Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    THE LIFE THAT’S TIED: พันธะ - ฆาต (ตอนจบ)

    ตอนจบ

    ประณตวางมือข้างที่ยังว่างอยู่ลงบนมือของอีกฝ่ายที่บีบมือของเขาแน่นจนเจ็บ ค่อย ๆ ใช้มือข้างนั้นปลดมือของตนให้พ้นจากการเกาะกุมทีละน้อย หากยังคงกุมมือเธอหล้าไว้หลวม ๆ ครู่หนึ่ง

    “ผมเชื่อครับ” เขากล่าว “ผมเชื่อว่าพี่หล้าไม่ได้แตะต้องตัวของน้าคำจริง ๆ”

    คำยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเชื่อมั่นดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้หล้าสงบลงเท่านั้น หากยังทำให้ชลทิชาวินิจ และ นพ. ศิโรตม์ที่ต่างหันมองหน้ากัน ก่อนหันไปมองเขาแทบเป็นตาเดียว

    “เดี๋ยว ๆ ผู้หมวด... นี่ผมไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม” แพทย์อนามัยเอ่ยออกมาเป็นคนแรก “ตอนแรกผมนึกว่าที่ผู้หมวดถามคำถามแบบนั้น เพราะคิดว่าพี่หล้าเป็นคนร้ายในคดีนี้เสียอีก”

    ไม่ทันที่นายตำรวจหนุ่มจะเอ่ยตอบ คนที่ถูกพาดพิงว่าเป็นคนร้ายซึ่งเพิ่งเรียกสติคืนมาได้ไม่นานก็หันขวับไปทางคนพูดอย่างไม่พอใจ

    “พี่ไม่นึกเลยว่าคนเคยเห็นกันและน่าจะรู้จักกันดีอย่างหมอจะคิดแบบนี้กับพี่ได้” น้ำเสียงของเธอห้วนแข็งและรัวเร็วผิดจากหญิงสาวร่างท้วมที่เคยอบอุ่น นุ่มนวลคนเดิมชนิดเป็นคนละคน ดวงตาแดงก่ำที่รื้นด้วยน้ำตาเมื่อครู่เป็นประกายวาวด้วยโทสะและความเสียใจ “อะไรทำให้หมอคิดกับพี่อย่างนั้น ทั้งที่เมื่อวานหมอก็บอกพี่เองว่ายอดเป็นคนฆ่าพ่อตัวเอง ทำไมความคิดหมอถึงเปลี่ยนไปได้ง่ายดายแค่ข้ามวันขนาดนั้น”

    “พี่หล้าใจเย็น ๆ ก่อนครับ” ประณตพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบก่อนที่อารมณ์ของหล้าจะเดือดเกินกว่าที่เป็นอยู่ และก่อนคนที่ถูกเธอตอบโต้จะกล่าวอะไรมากไปกว่านั้น

    เขาลุกขึ้น แตะที่ข้อศอกหญิงเจ้าของบ้านบอกให้เธอนั่งลงแทนที่ ส่งกระดาษทิชชูที่ชลทิชายื่นให้เขาให้อีกฝ่าย แล้วย้ายตัวเองไปนั่งบนเท้าแขนเก้าอี้ของเพื่อน

    “ผมผิดเองครับ ที่ถามคำถามที่ทำให้พี่หล้ารู้สึกไม่ดี”

    การยอมรับความผิดเป็นของตัวคนเดียวในเวลาที่ไม่มีใครอยากรับผิดเพื่อให้สถานการณ์ทั้งที่ตนเองไม่ผิดเลยทำให้ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นคลี่คลายลงของเขาใช้ได้ผล แม้เพื่อนสนิทอย่างเธอจะรู้สึกว่าไม่ค่อยยุติธรรมกับเขาเท่าไหร่ก็ตามที

    เธอไม่คิดว่าหมอศิโรตม์เข้าใจเจตนาของการถามคำถามทั้งสี่ข้อของเขาผิดไป แต่หมอไม่เข้าใจวิธีการทำงานของเขามากกว่า...

    เธอสังเกตมาตั้งแต่สมัยอยู่ชมรมฟันดาบด้วยกันแล้วว่า เขาไม่ใช่นักกีฬาประเภทที่ชิงโจมตีก่อนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวติด หากเขามักจะรอจนคู่ต่อสู้เผลอตัวเข้ามาใกล้ระยะดาบของตนแล้วจึงจู่โจมสวนกลับไป ซึ่งวิธีการทำงานกับกลยุทธ์ในการทำคะแนนในการแข่งขันของเขาไม่ต่างกัน

    “แล้วตอนไปดูที่เกิดเหตุกับคุณหมอ ได้ข้อมูลอะไรกลับมาบ้าง” เธอสะกิดคนตัวสูงที่อาศัยนั่งบนเท้าแขนเก้าอี้ของเธอ ถามเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่นก่อนเพื่อรอให้หญิงสาวเจ้าของบ้านไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกกดดันจนเกินไป เพราะถ้าให้เดาใจเพื่อนรัก เขาคงคิดเช่นนี้แน่

    และเธอก็อ่านใจเขาไม่ผิดจริง ๆ เมื่อเธอได้เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะวางมือลงบนบ่าของเธอ แล้วตบเบา ๆ แทนคำขอบใจ

    “ดูแล้วน้าคำน่าจะอยู่ในสภาพนอนคว่ำแบบนั้นเพราะอุบัติเหตุน่ะ ทิชา ไม่น่าเป็นเพราะแกฆ่าตัวตายอะไรหรอก” เขากล่าว พร้อมเหลือบมองปฏิกิริยาของคนฟังคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสถานที่เดียวกัน “ที่ผมกล้าพูดว่า ผมเชื่อว่าพี่หล้าไม่ได้แตะต้องตัวน้าคำจริง ๆ ก็เพราะว่า ศพของน้าคำไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย หรือร่องรอยการต่อสู้ ส่วนบาดแผลถลอกที่ลำคอก็น่าจะเกิดขึ้นจากการถูกสร้อยที่สวมอยู่ครูดเองอย่างที่ยอดให้การไว้ ส่วนแผลที่ปลายนิ้วมือก็น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ”

    วินิจเลิกคิ้วด้วยความพิศวงกับข้อมูลที่ได้รับ “ณตคิดว่าแผลที่ปลายนิ้วน้าคำเกิดจากอุบัติเหตุเหรอ”

    “ครับ” รุ่นน้องของเขาพยักหน้ารับ “คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นเพราะถูกร่องกระดานที่แกใช้จับครูดเอาระหว่างแกพยายามพลิกตัวเปลี่ยนท่านอน จากนอนหงายเป็นนอนตะแคง แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะหมดแรงหรือเป็นลม ทำให้เมื่อพลิกตัวไปแล้วแก ไม่สามารถพลิกตัวกลับได้ เลยนอนคว่ำหน้าจมอยู่กับหมอน ขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต”

    “แล้วเชือกเส้นที่เราพบในที่เกิดเหตุ เส้นที่ตกอยู่บนตัวแกคืออะไรกันล่ะ ณต”

    “คิดว่าเป็นเชือกผูกมุ้งธรรมดา ๆ ที่ตกจากขื่อลงมาอยู่บนตัวศพโดยบังเอิญอย่างที่ยอดเคยบอกเรานั่นแหละครับ พี่วินิจ ไม่ใช่อาวุธสังหาร” คนที่เขาซักถามเฉลย “บนศพที่ถูกรัดคอจนเสียชีวิต บาดแผลหรือร่องรอยภายนอกที่เห็นได้ด้วยตา คือ รอยรัดที่กดลึกลงเป็นรอยแดงรอบคอ และมีจุดบรรจบกันของปลายเชือกสองข้างปรากฏอยู่ แต่บนลำคอของน้าคำไม่พบรอยแบบนี้ พบเฉพาะรอยถลอกตื้น ๆ บนผิวหนังบริเวณด้านข้างและด้านหลังลำคอที่เกิดขึ้นจากสร้อยคอครูดเท่านั้นเอง”  

    “ถ้าอย่างนั้น น้าคำก็ตายเพราะอุบัติเหตุสินะ” ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลกล่าว “แสดงว่าคำถามสี่ข้อของณตที่ถามพี่หล้าว่า กับข้าวที่เอาไปให้น้าคำเมื่อเย็นวานคืออะไร เอากับข้าวที่ไม่ได้ให้ใครไปไว้ที่ไหน และในเมื่อพี่หล้าไม่ได้เข้าไปดูศพใกล้ ๆ ทราบได้ยังไงว่าน้าคำเสียชีวิตแล้ว ทำไมถึงได้สังเกตเห็นว่า สร้อยคอของน้าคำหายไป ไม่ได้มีความหมายอย่างที่คุณหมอถามใช่ไหม”

    นายตำรวจหนุ่มมิได้ตอบรับหรือปฏิเสธข้อสรุปดังกล่าว ทว่าหันไปยังหล้าซึ่งนั่งประสานมืออยู่บนตักนิ่งฟังการสนทนาระหว่างเขากับวินิจ  “พี่หล้าพร้อมจะตอบคำถามทั้งสี่ข้อที่ผมถามไปเมื่อครู่นี้หรือยังครับ”

    หญิงสาวซึ่งเป็นผู้แจ้งเหตุการตายของเพื่อนบ้านให้ตำรวจทราบสะดุ้งน้อย ๆ มองเขาอย่างชั่งใจครู่หนึ่ง “จะตอบเท่าที่ตอบได้นะคะ เมื่อวานเกิดเรื่องยุ่งวุ่นวายไปหมด พี่จำไม่ได้ครบถ้วนนักหรอกค่ะ”

    “ผมเข้าใจครับ” เขาว่า “ก่อนที่เราจะไปถึงคำถามพวกนั้น... ผมถามนิดนึงนะครับว่า พี่หล้าพบศพน้าคำสักกี่โมง”

    “พี่จำได้ไม่แน่ชัดนักหรอกค่ะ คิดว่าน่าจะประมาณเกือบ ๆ สี่โมงครึ่ง” เธอตอบ “รออยู่ได้พักใหญ่ ๆ ทางตำรวจกับคุณหมอก็มา”

    “ตอนขึ้นไปบนบ้าน พี่หล้าถืออะไรขึ้นไปด้วยครับ” เขาถามต่อทันทีด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนเขาต้องการคำตอบโดยเร็ว และถูกเร่งให้ตอบเร็วตามเขาไปด้วย “ไม่ค่ะ ไม่ได้ถืออะไร”

    เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่ได้ถืออะไรขึ้นไป ไม่ได้เอาอะไรติดมือกลับมา”

    หล้าส่ายหน้า “เปล่าค่ะ”

    “สภาพในห้องเป็นยังไงครับ ตอนที่เปิดประตูเข้าไป”

    หล้านิ่งนึกอยู่ครู่สั้น ๆ “ไม่สว่างนักหรอกค่ะ ประตูหน้าต่างปิดค่อนข้างทึบ ก็เหมือนกันกับทุก ๆ ทีที่ขึ้นไปหายอดกับน้าคำบนบ้าน...”

    “เหมือนเมื่อวานซืน ตอนที่เอา… อะไรสักอย่างนะ” เขาหยุดไปกลางคันเหมือนลืมสิ่งที่จะพูดไปเฉย ๆ

    “ปลาทอดค่ะ เมื่อวานซืนพี่เอาปลาทอดขึ้นไปให้” เธอตอบ “บรรยากาศก็มืด ๆ เหมือนกันนี่แหละ”

    “ขอบคุณครับ” เขายิ้มรับ หากรอยยิ้มนั้นแห้งแล้งอย่างน่าใจหาย แม้จะยังถามไถ่อีกฝ่ายเหมือนชวนคุยไปเรื่อย ๆ ราวกับไม่ติดใจสงสัยสิ่งใด “แล้วพี่หล้าได้เข้าไปข้างในบ้านไหมครับ เมื่อวานนี้”

    หญิงสาวร่างท้วมส่ายศีรษะ “ไม่ได้เข้าไปหรอกค่ะ เห็นน้าคำนอนเสียชีวิตอยู่ตรงนั้นแล้วก็ตกใจ”

    “เป็นไปไม่ได้...” นายแพทย์หนุ่มโพล่งพูดแทรกขึ้นมาอย่างอดทนรอฟังการสนทนาเหมือนเล่นเกมยี่สิบคำถามที่ดำเนินอยู่ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว “ผมว่าไม่จำเป็นต้องถามพี่หล้าว่ารู้ได้ยังไงว่าน้าคำตาย หรือรู้ได้ยังไงว่าสร้อยของน้าคำหายไปแล้วละ ผู้หมวด”

    “ถ้าน้าคำตายอยู่ในท่าอื่นที่ดูทุรนทุรายหรือมีร่องรอยการต่อสู้แล้วบอกว่าเขาตาย ผมจะไม่แปลกใจเลย...  แต่นี่ สภาพที่เกิดเหตุเป็นห้องมืดสลัว และในระยะที่ไกลขนาดนั้น ไม่ต้องถึงกับรู้หรอกว่า มีสร้อยหรือเครื่องประดับที่สวมติดตัวอยู่หายไปหรือไม่ แค่ให้บอกว่าคนที่นอนคว่ำอยู่ตรงนั้นเป็นหรือตายก็ยากมากแล้ว ถ้าไม่เข้าไปดูใกล้ ๆ ให้เห็นกับตาก็คงไม่รู้หรอก”

    “นี่คุณหมอกำลังบอกว่า พี่เป็นคนฆ่าน้าคำอย่างนั้นหรือคะ” หล้าร้อง และหันมายังนายตำรวจหนุ่ม “เมื่อกี้ ผู้หมวดก็บอกว่า น้าคำตายเพราะอุบัติเหตุ และเชื่อว่าพี่ไม่ได้แตะต้องตัวน้าคำเลย ใช่ไหมคะ ผู้หมวด”

    แต่แล้วเธอกลับต้องนิ่งอึ้งกับปฏิกิริยาที่ได้รับกลับมาจากผู้ที่เธอหวังอาศัยเขาเป็นที่พึ่ง

    “ครับ ผมพูดอย่างนั้นจริง แต่ยังบอกไม่ได้ว่า พี่หล้าเป็นคนร้ายหรือไม่ จนกว่าพี่หล้าจะตอบคำถามของผมก่อนว่า ทำไมพี่หล้าถึงทราบว่า น้าคำเสียแล้ว และสร้อยคอของแกหายไปทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เข้าไปดูใกล้ ๆ”

    หญิงสาวมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง ทว่าครั้นจะกล่าวคำตัดพ้ออย่างที่พูดกับแพทย์อนามัย เธอกลับไม่อาจกล่าวโต้ตอบออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียว เพราะสายตาดวงตาคมปลาบที่มองปรามมา  

    “การไม่ตอบคำถามไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยนะครับ” เขากล่าวเสียงเย็น “พี่หล้าไม่อยากช่วยยอดให้พ้นจากข้อกล่าวหาฆ่าคนตายหรือครับ”

    หากประโยคหลังนี้เป็นดาบ ปลายดาบในมือของนักดาบผู้นี้ย่อมแทงเข้าเป้าเป็นคะแนนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายที่กำลังขบริมฝีปาก และนั่งไขว้ข้อเท้าสองข้างเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ผงะ เงยหน้าขึ้นมาทันที

    “หรือเพราะพี่หล้ากำลังพยายามปกป้องผู้กระทำความผิดตัวจริงอยู่... และคนคนนั้น ก็คงจะเป็น ยอด”  


    (มีต่อนะคะ)

    จากคุณ : ปิยะรักษ์ - [ 21 ก.ค. 51 02:59:13 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom