Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    สวรรค์บนดิน ตอน 2

    เช้าวันแรก
    ตี 4.30 น. ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็ถือไฟฉายมุ่งตรงไปที่ศาลาใหญ่ เพื่อทำวัตรเช้า ผู้คนเริ่มหนาตา เช้านี้เป็นเช้าสุดท้ายของมนุษย์ไฟฟ้า เขาจะเดินทางกลับในตอนเที่ยงวันนี้ แต่เป็นเช้าแรกของพวกเราที่ได้มีโอกาสใส่บาตรพระอาจารย์ และหลวงพี่ หลังใส่บาตรแล้ว พวกเราก็ไปทานอาหารเช้า เช้านี้มีข้าวต้มเครื่องอร่อยมาก ตบท้ายด้วยกาแฟ ...

    พอ 8.00 น.ก็กลับไปที่ศาลาใหญ่อีก เพื่อเรียนธรรมะกับพระอาจารย์ หลังบรรยายธรรมะจบลง พวกมนุษย์ไฟฟ้ากล่าวขอขมา และลาพระอาจารย์ พวกเราก็เลยเดินออกมา แล้วมุ่งหน้าไปเจดีย์พระธาตุที่กำลังมีการก่อสร้างอยู่ เดินดูผลงานของนักปฏิบัติรุ่นก่อนๆ แล้วก็กับมานั่งคุยกัน มีแนะนำตัวกันก่อนพวกเราคุยกันถูกคอมาก เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน จนเวลาล่วงเลยไปมากแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าเราจะทำอะไรกันต่อดี แวบหนึ่งฉันคิดถึงการปฏิบัติ อยากจะปลีกวิเวกไปปฏิบัติ แต่อีกใจก็อยากมีส่วนร่วมในการสร้างเจดีย์พระธาตุเหมือนกัน หลงอยู่ในความคิดได้ไม่นาน ก็มีเสียงของสมาชิกในกลุ่มออกปากว่าให้เริ่มงานกัน พวกเรามุ่งไปที่ผนังว่างที่อยู่ริมสุดของทางเดิน และใกล้กับห้องน้ำ (ทำเลดีจริงๆ ^-^ )

    การติดกระเบื้องที่ผนังของเจดีย์ ตามแนวคิดของพระอาจารย์เป็นเรื่องเกี่ยวกับ จักรวาล ดวงดาว และดอกไม้ ผนังทุกด้านจึงสอดคล้องเป็นเรื่องเดียวกัน การทำงานจึงต้องมีพระพี่เลี้ยงคอยควบคุม เพื่อไม่ให้หลุดแนวคิดนี้

    แต่พวกเราเริ่มลงมือทำโดยที่หลวงพี่ไม่ทราบ ดังนั้นตอนหลวงพี่มา ท่านจึงแสดงสีหน้าตกใจในฝีมือพวกเรา ยังโชคดีที่เพิ่งจะเริ่มงานไปไม่มาก ท่านให้รื้อบางจุด ในส่วนของฉันเลือกทำด้านริมสุด ท่านไม่ว่าอะไร (ก็ฉันทำเป็นรูปดอกไม้ ซึ่งยังอยู่ในแนวคิด)

    ..... เวลาล่วงเลยไปจนถึง 4 โมงเย็นแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าพวกเราคนใดจะหยุด แต่ภารกิจต่อจากนี้คือ สนทนาธรรมกับพระอาจารย์ ตอน 5 โมงเย็น พวกเราส่วนใหญ่ไปถึงศาลาวงกลมช้ากว่ากำหนด ทำให้พระอาจารย์ดูไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไร เพราะท่านไม่ทราบว่าพวกเราไปทำอะไรกันมา ช่วงเวลาแห่งความกดดันผ่านไป ฉันกับเพื่อนรีบกลับไปอาบน้ำที่กุฏิ ก็จ๊ะเอ๋กับเขียด คราวนี้อยู่ในห้องน้ำ 2 ตัว (2 ตัวเดิมหรือเปล่าไม่รู้) เพื่อนอาบน้ำก่อนเพราะเราทำใจไม่ได้ กลัวมาก มีเสียงร้องของเพื่อนเป็นระยะ เขาบอกว่ามันกระโดดข้ามหัวไปมา สุดท้ายไปอยู่บนเพดาน คราวนี้เป็นฉันอาบน้ำบ้างแล้ว ตาคอยจะมองแต่เพดาน (อย่ากระโดนนะ .. ฉันร้องลั่นกุฏิแน่) มันก็เกาะนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น (น่ารักมาก..) อาบเสร็จก็รีบไปศาลาใหญ่เพื่อทำวัตรเย็นต่อ หลวงพี่มานำสวดเหมือนเดิม แต่วันนี้ไม่มีโปรแกรมเดินป่า เพราะฝนกำลังตั้งเค้ามา ท่านเลยปล่อยให้กลับกุฏิเร็วขึ้น คืนนี้เดินกลับคล่องขึ้นเพราะเริ่มจำทางได้แล้ว พอไปถึงกุฏิก็สำรวจในห้องน้ำปราฏกว่ามัน(เขียด)ไม่อยู่แล้ว (เพื่อนบอกว่าฝนตกมันเลยออกไปข้างนอก เพราะมันชอบฝน)

    คืนนี้ลมแรงมาก ได้ยินเสียงลม หวิวว....... ตลอดทั้งคืน หลังสวดมนต์ก่อนนอนฉันก็นั่งสมาธิภาวนาต่อ นั่งได้ 20 นาทีเห็นจะได้ อยู่ๆ ก็รู้สึกกลัว เพราะไปนึกถึงเรื่องเล่าของหลวงพี่เรื่องผีหัวขาด...... สยองมาก.... เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กหนุ่มลูกวัดอยู่นายหนึ่ง เกิดทะเลาะกับแม่ แล้วเกิดอาการน้อยใจแม่ เลยหนีลงเขาเข้าป่าไปในยามวิกาล แล้วเกิดพลัดตกเขาไปร่างแหลกเป็นส่วนๆ รวมถึงศีรษะด้วย เช้ารุ่งขึ้นชาวบ้านช่วยกันตามหาก็พบแต่ชิ้นส่วนของร่างกาย แต่ขาดศีรษะไป ปัจจุบันก็ยังหาไม่เจอ บ่อยครั้งที่พระอาจารย์ชอบแหย่เล่นๆ ว่าไปตามหัวกะโหลกกันไหม ก็ของคนนี้แหละ แล้วต่อมาก็มีเรื่องเล่าอีกว่าวิญญาณผีหัวขาดตนนี้มาหาเพื่อนลูกวัดด้วยกัน แต่มาแบบมีหัวนะ (เขาว่างั้น) แถมมีผู้ปฏิบัติธรรมท่านอื่นๆ ที่พักอยู่กุฏิด้านชายเดน (หลวงพี่เรียกอย่างนั้น) ก็เจอ แฮะๆ กุฏินี้มีน้องคนหนึ่งพักอยู่คนเดียวด้วยสิ และน้องก็เจออะไรแปลกๆ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นหลังนี้

    กลับมาที่เรื่องภาวนาของเราดีกว่า พอรู้สึกกลัวก็เลยแผ่เมตตา และออกจากสมาธิ แล้วเข้านอนเลย แต่ก็นอนไม่ค่อยหลับอยู่ดี ยังคงรู้สึกตัว และนึกถึงการปฏิบัติอยู่ตลอดคืนเหมือนเดิม คราวนี้ตั้งนาฬิกาไว้ที่ ตี 4.20 น. (เร็วขึ้นกว่าเดิม 10 นาที)

    เช้าสอง
    เราตื่นก่อนนาฬิกาเสียอีก เสร็จธุระส่วนตัวแล้ว เราก็มุ่งหน้าสู่ศาลาใหญ่กัน วันนี้ลมแรงต่อเนื่องจากเมื่อคืนวาน หลังสวดมนต์ทำวัตรเช้าเสร็จหลวงพี่ก็เอ่ยกับทุกคนว่า วันนี้เราไปทำเจดีย์กันต่อ ยังพอมีเวลาก่อนไปใส่บาตร ฉันออกมาเดินจงกรมด้านนอกศาลา อากาศเย็นเพราะแรงลม แต่วิวสวยมาก ด้านหน้าของฉันเป็นภูเขาซ้อนทับกันอยู่ ภูเขาแต่ละลูกยังมีต้นไม้อยู่หนาแน่น และมีหมอกจางๆ นานแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่เคยเห็นอะไรสวยงามเช่นนี้ นึกถามตัวเองในใจว่า “ฉันอยู่บนสวรรค์หรือเปล่า”

    หลังอาหารเช้าก็เรียนธรรมะกับพระอาจารย์ แต่ใจจดจ่ออยู่ที่ผนังของเจดีย์ รู้สึกอยากทำให้เสร็จในวันนี้ เพราะจะเป็นวันสุดท้ายแล้ว วันนี้พระอาจารย์สอนเรื่องขันธ์ 5 เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง มาสะดุดประโยคหนึ่งที่ท่านสอนว่า “คนเรามักเพ่งโทษผู้อื่นเสมอ ทำให้เปิดโอกาสในการสร้างกรรมใหม่” อึมใช่ .... คุณเพ่งโทษใครอยู่หรือเปล่า ....

    พวกเราเริ่มลุยงานต่อ วันนี้ทุกคนเริ่มเข้าใจในงานของตนเองมากขึ้น ต่างคนต่างรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก มันอิ่มเอิบอยู่ข้างในใจ เชื่อว่าทุกคนรู้สึกเฉกเช่นเดียวกัน เพราะบรรยากาศระหว่างทำงานนั้น เราไม่ได้สักแต่ว่าทำ แต่มันเป็นความยินดี ปิติ และรับรู้ได้ถึงความสามัคคีที่มีอยู่ แถมบรรยากาศระหว่างทำงาน พวกเรามีการแซวกันเองบ้าง แซวหลวงพี่บ้าง เป็นระยะๆ หลวงพี่เองก็มียิงมุกบ้างเหมือนกัน เลยทำให้ยิ่งสนุกกันไปใหญ่ เวลาเดินไปอย่างรวดเร็วใกล้เวลาสนทนาธรรมกับพระอาจารย์อำนาจอีกแล้ว วันนี้เราต้องไม่ไปช้าเหมือนเมื่อวาน เราตกลงกันไว้แบบนั้น ทุกคนเริ่มแยกย้ายกันไปอาบน้ำ บางคนก็อยู่ทำงานต่อไปก่อน ฉันเองขอปลีกตัวไปตอน 4 โมงเย็น แล้วไปเจอเพื่อนๆ ที่ศาลาวงกลมตอน 5 โมงเย็น แต่พวกเราสัญญาว่าจะกลับมาทำต่อในเวลากลางคืน

    วันนี้พวกเราไปถึงก่อนพระอาจารย์ และจะเป็นยามเย็นสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้พวกเราต้องเดินทางกลับกันแล้ว (เวลาไม่เคยคอยใครเลยจริงๆ) ช่วงที่สนทนาธรรมฉันมีอาการเหม่อ เลยโดนพระอาจารย์เรียก แล้วฉันก็ตอบคำถามพระอาจารย์ไม่ได้ ได้แต่เอ๋อ และนั่นคือหนึ่งในคำตอบคือ “เอ๋อ” เสร็จสิ้นการสนทนาธรรมหลวงพ่ออนุญาตให้ถ่ายรูปร่วมกันท่านได้ และยังพาพวกเราขึ้นไปที่หน้ากุฏิท่าน ที่มีโครงกระดูกคนจริงๆ อยู่หน้าประตูทางเข้า และยังนำพวกเราเดินดูโน่นนี่อีกด้วย จนเราได้มีโอกาสพบพระอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ท่านน่ารักมาก ท่านเพิ่งขึ้นมาจากกรุงเทพ ทราบมาว่าท่านไปหาหมอ ท่านมีรูปร่างผอม แต่ดูแข็งแรง หน้าตายิ้มแย้มตลอดเวลา พระอาจารย์คนนี้แหละที่หลวงพี่เล่าว่าจะขึ้นไปภาวนาบนถ้ำทุกวันพระ และยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตัวท่านอีกหลายเรื่อง แต่ละเรื่องล้วนแฝงไปด้วยความตลก ฟังแล้วยิ้มบ้าง หัวเราะบ้างทุกทีไป พอได้เจอตัวจริงรู้สึกตัวเองโชคดีจริงๆ ท่านบอกว่าเดี๋ยวจะมาคุยกับพวกเรา แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันกลับไป บ้างก็กลับกุฏิ บ้างก็ตรงไปที่ศาลาใหญ่เพื่อรอทำวัตรเย็นต่อเลย รวมทั้งฉันเองด้วย

    1 ทุ่มกว่าโดยประมาณ พระอาจารย์ผู้มาใหม่ก็มาถึงศาลา พร้อมด้วยหลวงพี่ เพื่อนำสวดทำวัตรเย็น พระอาจารย์กล่าวนำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ท่านบอกเวลาสวดมนต์ต้องออกเสียงให้ชัดเจน หลังทำวัตรเย็นเสร็จ พระอาจารย์ก็เล่าเรื่องของท่านให้ฟัง ท่านเป็นพระอารมณ์ดีมาก มีเมตตามาก คุยไปยิ้มไป หัวเราะไป พูดจาก็ตรงๆ ไม่มีศัพท์ทางการให้ยุ่งยาก

    สนทนากันพอสมควรท่านก็ให้กลับกฏิได้ แต่พวกเราตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะไปทำผนังที่เจดีย์กันต่อ หลวงพี่มองมาทางเราเหมือนรอความเห็นว่าจะเอาอย่างไร เราก็พยักหน้าพร้อมบอกท่านว่าจะไปทำต่อ พระอาจารย์เลยปรารถว่าไม่รู้มาก่อนไม่งั้นจะไม่ชวนคุยนาน จะได้ไม่เสียเวลา แต่เราว่าไม่ว่าจะดึกแค่ไหนเราก็ยอมนะ โอกาสแบบนี้ไม่รู้ว่าจะได้พบอีกเมื่อไรต้องไขว่คว้าไว้ก่อน

    3 ทุ่มกว่า พวกเราเดินไปยังเจดีย์เพื่อสานงานต่อจากช่วงบ่าย จนถึงเที่ยงคืน ไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ และก็ไม่มีใครต้องการหยุด หลวงพี่อยู่เป็นเพื่อนพวกเราตลอด จนตี 1 หลวงพี่ก็ขอตัวไปจำวัด ก็ท่านมีภารกิจมาทั้งวันแล้วคงจะเหนื่อย พอหลวงพี่กลับไป พวกเรายังคงเดินหน้าต่อไป ดอกไม้หลายดอกถูกตกแต่งด้วยหินสี กระเบื้อง และลูกปัด สวยงาม ก่อเค้าเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เหลือแต่พื้นหลัง ซึ่งถ้าลงมือทำกันคงต้องใช้เวลานานมาก นาฬิกาบอกเวลาตี 2 กว่าแล้ว ตาฉันเริ่มล้า เพราะคอนเทคเลนส์ ที่ใส่มาทั้งวันเริ่มแห้ง ฉันเริ่มกระพริบตาไม่ลงแล้ว เป็นสัญญาณบอกว่าต้องถอดมันออกได้แล้ว เราเลยบอกเพื่อนๆ ว่าพอกันแค่นี้ดีกว่า เพราะถ้าจะทำกันทั้งหมดพรุ่งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเสร็จหรือเปล่า ทุกคนเห็นด้วย (คงเหนื่อยกันแล้ว) พวกเราเดินกลับกุฏิกัน 6 คน ท่ามกลางความมืดสนิท มีพี่ผู้ชายคอยแวะส่งพวกเราตามกุฏิ

    ถึงกุฏิถอดคอนเทคเลนส์ออกแล้ว ก็เข้านอน แต่ทำยังไงก็นอนไม่หลับ เหนื่อยนะแต่ไม่รู้ทำไม ไม่อยากให้เช้าเลย ดูเหมือนเวลาของฉันกับที่สัปปายะแห่งนี้เริ่มสั้นเข้ามาทุกขณะ เลยทำให้ฉันหลับไม่ลง อยากจะยื้อเวลาออกไปอีก ถ้าฉันไม่หลับเวลาก็เดินไปอย่างช้าๆ (ฉันคิดแบบนั้น) ฉันนอนภาวนาไปเรื่อยๆ แล้วเผลอหลับไป เป็นระยะเวลาแค่สั้นๆ ฉันสะดุ้งตื่นมาตอนตี 3 ครึ่ง และก็ตี 4 ฉันตัดสินใจลุกขึ้นมาล้างหน้า และเตรียมพร้อมจะไปที่ศาลาใหญ่เพื่อทำวัตรเช้า เหมือนเช้าวันก่อนๆ

    จากคุณ : ประจำยาม - [ 23 ก.ค. 51 08:05:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom