ขอฝากนิยายแปลเรื่องใหม่ค่ะ m(_ _)m เป็นนิยายโรแมนติกแฟนตาซีแนวสงครามชิงไหวชิงพริบที่จบแบบ Happy Ending และไม่ค้างคา
จอมนางคู่บัลลังก์
เขียนโดย : เฟิงน่ง
แปลโดย : หลินโหม่ว
งามลักษณ์และงามจิต
.........เสน่ห์แห่งนาง หนึ่งคืองามลักษณ์ หนึ่งคืองามจิต งามลักษณ์จักโรยรามิช้านาน แต่งามจิตจักยั่งยืนขจรไกล มิอาจจักเปรียบกันได้
...........
บทที่ 1
กลางเดือนเจ็ด(๑) ภายในเขตแดนของแคว้นกุยเล่อ(๒)
ดวงตะวันร้อนแรงลอยผงาดอยู่กลางฟ้า สาดรัศมีแผดเผาจนต้นไม้สองข้างทางต่างก้มศีรษะลงอย่างอ่อนล้า
ผู้เดินทางที่มีอยู่ประปรายสุดจะทนต่อแสงแดดอันแผดกล้านี้ไหว จึงพากันถอยร่นไปหลบร้อนอยู่ใต้ร่มไม้ริมทาง ผู้เฒ่าซึ่งตั้งแผงขายน้ำชาอยู่ริมถนนดินเหลืองสายใหญ่แห่งนี้จึงพลอยได้ลูกค้าเพิ่มอีกสองรายไปด้วย
เอาน้ำชามาหนึ่งชาม ผู้เดินทางโบกมือพัดคลายร้อนให้ตัวเองอยู่ไหวๆ ก่อนจะล้วงถุงเงินออกมาจากอกเสื้ออย่างระมัดระวัง แล้วหยิบเงินอีแปะ(๓)หนึ่งเหรียญออกมาวางลงบนโต๊ะ
มาแล้วขอรับ น้ำชาดีหนึ่งชาม ชุ่มคอดับร้อน ผู้เฒ่าปั้นรอยยิ้มเต็มหน้าประคองชามใส่น้ำชาส่งไปให้ แล้วชวนคุยว่า อากาศร้อนจริงๆ ท่านลูกค้าเร่งเดินทางอยู่หรือขอรับ ?
ใช่ อากาศบัดซบนี่เผาคนให้ร้อนตายได้จริงๆ จบคำก็ดื่มน้ำชาไปหนึ่งอึกให้ลำคอที่แห้งผากค่อยชุ่มชื่นขึ้นบ้าง หลังจากน้ำชาล่วงผ่านลำคอ ลูกค้าก็ค่อยรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นและพูดว่า นี่ข้ากำลังเร่งจะไปส่งของที่ชายแดน เฮ้อ...สองปีมานี้แคว้นตงหลิน(๔)มาก่อเรื่องตรงชายแดน ทำเอาคนค้าคนขายอย่างพวกข้าแทบจะไม่มีกินอยู่แล้ว โชคดีนะที่เสี่ยวจิ้งอานหวาง(๕)ยกทัพไล่ตีฉูเป่ยอะไรนั่นถอยกลับไปได้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่พวกตงหลินถึงจะถอยทัพกลับไปได้
หึ เสี่ยวจิ้งอานหวางของพวกเรานี่แน่จริงๆ !
ข้ารู้จักคนชื่อเป่ยอะไรนั่นที่เจ้าพูดล่ะ เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของต้าหวาง(๖)แคว้นตงหลิน เขาก็เก่งกาจมากเหมือนกัน
คนข้างๆ ผู้หนึ่งพูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง
เก่งกาจมากแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร มาเจอเสี่ยวจิ้งอานหวางของพวกเราเข้าก็ถูกตีกลับบ้านไปแล้วไม่ใช่หรือไง ? จบคำก็ดื่มน้ำชาในชามจนหมดในรวดเดียว แล้วล้วงเงินอีกหนึ่งอีแปะออกมาวางลงบนโต๊ะอย่างใจกว้าง ผู้เฒ่า เอามาอีกชาม !
เมื่อได้ยินคำว่า เสี่ยวจิ้งอานหวาง ผู้เฒ่าขายน้ำชาก็พยักหน้าหงึกๆ พูดพลางรินน้ำชาไปพลางว่า
ข้าก็เคยได้ยินมาขอรับ ท่านเป็นยอดขุนพลอันดับหนึ่งของแคว้นกุยเล่อเราเชียวละ ไม่มีศึกใดที่ท่านรบไม่ชนะ
ระหว่างที่กำลังสนทนากันอย่างออกรสนั่นเอง เสียงถอนหายใจยาวเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ก่อนจะกล่าวว่า
พวกเจ้ายังกล้าเอ่ยคำ เสี่ยวจิ้งอานหวาง กันอีกรึ ? ตอนนี้น่ะ...เสี่ยวจิ้งอานหวางได้กลายเป็นกบฏของกุยเล่อไปแล้ว !
คำพูดนี้ดุจฟ้าผ่าลงกลางแจ้ง ส่งผลให้ทุกคนที่กำลังล้อมวงดื่มน้ำชาตกตะลึงอ้าปากค้างทันที
ผู้เฒ่าขายน้ำชามือกระตุกวูบ ร้องถามอย่างตกใจ
ลูกค้าท่านนี้ว่าอะไรนะ ? เสี่ยวจิ้งอานหวาง......
ยังไม่รู้กันสินะ ? ลูกค้าซึ่งเพิ่งจะมาถึงทรุดนั่งลงกระพือแขนเสื้อให้ตัวเองคลายร้อน ข้าเพิ่งจะมาจากเคอหลง(๗)เมื่อวานนี้เอง เสี่ยวจิ้งอานหวางลอบสังหารต้าหวางไม่สำเร็จ จึงหนีออกจากเคอหลงไปแล้ว ตอนนี้ต้าหวางได้ประกาศจับคนในวังจิ้งอานหวางทุกคนไปทั่วแคว้น ข้าได้ยินมาว่ารางวัลนำจับสูงไม่ใช่น้อยเสียด้วย
แต่เสี่ยวจิ้งอานหวางเพิ่งจะปราบทัพศัตรูที่มารุกรานชายแดนลงได้ และเพิ่งจะกลับมาถึงเคอหลงเพื่อรับรางวัลไม่ใช่รึ ?
หึ เจ้าว่ามันน่าแปลกไหมล่ะ ก็คืนของวันที่กลับมาถึงเคอหลงนั่นแหละที่เขาคิดจะเข้าวังไปลอบสังหารต้าหวาง พวกเจ้ารู้ไหมว่าตอนนั้นเขาพกกระบี่อะไรติดตัวไป ? เมื่อเห็นว่าผู้คนรายรอบต่างตั้งอกตั้งใจฟังที่ตัวเองพูด ลูกค้าผู้เล่าเรื่องก็แกล้งทำยักท่าอมพะนำขึ้นมาทันที
คงเป็นยอดกระบี่อะไรสักเล่มละมัง หนึ่งในผู้ที่ล้อมฟังทาย
อย่าไปฟังเจ้านั่นพูดเหลวไหลเลย ผู้ล้อมฟังอีกคนเอ่ยเสียงหยัน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเสี่ยวจิ้งอานหวางจะกบฏ ก็วังจิ้งอานหวางน่ะเป็นขุนนางที่ภักดีต่อกุยเล่อมาทุกชั่วคน ไม่มีทางก่อกบฏเด็ดขาด
เมื่อลูกค้าผู้เล่าเรื่องเห็นว่ามีคนสงสัยในเรื่องที่ตนเล่า ก็โกรธจนหนวดกระดิก แผดร้องว่า
เขาใช้กระบี่เฮยม่อ(๘)ที่ต้าหวางประทานให้เป็นรางวัลนั่นแหละลอบสังหารต้าหวาง ! กระบี่เฮยม่อคงจะเคยได้ยินสินะ ? ขอเพียงถูกมันกรีดใส่ ไม่ว่าบาดแผลจะเล็กแค่ไหนก็จะกลายเป็นสีดำไปทั้งแถบ และไม่มีวันจางหายไปตลอดกาล
แต่ว่า......
ระหว่างที่ยังถกเถียงกันไม่จบ คนทั้งกลุ่มก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าหลายตัวค่อยๆ ดังใกล้เข้ามา
ขบวนรถม้าได้มาถึงอีกหนึ่งขบวน เป็นขบวนรถม้าของพ่อค้าที่ดูธรรมดาอย่างมาก ประตูและหน้าต่างรถถูกผ้าม่านเนื้อหนาปิดเอาไว้อย่างมิดชิด ผู้ขับรถม้าคือชายฉกรรจ์ซึ่งมีใบหน้าอวบอูม ชายฉกรรจ์กระโดดลงจากรถม้า โยนเงินอีแปะลงบนโต๊ะสองเหรียญ แล้วตวาดว่า
ตาเฒ่า เอาน้ำชามาสองชาม !
มาแล้วขอรับ ! ผู้เฒ่าขายน้ำชารีบร้องรับ
อากาศบัดซบนี่ร้อนเป็นบ้า !
ใช่ขอรับๆ ท่านลูกค้านั่งพักคลายร้อนใต้ร่มไม้สักครู่แล้วค่อยไปต่อเถอะ ตอนนี้กำลังคุยกันถึงเรื่องของเสี่ยวจิ้งอานหวางอยู่ล่ะขอรับ ผู้เฒ่ากล่าวพลางวางชามใส่น้ำชาลงตรงหน้าอีกฝ่าย
:-) ! เหลาจื่อ(๙)กำลังรีบจะไปค้าขายอยู่โว้ย ! ใครจะไปสนใจเรื่องของหวางนี่หวางโน่นอะไรนั่นกันวะ ชายฉกรรจ์สำรากจบก็แหงนหน้ากรอกน้ำชาลงคอดังอึกๆ จากนั้นปลดถุงน้ำขนาดใหญ่ที่ข้างเอวออกส่งให้ผู้เฒ่า ใส่ให้เต็มถุงนี่ด้วย เหลาจื่อจะรีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้
ผู้เฒ่าขายน้ำชารีบเติมน้ำชาใส่ถุงให้อีกฝ่ายจนเต็มโดยเร็ว
ชายฉกรรจ์รับถุงน้ำมา กระโดดกลับขึ้นไปบนรถม้า ตวาดเสียงดัง รถม้าก็เริ่มแล่นมุ่งหน้าต่อไป
<>::<>::<>
๑. เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนที่อากาศร้อนมากที่สุดของประเทศจีน เทียบได้กับเดือนเมษายนของไทย
๒. แคว้นกุยเล่อ (Guileguo : กุยเล่อกั๋ว) แปลว่า แคว้นแห่งความหรรษา
๓. เงินอีแปะ คือหน่วยเงินที่เล็กที่สุดของจีนโบราณที่คนไทยชินกับการเรียก
๔. แคว้นตงหลิน (Donglinguo : ตงหลินกั๋ว) แปลว่า แคว้นป่าตะวันออก
๕. เสี่ยวจิ้งอานหวาง หรือ เจ้าชายเทิดสันติน้อย เป็นคำเรียกทายาทผู้ซึ่งจะสืบทอดตำแหน่ง จิ้งอานหวาง (เจ้าชายเทิดสันติ) ซึ่งตำแหน่งนี้จะตกทอดแก่บุตรชายคนโตของภรรยาหลวง
๖. ต้าหวาง (dawang) คำเรียกพระราชา
๗. เคอหลง (Kelong) ชื่อเมืองหลวงของแคว้นกุยเล่อ
๘. กระบี่เฮยม่อ (heimo) กระบี่หมึกดำ
๙. เหลาจื่อ (laozi) แปลว่า พ่อ เป็นคำเรียกตัวเองแบบดูถูกคู่สนทนา คือยกตัวเองว่าเป็นพ่อของคู่สนทนา
<>::<>::<>
จากคุณ :
Linmou
- [
26 ก.ค. 51 16:40:34
]