที่ฟังไม่รู้เรื่อง ก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ....

    เป้าหมายการปฏิบัติธรรมของฉันเปลี่ยนไป เดิมทีฉันปฏิบัติเพราะศรัทธาในตัวครูบาอาจารย์ แต่ปัจจุบันเป้าหมายของฉันคือ ต้องการพ้นทุกข์ หรือถ้าไม่พ้นทุกข์ในชาตินี้ ก็หวังว่าจะมีเสบียงติดไปในชาติภพหน้า .....

    ฉันพาตัวเองสมัครเข้าร่วมปฏิบัติธรรมครั้งนี้ ด้วยเหตุที่ว่า ฉันต้องการหาที่สัปปายะซักแห่ง และต้องเป็นวัดที่ให้โอกาสผู้ปฏิบัติได้ใกล้ชิดครูบาอาจารย์เพื่อสอบถามถึงการปฏิบัติด้วย แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ฉันค้นหาข้อมูลโดยผ่านอินเตอร์เน็ต

    ครั้งแรกที่เห็นวัดนี้ ฉันก็บอกกับตัวเองว่า นี่แหละที่สัปปายะของฉัน จึงตัดสินใจกรอกใบสมัครในเว็ปของห้องสมุดทันที เกือบอาทิตย์ก็ได้รับการนัดหมายเพื่อสัมภาษณ์ (อย่างที่บอกว่า ที่นี่มีกฎระเบียบค่อนข้างเข้มงวด นักปฏิบัติทุกคนต้องผ่านการสัมภาษณ์ก่อน) การสัมภาษณ์ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากเลย แค่คุณสามารถมาในวัน และเวลาเจ้าหน้าที่นัดหมายได้ ก็ผ่านไปแล้ว 90% ที่เหลือเป็นเรื่องของการปฏิบัติ หลักการปฏิบัติของวัดนี้เน้นการดูจิต (เจริญสติในชีวิตประจำวัน) ต้องรู้หลักให้ได้ก่อน เพื่อแบ่งเบาภาระพระอาจารย์ ถ้ายังไม่รู้อะไรเลย เจ้าหน้าที่เขาก็จะให้มาศึกษาก่อน พอรู้หลักแล้วก็เดินหน้าได้เลย เพราะที่นี่เขาเปิดโอกาสให้ทุกคน อย่างที่บอก ...

    กำหนดการปฏิบัติธรรมครั้งนี้มีใช้เวลา 4 วัน วัดนี้อยู่ทางภาคเหนือ ตั้งอยู่บนภูเขา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
    ฉันได้ขึ้นรถตู้คันที่เพิ่งมาถึง ไม่ใช่ 2 คันแรกที่เจอรออยู่ ทันทีที่รถออกคุณลุงคนขับรถก็เปิดวีซีดีพระอาจารย์ ผู้เป็นเจ้าของสถานที่ เมื่อครั้งเป็นฆราวาส ที่ไปออกรายการเจาะใจ (สมัยที่ดู๋ สัญญา กับ นรากร เป็นพิธีกร เกือบ 5 ปีได้) ดูได้สักพักฉันก็เริ่มง่วง แล้วก็หลับไป หลับๆ ตื่นๆ จนถึงร้านอาหาร คุณลุงแวะจอดรถเพื่อให้พวกเราได้ทานข้าวกันก่อน หลังอาหารมื้อนั้นแล้วก็เดินหน้าสู่จุดหมายปลายทาง

    ถึงปลายทางก็เกือบจะเที่ยงแล้ว สวยอย่างที่เห็นในอินเตอร์เน็ตไม่มีผิดเลย คุณลุงให้พวกเราไปหาที่พัก หรือที่นี่เรียกว่า กุฏิ กันก่อน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก ฉันเดินไปเรื่อยๆ จนมาได้กุฏิหลังที่ต้องลงเขาไป เป็นกุฏิเปิดใหม่ เพิ่งสร้างเสร็จ แต่ก็สะอาดเรียบร้อยดี ฉันพักรวมกับเพื่อนอีก 1 คน หลังจากวางสัมภาระ และทำความสะอาดกุฏิแล้ว ก็เดินเท้าไปศาลาใหญ่เพื่อกราบพระอาจารย์ ในตอนนั้นมีคณะนักปฏิบัติอยู่ก่อนแล้วประมาณ 50 คน มาจากการไฟฟ้า (พระอาจารย์เรียกมนุษย์ไฟฟ้า) พระอาจารย์สอนธรรมะอยู่ร่วมชั่วโมง เสร็จแล้วฉันก็เดินกลับที่พัก ก่อนกลับฉันกับเพื่อนได้เบิกเครื่องนอนคนละชุด เราอาบน้ำและแปลงโฉมเป็นชุดนักปฏิบัติ (ที่จริงแล้วไม่มีอะไรเลย ชุดธรรมดานี่แหละ เพียงแต่สวมเสื้อสีขาวเท่านั้น เพราะที่นี่ไม่ได้ห้ามหรือมีกฎอะไรมาก เพียงแต่ขอให้เป็นชุดที่สุภาพ สีดำ หรือขาว เพื่อให้เกียรติสถานที่)

    5 โมงเย็น เป็นเวลาของศาลาวงกลมที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าผา มีพระอาจารย์นั่งอยู่ตรงหน้าผาพอดี เป็นจุดที่สวยอีกจุดหนึ่ง คนเริ่มแน่นทั้งเก้าอี้ และที่พื้นตอนที่ฉันเดินไปถึง หลังจากสนทนาธรรมแล้ว พวกเราก็ไปรอทำวัตรเย็นต่อที่ศาลาใหญ่ มีพระพี่เลี้ยงนำสวดทำวัตรเย็น การสวดมนต์ทำวัตรเย็นที่นี่กระชับ และลัดสั้น คงไว้แต่บทสวดที่สำคัญๆ เท่านั้น

    หลังจากทำวัตรเย็นเสร็จหลวงพี่บอกว่าจะพาไปเดินป่าเพื่อไปแผ่เมตตาให้ดวงวิญญาณที่เคยมาขอนิมนต์ไว้กับพระอาจารย์ ความมีอยู่ว่า เมื่อครั้งที่พระอาจารย์ไปภาวนาที่ถ้ำ (ซึ่งท่านทำเป็นประจำทุกวันพระ) ก็มีอยู่คืนหนึ่งระหว่างที่ท่านเดินไปถ้ำก็มีดวงวิญญาณตนหนึ่งตามท่านไปด้วย พอท่านเริ่มภาวนาดวงวิญญาณตนนี้ก็ปรากฏให้ท่านเห็น พร้อมตัดพ้อว่า ทำไมท่านไม่ไปภาวนาในที่ดินของเขาบ้าง พระอาจารย์จึงสอบถาม และซักประวัติใหญ่ว่าเป็นใครมายังไง ก็ได้ความว่า เขาเป็นชาวสวนอยู่ที่ดินอีกด้านหนึ่ง เสียชีวิตเนื่องจากโดนใบพัดตัดหญ้าที่หมดอายุการใช้งานแล้ว ตวัดลอยมาตัดที่ขา เดิมทีเขาตั้งใจจะเปลี่ยนใบพัด เพราะรู้ว่าหมดอายุการใช้งานแล้ว แต่พอไปถึงร้านค้า ก็ไม่สามารถซื้อได้ เพราะเตรียมเงินไปไม่พอ ก็เลยไม่ได้เปลี่ยน และยังคงใช้ใบพัดอันเดิมในการตัดหญ้า เคราะห์ร้ายเกิดขึ้นตอนที่เขาได้สลับหน้าที่ให้ภรรยาเป็นผู้ที่ตัดหญ้าแทน เพราะแรงผู้หญิงมีน้อยกว่าทำให้ เครื่องตัดหญ้าที่ถืออยู่ค่อยๆ ต่ำลงจนไปโดนหินเข้า ทำให้หลุดแล้วลอยตวัดไปโดนขาสามีขาด ฝ่ายภรรยาตกใจร้องให้คนช่วย แต่ก็ชาเกินไป สามีทนพิษบาดแผลไม่ไหวเลยสิ้นลมที่ตรงนั่น และดวงวิญญาณก็ไม่ไปไหน ยังคงวนเวียนเพื่อรอส่วนบุญอยู่บริเวณนั้น.... ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้เขามานิมนต์พระอาจารย์ให้พานักปฏิบัติมาแผ่เมตตาในที่ที่เขาอยู่บ้าง หลังจากคืนนั้นพระอาจารย์มีโอกาสพบผู้ใหญ่บ้านเลยสอบถามถึงสามี ภรรยาคู่นี้ ก็ตรงตามที่วิญญาณตนนั้นบอกทุกอย่าง ทำให้ต่อมานักปฏิบัติทุกรุ่นจึงได้มีโอกาสไปแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลที่นั่นกัน (เว้นเสียแต่ฝนตก เดินทางไม่สะดวกก็งดไป)

    ได้ฟังเรื่องราวแล้วฉันก็เกิดศรัทธาอยากไปกับเขาด้วย แต่อากาศข้างนอกหนาว และมีลมแรง ฉันกับเพื่อนเลยตั้งใจว่าจะไปเอาเสื้อหนาวกันก่อน แต่ความตั้งใจก็ล้มเหลว เพราะระหว่างทางกลับกุฏิในยามค่ำคืนนั้น ลำบากมาก เรายังไม่ชินกับทางเดิน มีเดินผิดบ้างถูกบ้างตลอด แถมยังมืดสนิทไฟฉายที่ว่าสว่างแล้ว กับช่วยอะไรไม่ได้มากนัก กว่าจะไปถึงกุฏิใช้เวลานานเหมือนกัน ความศรัทธาจางหายไปตอนไหนไม่รู้ (คงเพราะตอนที่ความกลัวเข้ามาแทนที่กระมัง) พอถึงกุฏิก็เจอกับเขียด 2 ตัว รออยู่ก่อนแล้ว ฉันใช้ไม้กวาดไล่เขาไป (เขาคงเจ็บ เพราะเรากลัว ทำให้บางครั้งคงรุนแรงกับเขา...บาปจริงๆ)

    งีบแรก .. ก่อนนอนก็สวดมนต์ และอธิษฐานขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความสบายใจ ฉันนอนไม่ค่อยหลับ เพราะบรรยากาศมันชวนขนลุกมาก พยายามหลับตาตลอด แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ ฉันจะรู้สึกตัวตลอดคืน ไม่ว่าจะพลิกตัวนอนท่าไหน แล้วเวลารู้สึกตัวก็จะภาวนาพองยุบไปด้วยทุกครั้ง เหมือนมีคนมาบอกให้ปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา เลยนึกถึงคำบอกเล่าของหลวงพี่พระพี่เลี้ยงว่า พลังงานของครูบาอาจารย์ที่นี่มีมาก แล้วนักปฏิบัติจะรู้สึกได้ด้วยตนเอง .... อึมเห็นจะจริง ไม่ว่าจะทำอะไรมันมีสติเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องตั้งใจ หรือจงใจให้เกิดเลย

    จากคุณ : ประจำยาม - [ 15 ก.ค. 51 11:17:38 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom