สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวถนน วันนี้มณีนาคากลับมาด้วยความคิดถึงชาวถนนฯ หลังจากที่ห่างหายไปนานครึ่งค่อนปีเห็นจะได้ พอเห็นว่ามีวันหยุดหลายวันติดต่อกัน เลยได้จังหวะเขียนเรื่องสั้นคลายเครียดหลังตรากตรำทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำมานาน เพื่อไม่ให้เสียเวลาขอเชิญทุกท่านร่วมเพลิดเพลินกับอีกหนึ่งประสบการณ์ในวัยเยาว์ของมณีนาคาเลยดีกว่าค่ะ แต่นแตนแต๊น...มณีนาคาภูมิใจเสนอ.....
"มันมาแต่หัว..."
จำได้ว่าเมื่อสมัยที่ยังเป็นเด็กอายุราวสิบเอ็ด สิบสองปี ครอบครัวของฉันเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหม่ในระแวกถนนสวนผัก ซึ่งสมัยนั้นความเจริญยังมีเข้ามาไม่มากนัก มีแค่เพียงถนนสายเล็กๆ ที่ตัดผ่านคั่นกลางระหว่างสองฝากที่แลเห็นแต่แปลงผัก และเรีอกสวนของชาวบ้าน สลับกับบ้านพักอาศัยของผู้คนในละแวกนั้นที่นานๆ จะมองเห็นสักหลังสองหลัง
ทุกครั้งเวลาที่รถแล่นผ่านถนนสายหลักเส้นนี้เพื่อกลับบ้านในยามเย็นหรือยามค่ำคืน ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองมีบ้านอยู่ในชนบทแล้วหรือ ถึงอย่างนั้นก็เถอะฉันยังคงชอบมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างของเจ้าแก่ตัวถังสีทองเสมอ และบางครั้งก็มักจะไขกระจกลงเพื่อสูดรับเอาอากาศบริสุทธิ์ที่หาได้ยากในตัวเมืองเข้ามาเก็บไว้ในปอด
ในยามค่ำคืนของถนนสายนี้นอกจากบรรยากาศที่เย็นสบาย ยังมีเสียงทักทายของแมลงกลางคืนตีปีกกรีดร้องกันอย่างเริงร่า บางครั้งก็ทำให้ฉันอดที่จะแอบซ่อนความรู้สึกวิตกและหวาดกลัวเล็กๆ ในใจไม่ได้ เพราะแสงสว่างตามเส้นทางจากเสาไฟฟ้าริมทางที่นอกจากจะไม่สว่างแล้วยังขาดหายเป็นช่วงละยาวๆ ถนนหนทางก็จัดว่าเปลี่ยวเต็มที เพราะนานๆ จะเห็นมีรถแล่นสวนมา หรือแล่นตามหลังมาสักคัน
และอาจเป็นเพราะเสียงล่ำลือจนหนาหู ถึงเหตุการณ์ที่ผู้คนในละแวกนี้มักจะได้พบเจอกันเป็นประจำ เมื่อใช้เส้นทางสายนี้ในยามดึกมักจะได้พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาถึงกับต้องหยุดรถแล้วได้แต่นั่งมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
มันคือ หัว หัวที่พุ่งตรงออกมาจากแนวดงกกข้างทางจากฟากหนึ่งเข้าสู่ดงกกข้างทางอีกฟากด้วยความรววเร็ว แต่สำหรับผู้ได้พบเจอกับมัน กลับรู้สึกเหมือนเป็นเวลาที่ยาวนาน
ฉะนั้นหลังจากเวลาสามทุ่มไปแล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่ถนนสายนี้แทบจะไร้ผู้คน หรือหรือรถสัญจรจนแทบจะกลายเป็นถนนร้าง
นอกจากนี้อาจเพราะความเปลี่ยวจนแทบร้างผู้คน จึงทำให้ถนนสายนี้มักมีเรื่องราวการก่ออาชญากรรม จนเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการจี้ ปล้น นำศพมาทิ้งอำพรางคดี หรือการลวงแท็กซี่มาฆ่าชิงทรัพย์
เรื่องราวความเฮี้ยนของวิญญาณ หรืออาถรรพ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นในละแวกนี้มักจะผ่านเข้าหูฉันบ่อยๆ ทั้งจากคนบ้านใกล้เรือนเคียงบ้าง จากคนขับรถแท็กซี่บ้าง หรือจากประสบการณ์ตรงของตัวฉันเองที่เคยได้พบเจอกับวิญญาณซึ่งยังคงวนเวียนอยู่ในบริเวณหมู่บ้าน
และแล้วเหตุการณ์ที่เคยได้ฟังจากสียงล่ำลือกันจนหนาหูว่า มันมาแต่หัว ก็เกิดขึ้นกับครอบครัวของฉันจนได้ เมื่อคืนหนึ่งพ่อพาครอบครัวของเราไปร่วมงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ของบริษัท พวกเราอยู่ร่วมงานกันจนดึก โดยที่ไม่มีทางจะรู้ได้เลยว่าต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันในระหว่างทางกลับบ้าน
ฉันยังคงจำได้ดีถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บนถนนสายหลักของซอยสวนผัก ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เจ้าแก่ตัวถังสีทองคันเก่งที่กำลังเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางโดยมีบ้านเป็นจุดหมายปลายทาง
ถนนสวนผักคืนนี้ดูจะเปลี่ยวและวังเวงเป็นพิเศษ หรือเพราะว่าเป็นคืนเดือนดับที่ไร้แม้กระทั่งแสงจากดวงดาว พ่อขับรถมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงโค้งที่ใครต่อใครมักจะบอกว่าป็นจุดที่มีคนเห็นหัวพุ่งออกมาจากดงกก พุ่งตัดถนนเข้าไปในดงกกอีกฟากหนึ่ง
พ่อต้องแตะเบรกเพื่อหยุดรถ เมื่อพบว่ามีรถเก๋งจอดนิ่งอยู่ข้างหน้าโดยมีรถมอเตอร์ไซค์อีกสองคันจอดเคียงข้างรถเก๋งคันหน้า ดูเหมือนว่าคนขับมอเตอร์ไซค์กำลังจ้องมองบางสิ่งบางอย่างตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ ทำให้ฉันอดที่จะลุ้นไปด้วยไม่ได้
ฉันรู้สึกได้ถึงบรรยากาศภายนอกรถ อากาศที่เย็นชื้นจากน้ำค้างยามดึก กระแสลมที่โบกพัดด้วยความแรงจนเห็นได้ชัดเมื่อหญ้ากกดงริมทางฟากขวาเอนลู่ไสว ฉันได้ยินของสายลมที่พัดดังอื้ออึง มันดังขึ้นประสานกับเสียงอีกเสียงหนึ่ง เสียงนั้นดังกรีดก้องกังวานอยู่ภายในโสตประสาทของฉันเวลานี้
เสียงหวีดร้องที่ดังและลากยาวราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์ แว่วดังมาจากด้านหลังดงกกที่เริงระบำพริ้วไสวในเงามืด ดูไม่ผิดจากการร่ายรำเริงระบำของอสูรนับร้อยนับพัน ในขณะที่อสูรกายหลังดงกกยังคงแผดเสียงร้องเสียงครางและเสียงหวีดร้องสลับไปมา ซึ่งดังใกล้เข้ามาในทุกขณะ
แล้ววินาทีนั้นก็มาถึง วินาทีที่สายตาของฉันได้ปะทะเข้ากับเจ้าสิ่งๆ นั้น หลังจากที่มีลำแสงหนึ่งวูบผ่านไปพร้อมกับสายลมที่กรรโชกพัดจนทิวหญ้ากกในดงทั้งสองฟากทางพริ้วไหวอย่างแรง หัวของมันพุ่งผ่านออกมาจากแนวดงกกริมทางขวามือ ฉันเห็นดวงตาสีแดงของมันที่จ้องมองไปยังเส้นทางข้างหน้าที่จะมุ่งไป โดยไม่มีการซัดส่ายสายตา หรือแม้แต่จะเหลียวมองดูรถ หรือผู้คนที่พบเห็นมันเลยแม้แต่น้อย
หัวของมันยังคงพุ่งตรงไปตามเส้นทางอย่างคุ้นชิน เสมือนเส้นทางสายหลักที่ใช้มานานตามอย่างที่เคยได้ยินผู้คนที่ล่ำลือ และมันไม่เคยสนใจใคร หรือออกมาอาละวาดผู้คนที่อยู่นอกเส้นทางของมัน ยกเว้นใครที่เข้าไปขวางทางมัน
ฉันได้แต่นั่งจ้องมองเจ้าหัวนั่นอยู่ในรถ จนกระทั่งหัวของมันพุ่งหายเข้าไปในดงกกริมทางซ้ายมือฉัน ถึงตอนนี้ฉันเชื่อแล้วว่า มันมาแต่หัว จริงๆ
เพียงชั่วเวลาไม่นานที่หัวของมันพุ่งผ่านออกมาจากดงกกฟากหนึ่งเข้าสู่ดงกกอีกฟากหนึ่ง สำหรับฉันกลับรู้สึกว่ามันเป็นวลาที่ยาวนานมาก และฉันก็เชื่อด้วยว่าทุกๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกับฉัน
และถึงแม้ว่าหัวของมันจะอยู่ในสภาพที่ดีและสมบูรณ์ ไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัว หรือดูและแทะจนน่าสะอิดสะเอียน แต่ฉันเองก็คงจะไม่ชอบนักถ้าหากว่าจะต้องเจอกับมันบ่อยๆ
หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น คนใกล้ชิดรอบข้างฉันไม่ว่าจะเป็นใครลองได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากปากของฉันแล้ว รับรองว่าขนลุกทุกราย ซ้ำยังอาจด่าฉันด้วยก็มี ประสบการณ์ตอนเที่ยงคืน มันมาแต่หัว (รถจักร) ไม่ใช่ว่าจะมีได้บ่อยๆ สำหรับฉัน แต่ถ้าเป็นช่วงเวลากลางวันหรือเย็นๆ ก็อาจจะมีบ้าง แต่แค่บรรยากาศมันไม่ให้เท่านั้นเอง โฮ๊ะ...โฮ๊ะ...โฮ๊ะ...









จากคุณ :
มณีนาคา
- [
20 ก.ค. 51 22:28:07
]