แม่จ๋าแม่รู้ไหม ในใจลูกนั้นเจ็บนัก
ด้วยเหตุที่แม่รัก น้ำหนักห่วงมิเท่ากัน
แม่จ๋าลูกชักท้อ ที่เฝ้ารอทุกคืนวัน
หวังรอว่าวันนั้น แม่จะหันมองกลับมา
แม่จ๋าลูกเติมให้ ตามแต่ใจของมารดา
เงินทองความห่วงหา แต่เหมือนว่าแม่ไม่พอ
ดุจน้ำลงผืนทราย มลายซึมหายลงบ่อ
ลูกนั้นน้ำตาคลอ เหนื่อยและท้อสุดกายใจ
เรื่องสั้น เทียนพรรษาของแม่
ตอนเช้าอากาศแจ่มใส ศิลาสะพายกระเป๋าเตรียมออกจากบ้านไปทำงานในตัวเมืองเช่นทุกวัน และได้สวนกับมารดาที่ประตูเหล็กหน้าบ้าน
อ้าว แม่ออกไปไหนแต่เช้าน่ะ ชายหนุ่มถามอารมณ์ดี
ไปตักบาตรมา
ทำบุญ แล้วไหนทำหน้าอย่างนี้ล่ะฮะ แปลกใจที่แม่สีหน้าเศร้าสร้อย
เมื่อวานตอนที่หินยังไม่กลับ เพชรมันอาละวาดแม่ มันหาว่าแม่ไปทำลายชีวิตมัน จับมันย้ายโรงเรียนทำให้ไม่ได้อยู่กับแฟน แฟนมันไปมีคนใหม่เลยทิ้งมัน
อารมณ์ดีในตอนเช้าแทบหายไปในทันที เมื่อแม่พูดถึงน้องชายคนเล็กแสนเอาเรื่อง น้องคนสุดท้องที่ถูกแม่ตามใจและเอาใจจนชิน พอไม่ได้อะไรหรือขัดใจตรงไหนก็อาละวาดบางทีถึงขั้นทำลายข้าวของในบ้าน สมัยเด็ก ๆ ของเด็กชายเพชรไม่ได้ของเล่นชิ้นไหนก็จะลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้นจะเอาให้ได้ และแม่ก็ประเคนให้เรื่อยมาจนโตผิดกับพี่ ๆ ที่ไม่เคยถูกพ่อแม่ตามใจเลย
ชายหนุ่มนึกถึงธาราหรือ น้ำ พี่สาวที่แต่งงานและย้ายตามสามีไปอยู่ต่างจังหวัดเคยบอกไว้
เพชรมันโชคดีกว่าคนอื่น เกิดมาตอนบ้านเราฐานะดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องลำบากอดอยากเหมือนพวกเราสมัยก่อน ที่เช้ามืดต้องช่วยพ่อแม่ขายของ กลางวันเรียน เย็นยังต้องกลับมาทำงานต่ออีก
เฮ้อ มันโตแล้ว แม่ก็ปล่อย ๆ มันไปบ้าง ยึดมากก็ทุกข์มาก
แม่ปล่อยไม่ได้ น้องแกนะหิน!
ชายหนุ่มเกาหัวแกรก ไม่รู้จะพูดยังไงก็กระชับกระเป๋าสะพายก้าวออกจากบ้านเตรียมไปทำงาน
เดี๋ยวหินวันเสาร์นี้ว่างไหม คุณยายเขาชวนทำบุญถวายเทียนที่วัดแถวเพชรบุรึเขาจะเอาเราไปด้วย ไปช่วยขับรถและหิ้วของ หินไปได้ไหม
ได้สิฮะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แล้วแม่ไม่ไปหรือ
ไม่ไปหรอก แม่กับยายแกพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง
ไปเหอะ:-)านบุญ ๆ" ชายหนุ่มตื้ออยากให้ไปด้วย แต่หญิงวัยห้าสิบส่ายหน้า
วันนั้นแม่ไม่ว่าง
คำพูดสั้นๆ แค่นั้น นายหินก็รู้ดีว่าป่วยการชวน ชายหนุ่มเลยออกจากบ้าน แต่ยังไม่ทันก้าว เสียงรำพึงก็แว่วมากระทบโสตประสาท
เดือนนี้พ่อแกยังให้เงินแม่ไม่ครบเลย ข้าวของตอนนี้ก็แพง จะซื้อของไปร่วมทำบุญเข้าพรรษาก็ว่ายาก ซื้อหาอะไรก็ลำบาก
ศิลาเดินกลับมาหามารดาอีกครั้ง
แล้วที่ให้ตอนต้นเดือนมันหมดแล้วหรือแม่ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
แกไม่ต้องมาใส่ใจแม่หรอก ไปทำงานไป มารดาไล่
(แล้วที่พูดมาเมื่อกี้มันอะไรฟะ>>>ลูกชายคิด)
ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าตังค์หยิบแบงค์สีเทาสองใบ ใส่มือมารดา
แม่ไม่เอาเงินเอ็งหรอกหิน เก็บไว้ใช้เองเถอะ ผู้เป็นแม่ดันมือลูกชายกลับไป
[แต่นายศิลาสังเกตเห็นว่ามารดากำแบงค์ในมือไว้แน่นขณะคืนเงิน (= =) ]
เอาไปเหอะแม่ ไปซื้อของทำบุญหรือไปซื้ออะไรกินก็ได้นะแม่
หิน
เอาไปน่า
งั้นแม่จะเอาเงินนี้ไปซื้อของทำบุญนะลูก
ดีแล้ว ชายหนุ่มกล่าวก่อนไปทำงาน
ปกติแม่จะไม่ค่อยมายุ่ง หรือพูดคุยกับเขาเท่าไหร่นัก แม่จะยุ่งกับลูกชายคนเล็กและคุยกับพี่สาวที่อยู่ต่างจังหวัดมากกว่า เวลามาพูดคุยกับเขาทีก็มักจะบ่นเรื่องพ่อ และเรื่องไม่น่ารื่นรมย์ของคนอื่น บางทีเขาอยากบอกแม่ว่า ไม่อยากฟัง แต่ก็พูดไม่ได้ ก็ได้แต่จำใจเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป
เช้าวันเสาร์ที่นัดกันทำบุญกับคุณยาย
ชายหนุ่มใส่เสื้อโปโลสีขาว หิ้วของทำบุญต่างๆ เช่น ถังสังฆทาน จตุปัจจัย ผ้าไตร และปิ่นโตไปใส่ท้ายรถ ก่อนจะสะดุดตากับกล่องยาวใบหนึ่งที่แม่ส่งให้
อะไรเนี่ย
เทียนพรรษา เทศกาลนี้เขาทำบุญถวายเทียนกัน ถือไปใส่ท้ายรถดีๆ
อ้อ ..
ถวายเทียนพระท่านว่าบุญดีกุศลแรง ถึงแม้ตัวจะไม่ได้ไป แต่แม่อธิษฐานไปกับเทียนแล้วว่า บุญที่ได้จะตกกับลูกที่แม่รัก
โอ้ ซึ้งใจดีแท้ แม่ใครเนี่ย
ชายหนุ่มขบขัน แล้วนายศิลาก็ขับรถไปรับคุณยายที่บ้านแถวสุขุมวิท ก่อนออกเดินทางไปวัดที่เพชรบุรี
วัดที่ไปทำบุญนั้นเป็นวัดบนเขาซึ่งมีความเป็นชนบทอยู่มาก ความเป็นอยู่ของวัดในเมืองกับวัดบนป่าเขานั้นช่างแตกต่าง ภาพชาวบ้านที่พากันจูงลูกหลานไปวัดรวมถึงปู่ย่าตายายที่พากันมาทำบุญในวันพระ นั่งฟังพระเทศน์ในศาลาโล่งๆ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้และสายลมเย็น ช่างให้ความรู้สึกที่ดีและสงบอย่างบอกไม่ถูก มันช่างแตกต่างกับสังคมอันวุ่นวายและแก่งแย่งในเมืองหลวงอย่างชนิดเทียบไม่ติดฝุ่นเลยทีเดียว
การที่เขาพาคุณยายมาทำบุญเป็นจุดสนใจไม่น้อย ตั้งแต่เขาจอดรถหอบปัจจัยทำบุญลงมาที่พื้น ก็มีขึ้นเสียงกระซิบและสายตาที่มองมา แถมยกมือชี้นิ้วมาที่เขาอย่างไม่เกรงใจ
ดูสิ ไอหนุ่มมาไกลจากเมืองกรุงล่ะนั่น
(ในใจศิลา>>เออ.. ตรูมาจากกรุงเทพ ดูป้ายทะเบียนรถมาล่ะสิ)
คุณยายวัยเจ็ดสิบ(แข็งแรงอย่างอัศจรรย์) เดินไปกราบพระผู้ใหญ่ ก่อนเรียกหลานชายให้หิ้วของมาถวาย ปิ่นโตกับข้าว ของแห้ง จตุปัจจัยต่าง ๆ ผ้าไตร ถูกถวายไป และชิ้นสุดท้าย...เทียนพรรษา...
..เทียนพรรษาที่แม่ฝากมาทอดตัวนอนอยู่ในกล่อง คุณยายเรียกให้หลานแกะกล่องออกและนำตัวเทียนที่นอนคู่กันขึ้นมา..
ชายหนุ่มยิ้ม..คำพูดของมารดายังแว่วอยู่ในความทรงจำ..
..ถวายเทียนพระท่านว่าบุญดีกุศลแรง ถึงแม้ตัวจะไม่ได้ไป แต่แม่อธิษฐานไปกับเทียนแล้วว่า บุญที่ได้จะตกกับลูกที่แม่รัก
หากเมื่อเปิดกล่องขึ้นมา รอยยิ้มบนหน้าชายหนุ่มกลับเจื่อนลง..
บนเทียนคู่ใหญ่นั้น เล่มหนึ่งสลักชื่อ เพชร ผู้เป็นน้องชาย อีกเล่มสลักชื่อ ธารา ผู้เป็นพี่สาว
ถึงแม้ตัวจะไม่ได้ไป แต่แม่อธิษฐานไปกับเทียนแล้วว่า บุญที่ได้จะตกกับลูกที่แม่รัก
เขา..ไม่ได้เป็นลูกที่แม่รักหรือ?...
ในตอนนี้เองเขาได้สังเกตว่า ข้าวของและเงินใส่ซองทำบุญนั้น..ลงชื่อแค่แม่และน้องชาย..
คุณยายเหมือนจะเดาเหตุการณ์ออก เลยบอกให้หลานชายนำเทียนไปถวายพระท่าน ก่อนออกมานั่งฟังธรรมด้วยกัน หากจิตใจตอนนี้ของศิลาไม่ปรกติเสียแล้ว มันมีทั้งความเสียใจและผิดหวังอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว..
จิตที่ไม่สงบทำให้ใบหน้าที่แจ่มใส หม่นหมองลง
หิน เคืองแม่เขาหรือลูก คุณยายถามขณะพนมมือฟังพระสวด
เปล่าฮะ
โกหกในวัดมันบาปนะลูก
เสียใจนิดหน่อยฮะ คุณยายยิ้มน้อยๆ กับคำกล่าวต่อมาของหลานชาย
ถึงแม้ตัวจะไม่ได้ไป แต่แม่อธิษฐานไปกับเทียนแล้วว่า บุญที่ได้จะตกกับลูกที่แม่รัก
เหอๆ ผมไม่ได้เป็นลูกแม่หรือไง เทียนจึงมีแต่ชื่อพี่กับน้อง
อย่าเสียใจเลยลูก.. บนเทียนนั้นคือลูกที่แม่เขายังมีห่วง.. พี่สาวเราไปอยู่ไกลต่างถิ่นแม่เขาย่อมห่วงเป็นธรรมดา น้องชายเราก็ไม่ค่อยทำบุญนัก แม่เขาทำให้เช่นนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน
ทำไมแม่เขาไม่นึกถึงผมบ้าง แม่เค้าจะคุยกับผมก็ต่อเมื่อเดือดร้อนเรื่องเงิน กับเอาเรื่องไม่ดีต่างๆ ของใครต่อใครมาระบาย แต่กับเพชรแล้ว แม่เค้าเลี้ยงอย่างกับเป็นเทวดา อยากกินอยากได้อะไรก็ประเคนให้ ทั้งๆ ที่มันโตแล้วแม่ยังตามเก็บรองเท้า ซักถุงเท้าให้อยู่เลย
ผมจะว่า จะตักเตือนน้องบ้าง ยังไม่ทันจะอ้าปาก แม่เขาก็กางปีกปกป้องซะแล้ว
หิน ลูกยอมรับกฎแห่งกรรมไหม.. ถ้ายอมรับก็รู้ไว้เถอะว่า ทุกคนอยู่ใต้กรรม.. ลูกบางคนเกิดมาทวงหนี้พ่อแม่..บางคนเกิดมาใช้หนี้พ่อแม่ ใครเป็นลูกแบบไหนมันชัดเจนอยู่แล้วนะหิน
ยาย..
สิ่งที่สำคัญที่หลานต้องยึดถือคือความกตัญญู คุณธรรมนี้จะนำความเจริญและสิ่งดีๆ มาสู่ชีวิตหลาน หลานยังมองอะไรที่เป็นด้านรูปธรรม มองอะไรที่จับต้องได้อย่างเทียนและข้าวของที่มาทำบุญ.... หากลองมองอีกด้านที่เป็นนามธรรมแล้ว หลานจะพบความจริงอันคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ใบหน้าอิ่มบุญผ่องใสของคุณยายมองมาที่หลานชายอย่างเมตตา
แม่เราเขาบอกใช่ไหม ..ถึงแม้ตัวไม่ได้ไป แต่อธิษฐานมากับเทียนแล้วว่า..บุญที่ได้จะตกกับลูกที่แม่รัก
แล้วหินล่ะ..หลานมากับเทียนด้วยหรือเปล่า ใครเล่าเป็นคนนำเทียนไปถวายที่วัดแห่งนี้ ก็เรานี่แหล่ะที่ได้บุญหนักกว่าใคร รู้ตัวไหม
ศิลาอึ้ง เมื่อมองเห็นอีกด้านของความคิดที่นึกไม่ถึงมาก่อน คุณยายกล่าวต่อเสียงอ่อนโยน
คนเรามักมองสิ่งที่เห็นและจับต้องได้ แล้วยึดว่านั่นมันสำคัญ นั่นมันของเรา ซึ่งความจริงแล้วในโลกนี้ยังมีสิ่งที่จับต้องไม่ได้อีกมากมายที่เป็นสิ่งดีๆ ทำให้จิตใจเราเป็นสุข มันขึ้นกับว่าเราจะมองและเปิดใจรับมันไหม
ในฐานะที่ยายก็เป็นแม่ ยายบอกได้เลยว่าแม่รักลูกทุกคน..แต่ว่าคนไหนที่ห่วงมาก คนไหนที่ห่วงน้อย.. การที่เขาห่วงเราน้อยก็จงภูมิใจเถิดหิน เพราะเราไม่ได้สร้างบาปให้เขาทุกข์ใจ ..
ชายหนุ่มยิ้มก่อนหันไปกราบหญิงชราผู้เปิดทางสว่าง.. .. คำสอนที่เปิดอีกด้านของความคิด ไม่ได้ยึดติดที่วัตถุสิ่งของ..หากมองคุณค่าทางจิตใจ
บัดนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่า ทุกอย่างมันขึ้นกับการมองของตัวเราเอง..จิตที่เคยขัดเคืองเสียใจ บัดนี้ได้กลับมาแจ่มใสอีกครั้ง...
เขารู้แล้วว่า..เขาเลือกที่จะมองชีวิตอย่างไร..
หลังจากกรวดน้ำ แล้วเอาน้ำในขันไปทิ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ ดอกหญ้าเล็ก ๆ พลิ้วไหวเอนไปตามน้ำที่รดลงมา นั่นเองทำให้เขารู้ว่าการเลือกที่จะมองเป็นเช่นไร
เพราะเวลานี้ในสายตา ดอกหญ้าเล็ก ๆ พวกนี้ก็สวยงามไม่แพ้ดอกเล็บมือนางที่พาดไปบนต้นไม้ใหญ่
หลังจากส่งคุณยายกลับจากวัด ศิลาก็ขับรถกลับบ้าน ของหวานและขนมหม้อแกงที่ซื้อฝากพ่อแม่และน้อง ยังคงนิ่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ครับ...กำลังกลับ
มีของฝากเยอะเลย มีหม้อแกงเม็ดบัวที่แม่ชอบด้วยนะ
พรุ่งนี้ไปไม่ได้ มีประชุมอ่ะครับ
รักแม่นะครับ
ติ๊ด (เสียงกดปุ่มวางสาย)
ในนาทีนั้นเอง
เอี้ยดด โครมม!!!!!!!!
เฮ้ยยย กรี้ดด! เสียงผู้คนหวีดร้องบนถนนกับสภาพสุนัขตัวน้อยที่รอดจากการถูกรถทับ..แต่รถยุโรปกลับเสยต้นไม้ใหญ่ยับ.. และรถคันหลังที่ตามมาเบรกไม่ทันได้พุ่งไปอัดท้าย...
" THE END "
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 17:19:40
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 15:36:16
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 15:32:08
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 15:26:57
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 15:24:48
จากคุณ :
NMR
- [
17 ก.ค. 51 15:17:02
]