หากเธอต้องการอ่านเรื่องราวของเจ้าหญิงเจ้าชายแสนสุข เรื่องราวของวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ก็ขอให้เธอข้ามเรื่องนี้ไปเสียเถิด เพราะสิ่งที่เธอกำลังจะอ่านต่อไปไม่มีอะไรแบบนั้นเลย...แต่ถ้าเธอไม่เชื่อ ไม่แน่ใจ? ว่าควรอ่านดีหรือไม่ ฉันอยากให้เธอเริ่มต้นอ่านทวนที่บรรทัดแรกอีกครั้ง และหนนี้เมื่อเธอมั่นใจพอที่จะอ่านย่อหน้าถัดไป ฉันก็พร้อมเล่าอะไรให้เธอฟัง
เมื่อสมัยรุ้งกินน้ำยังมียี่สิบสี่สี สมัยที่กระต่ายยังไม่ได้อยู่บนดวงจันทร์ สมัยนั้นยังมีเมืองๆ หนึ่งชื่อว่า เมืองมงกุฎ
ณ เมืองมงกุฎมีพลเมืองชาวมงกุฎอาศัยอยู่ไม่น้อยไม่มาก ทุกๆ เช้า ทุกๆ กลางวัน และทุกๆ เย็นพลเมืองชาวมงกุฎจะคอยขัด ถู ขัด ถูผิวสีทองของตนจนเปล่งประกายวาววับกับแสงอาทิตย์
เธอคงเข้าใจใช่ไหม ไม่มีพระราชา พระราชินี เจ้าชายหรือเจ้าหญิงองค์ไหนในโลกต้องการมงกุฎสีทองหม่นหมองหรอก พลเมืองชาวมงกุฎจึงต้องหมั่นขัด ถู ขัด ถู เพราะหน้าที่อันดับหนึ่งของพลเมืองชาวมงกุฎ คือการเป็นมงกุฎ ที่สำคัญพลเมืองชาวมงกุฎต่าง เคย เป็นมงกุฎของผู้สูงศักดิ์มาก่อนทั้งนั้น
เอ่อ...ขอโทษนะ ดูเหมือนข้อความด้านบน ฉันจะเอ่ยผิดนิดหน่อย ความจริงไม่ใช่มงกุฎทุกอันหรอกที่เคยทำหน้าที่เป็นมงกุฎของผู้สูงศักดิ์
เพราะยังมีมงกุฎอันหนึ่งซึ่ง ไม่เคย เป็นมงกุฎของกษัตริย์องค์ใด เนื่องจากเขาเกิดขึ้นในช่วงที่ไม่มีเมืองไหนต้องการมงกุฎ พลเมืองชาวมงกุฎอาวุโสจึงหยุดสร้างมงกุฎ ทว่า...เวลานั้นมงกุฎของอดีตพระราชาผู้โง่เขลากลับแอบสร้างเขาขึ้นมาอย่างลับๆ และถูกจับได้ขณะนำดินกับทรายผสมลงในมงกุฎแทนผงทองคำ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมีสีประหลาดเหมือนชื่อว่า สีโคลน
สำหรับพลเมืองชาวมงกุฎถือว่าสีโคลนคือความอัปยศ เพราะเขามีสีกายสกปรกไม่แตกต่างกับกองโคลนในวันฝนตก ปราศจากความสวยสง่า บรรดาพลเมืองชาวมงกุฎจึงปฏิบัติต่อสีโคลนเหมือนขี้โคลน บ้างรังเกียจ บ้างไม่สนใจหลบเลี่ยง แสร้งลืมว่ามีสีโคลนเป็นพลเมืองแห่งเมืองมงกุฎ
แต่ทั้งหมดก็แกล้งลืมสีโคลนได้ไม่นานนัก เพราะเมื่อพระราชาจากดินแดนอันไกลโพ้นส่งสาสน์ถึงเมืองมงกุฎว่าพระองค์ต้องการมงกุฎที่สวยที่สุด ดีที่สุด และสง่างามที่สุดสำหรับการขึ้นครองบัลลังก์ในวันพรุ่ง
เพื่อให้ทันเวลา พลเมืองชาวมงกุฎอาวุโสจึงเร่งปรึกษาหารือว่าควรส่งมงกุฎอันใดมอบแก่พระราชา ถึงตอนนี้มงกุฎของอดีตเจ้าชายผู้กล้าหาญจึงเสนอตัวเอง แต่กลับถูกคัดค้านจากมงกุฎของอดีตเจ้าหญิงผู้เลอโฉมเพราะปลายมงกุฎของอดีตเจ้าชายมีรอยบิ่นจากคมดาบไม่งดงามคู่ควรกับพระราชาองค์ใหม่
หลังจากนั้นมงกุฎของอดีตเจ้าหญิงผู้เลอโฉมจึงอาสาทำหน้าที่ แต่เพราะรูปทรงของมงกุฎอ่อนหวานเกินไปไม่เหมาะสมกับพระราชา พลเมืองชาวมงกุฎจึงไม่เห็นด้วย และต่างเสนอตัวเพื่อรับหน้าที่เป็นมงกุฎของพระราชา ทว่า...กลับไม่มีใครยอมใคร เนื่องจากพลเมืองชาวมงกุฎล้วนอยากกลับไปเป็นมงกุฎของผู้สูงศักดิ์อีกครา ความชุลมุนวุ่นวายจึงเกิดขึ้น
และแล้ว...อย่างที่เธอกับฉันนึกไว้ในใจ เมื่อพลเมืองชาวมงกุฎต่างขัดแย้งแย่งกันเป็นมงกุฎของพระราชา สุดท้ายเพื่อความยุติธรรมไม่ลำเอียงให้มงกุฎใดได้เป็นมงกุฎมากครั้งกว่าใคร หนึ่งในพลเมืองชาวมงกุฎอาวุโสจึงเลือกสีโคลน ...มงกุฎสีโคลนผู้ห่างไกลจากคำว่า สวยที่สุด ดีที่สุด และ สง่างามที่สุด เป็นตัวแทนของพลเมืองชาวมงกุฎ
เมื่อเข้าตาจนเพราะไม่ต้องการเห็นมงกุฎใดได้ดีกว่าตน พลเมืองชาวมงกุฎจึงตกลงยินยอมก่อน พร้อมใจกันหลอกลวงพระราชาด้วยการพาสีโคลนไปขัด ถู ขัด ถู และนำผงทองคำมาละลายแล้วละเลงทาทั่วร่างจนสีโคลนกลายเป็นสีทอง
สีโคลนมองตัวเองในคราบใหม่ด้วยอาการตื่นตะลึง แต่ถึงกระนั้นเขาก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่าหากพระราชา รู้ความจริงจะเป็นเช่นไร เขาควรปฏิเสธแล้วกลับไปเป็นสีโคลนอย่างเดิมดีหรือไม่ หรือเมื่อโอกาสที่เคยเฝ้าฝันถึงอยู่ตรงหน้าเขาควรคว้าไว้ แม้ต้องโกหกตัวเองหรือใครๆ ก็ตาม
ตอนนี้ฉันขอถามสักนิดเถิด ถ้าหากเป็นสีโคลน เธอจะเลือกเป็นแบบไหน?
แต่ไม่ว่าเธอจะตอบอย่างไร นั่นไม่สำคัญต่อสีโคลนแล้ว เพราะสำหรับผู้ที่โดนรังเกียจรังแกและโดนหมางเมินเหมือนไม่มีตัวตนมาตลอดชีวิตอย่างสีโคลน เขาเลือกอย่างหลัง
มงกุฎสีโคลนที่กลายเป็นมงกุฎสีทองถูกส่งมอบให้พระราชาทันเวลา เมื่อพระราชามองเห็นสีโคลน ก็พอใจยิ่งนัก เช่นเดียวกับสีโคลนที่พอได้เห็นความพึงใจจากผู้อื่นเป็นครั้งแรก เขาก็รู้สึกตัวพองที่สุดและมีความสุขตั้งแต่นั้นมา
หากเรื่องราวไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ เนื่องจากเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง สีทองที่ฉาบเคลือบเนื้อแท้ของ สีโคลนก็หลุดลอก เธอคงนึกออกใช่ไหมว่าพระราชาโกรธแค่ไหนหลังจากรู้ความจริง แต่ว่า...สิ่งที่เธอจินตนาการคงไม่มีทางเทียบเท่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามมาหรอก
เพราะนอกจากสั่งประหารสีโคลน พระราชายังส่งทหารไปทำลายเมืองมงกุฎ เพื่อไม่ให้พลเมืองชาวมงกุฎโกหกหลอกลวงใครอีก นั่นจึงทำให้เมืองมงกุฎล่มสลายตั้งแต่นั้น
ส่วนสีโคลนนับว่ายังมีโชคดีอยู่ เพราะระหว่างรอรับโทษประหาร สีโคลนสามารถหนีจากการคุมขังได้ พระราชาจึงระดมทหารหมดทั้งวัง เพื่อตามจับสีโคลนตลอดเวลากลางวันและกลางคืน แต่กลับไม่มีใครค้นเจอ
เธอพอเดาออกไหมว่าสีโคลนซ่อนตัวยังไง?
สีโคลนหลบซ่อนอยู่ในขี้โคลนกองแล้วกองเล่า เขาทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งกลัวสุดขั้วหัวใจ และแสนเศร้าเสียใจที่ใครๆ ต่างแสดงท่ารังเกียจเมื่อมองเห็นเนื้อแท้ของตนเอง
หลายวันผ่านเป็นหลายเดือนจนกลายเป็นปี ในที่สุดพระราชาก็ยกเลิกการตามหา สีโคลนจึงออกจากกองขี้โคลนตรงไปยังลำธาร จ้องมองเงาสะท้อนที่ส่องเห็นใบหน้าอันเกรอะกรังด้วยโคลนตมที่ไม่ต่างจากสีร่างกายของตน พลางครุ่นคิดว่าแท้จริงเขาเป็นมงกุฎสีอะไร? สีทองสว่างไสวเพียงชั่วครั้งชั่วคราวอย่างที่ใครๆ อยากให้เขาเป็น หรือเป็นมงกุฎสีโคลนตลอดมาและตลอดไปอย่างที่เขากำลังมองเห็น
แล้วเธอล่ะเห็นเขาเป็นมงกุฎสีอะไร?
แต่ไม่ว่าเธอหรือใครจะตอบอย่างไร นั่นไม่สำคัญต่อสีโคลนอีกต่อไป เพราะเขารู้แล้วว่าตนเองเป็นมงกุฎสีใด จึงตัดสินใจเลือกคำตอบที่ฉันบอกเธอได้เพียงว่า...มันเป็นบทจบที่เริ่มต้นได้สวยที่สุด ดีที่สุด และสง่างามที่สุด...
...จบ...
ป.ล.ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 15:54:20
จากคุณ :
ratta
- [
21 ก.ค. 51 15:01:19
]