Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เพราะรักนั้นยังอยู่1

    เอาเรื่องสั้นมาให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้ลองอ่านดูค่ะ
    ตอนแรกว่าจะแบ่งเป็น 2 กระทู้ แต่ไปๆ มาๆ เห็นว่ากระทู้เดียวน่าจะพอก็เลยใส่รวมกันไว้ค่ะ

    เพราะฉะนั้นไม่มีกระทู้ เพราะรักนั้นยังอยู่ 2 นะคะ

    ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ จะรอคอมเม้นท์จากนักอ่านทุกท่านค่ะ

    ------------------------------------------------------------------------

    เอื้อมมือไปได้เจอแต่ความว่างเปล่า เมื่อมองไปได้เจอแต่เงาเท่านั้น ได้ยินเสียงตัวเองก้องหัวใจ กระซิบว่ายังต้องการ เธอคนนั้นที่เคยรักกัน...

    เอื้อมมือไปต้องการจับมือของเธอ เมื่อมองไปต้องการสบตาคู่นั้น อยากให้ภาพทรงจำที่แสนดี กลับมาที่เดิมของมัน แต่วันนั้นจะนานเท่าไร...

    ภายใต้ร่มไม้ใหญ่บริเวณเก้าอี้หินอ่อนหน้าคณะศิลปะศาสตร์ ภาพของหญิงสาวที่เอาแต่นั่งหมดอาลัยตายอยากในชีวิตมาตั้งแต่เกิดเรื่องในวันปฐมนิเทศ ทำให้นัทธรมองแล้วได้แต่ถอนใจยาวด้วยความเห็นใจแกมห่วงใย หากเขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันยากเหลือเกินที่จะเชื่อได้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง ทว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับคนตรงหน้านั้นก็ทำให้เขาจำเป็นต้องเชื่ออย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง


    “พี่ว่ารวิอย่าเพิ่งคิดมากไปเลย บางทีภูบดีเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้” ชายหนุ่มปลอบด้วยประโยคที่เกือบจะเป็นประโยคเดิมๆ ที่เขาเคยพูดมาแล้วหลายครั้ง

    “ไม่จริงหรอก น้องกุลเขาต้องโกรธรวิแล้วแน่ๆ เขาจะไม่มีวันให้อภัยรวิอีกแล้ว” รวิดาบอกเสียงดังด้วยความอัดอั้น ก่อนจะก้มลงมองมือขวาของตนเองแม้จะผ่านมาได้เกือบเดือนแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงกระแสบางอย่างอันรุนแรงที่เกิดขึ้นทันทีที่เธอแตะโดนเพียงปลายนิ้วของชายหนุ่มที่เป็นพี่รหัสของเธอคนนั้น เสียงลั่นเปรี๊ยะที่ดังราวกับสัมผัสเข้ากับกระแสไฟแรงสูงจนตัวชา ภาพทุกอย่างในหัวหมุนคว้างสติสัมปชัญญะเลื่อนลอยก่อนที่เธอจะหมดสติและล้มลง

    กลิ่นแอมโมเนียฉุนกึกที่ลอยอยู่ใกล้จมูกเรียกสติของหญิงสาวให้กลับมาอีกครั้ง และเมื่อลืมตาขึ้นภาพแรกที่รวิดาเห็นก็คือใบหน้าระบายยิ้มอย่างโล่งใจของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เลื่อนก้อนสำลีชุบแอมโมเนียออกขณะที่อีกมือหนึ่งยังคงโบกพัดในมือให้เธอไม่หยุด รอบกายของเธอรายล้อมไปด้วยใครต่อใครอีกหลายคน หากภาพเหล่านั้นพร่าเลือนและไม่มีความหมายสำหรับเธอแม้แต่น้อย

    และโดยที่ไม่มีใครคาดคิด ท่ามกลางสายตาของรุ่นพี่และเพื่อนร่วมคณะคนอื่นๆ  รวิดาก็ผวาลุกพรวดขึ้นกอดชายหนุ่มที่เป็นพี่รหัสของเธอแน่น ด้วยความรู้สึกอันเปี่ยมล้นไปด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้งของคนที่ได้ของรักที่สูญหายไปนานกลับคืนมา

    ‘กุลยา’ นั่นคือชื่อที่เธอเรียกคนที่อยู่ในอ้อมแขน โดยไม่ทันสนใจว่าในเวลานี้อีกฝ่ายจะยังเป็นคนๆ เดียวกับชื่อที่เธอเรียกขานอยู่อีกหรือไม่ แต่สำหรับรวิดาแล้วไม่ว่ารูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปอย่างไร เธอก็ยังจำได้เสมอ ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้และในห้วงเวลาที่ผ่านมาคือ ดวงวิญญาณดวงเดียวกัน

    ‘ดะ...เดี๋ยวครับน้อง เงยหน้าขึ้นมองดีๆ ก่อนครับ พี่ชื่อภูบดีไม่ใช่กุลยานะครับ’ ร่างสูงกว่าบอกด้วยความตกใจและรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังตกเป็นเป้าของสายตาหลายคู่ที่อยู่ในบริเวณนั้น พลางพยายามดันร่างของหญิงสาวให้ออกห่างเพื่อให้เธอมองเขาให้ถนัดชัดเต็มตาอีกครั้ง

    รวิดาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเต็มตาอีกครั้ง อาการชากลับมาเยือนเธออีกครั้งหากคราวนี้ไม่ใช่เพราะกระแสบางอย่างอันรุนแรงอีกแล้วแต่เป็นเพราะคำพูดของคนตรงหน้าเธอต่างหาก

    กุลยา จำเธอไม่ได้ ...ไม่สิ เขาต่างหาก กุลยาจำเขาไม่ได้

    ความรู้สึกเจ็บจนชาเข้าไปถึงส่วนลึกของจิตวิญญาณราวกับหัวใจถูกฉีกกระชาก ไม่ต่างจากในอดีตที่เขาต้องเสียเธอไปกลับคืนมาอีกครั้ง ทำไมกระแสอันรุนแรงนั้นถึงทำให้เขาจำเธอได้อยู่ฝ่ายเดียว ทำให้เขาระลึกได้ถึงอดีตในชาติก่อนและหนี้ที่เขาได้เคยติดค้างเธอเอาไว้...

    รถเบนซ์คันใหญ่สีดำขึ้นเงาเป็นมันปลาบเมื่อสะท้อนเข้ากับแสงแดดยามสาย แล่นเข้ามาจอดในบริเวณหน้าเรือนไทยหลังใหญ่ ก่อนที่ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตาเข้ากับกางเกงขายาวสีน้ำเงินเข้มจะก้าวลงมา โดยมีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งลงมาจากเรือนเพื่อให้การต้อนรับ

    น้ำสีชมพูอ่อนเย็นจัดในแก้วเจียระไนทรงสูงถูกยกขึ้นดื่มรวดเดียวเกือบหมด ร่างสูงกวาดตามองเข้าไปข้างในอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผู้เป็นเจ้าของบ้านยังไม่ออกมา เขาจึงลุกขึ้นไปยังริมระเบียงมุมที่แขวนกรงนกเขาตัวหนึ่งเอาไว้ พลางดีดนิ้วและส่งเสียงผิวปากเล่นกับมันอย่างคุ้นเคย ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับจากเจ้านกแสนรู้เป็นอย่างดี

    ‘ท่าทางมันจะยังคิดถึงเจ้านายของมันอยู่นะ ชาตรี’ เสียงห้าวใหญ่อย่างผู้มีอำนาจดังทักขึ้นที่เบื้องหลัง ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบหันกลับไปทำความเคารพทันที

    ‘มาหายายกุลเหรอ? เห็นน้อยวิ่งเข้าไปตามให้แล้วเดี๋ยวก็คงออกมา’ ร่างสูงใหญ่สมส่วนแบบนายทหารแท้ในชุดเสื้อแขนสั้นสีม่วงอ่อนเกือบขาวกับกางเกงแพรสีม่วงเข้มเอ่ยขึ้นพลางเดินนำไปนั่งยังชุดเก้าอี้รับแขกที่ทำมาจากไม้สักขัดจนขึ้นเงาทั้งชุด ขณะที่เครื่องเรือนชุดอื่นก็ล้วนแต่เป็นของเก่าแก่ที่ตกทอดกันมา

    ‘แล้วนี่ทานข้าวทานปลามาหรือยังล่ะ?’

    ‘เรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ผมต้องไปขึ้นเหนือไปรับญาติผู้ใหญ่ลงมาร่วมงาน ก็เลยกะว่าจะแวะมาหาน้องกุลก่อนน่ะครับ’ ชาตรีตอบว่าที่พ่อตาอย่างนอบน้อม

    นับตั้งแต่วันที่เขาได้พบกับกุลยา หญิงสาวที่งามทั้งใจและกาย สมกับชื่ออันมีความหมายว่า สตรีที่เกิดในตระกูลดี ที่หน้าวัดแห่งหนึ่ง และได้มีโอกาสพูดคุยทำความรู้จักกันที่ร้านขายผ้าเมื่อ 3 ปีก่อน เธอก็ได้กลายเป็นรักแรกรักเดียวในใจเขา ผู้หญิงที่ผ่านมาคนแล้วคนเล่าไม่เคยทำให้หัวใจของทั้งทุกข์และสุขในเวลาเดียวกันได้มาก่อน  เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาต้องรู้สึกเร่าร้อนกระวนกระวายกับการเฝ้าคอย...คอยที่จะได้พบกับเธอ คอยที่จะได้เห็นรอยยิ้มของเธอ ชายหนุ่มเริ่มนึกรังเกียจและชิงชังกับอดีตอันเสเพลของตนเองที่ผ่านมา และหวาดกลัวว่ามันจะเป็นสาเหตุให้เธอปฏิเสธเขา แต่เมื่อหญิงสาวไม่รังเกียจและพร้อมจะให้โอกาสเขา ชาตรีก็รู้สึกราวกับได้โลกทั้งใบมาไว้ในกำมือ

    ทว่าโลกที่เขาได้มาไว้ในกำมือนั้นก็ยังไม่สดใสนัก เมื่อกุลยาเป็นลูกสาวคนเดียวของนายพลการุณย์และคุณหญิงกุลนัดดา ซึ่งทั้ง 2 ท่านได้ชื่อว่าหวงลูกลูกสาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ ชายหนุ่มจึงต้องต่อสู้ทุกรูปแบบเพื่อเอาชนะใจว่าที่พ่อตาและว่าที่แม่ยายให้ได้ เขาใช้ทั้งสงครามของขวัญของกำนัลมากมาย แล้วยังต้องวิ่งหนีลูกปืนจากว่าที่พ่อตาที่ไม่ได้มีความการุณย์สมชื่อคนนี้อีกด้วย

    ‘เฮ้ย เอ็งนี่มันยังไงกันวะ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่มีทางยกลูกสาวข้าให้เสือผู้หญิงอย่างเอ็ง ยังมาตามตื๊ออยู่ได้ ไม่กลัวถูกยิงไส้แตกบ้างหรือไง ถึงพ่อเอ็งจะเป็นกำนันข้าก็ไม่สนหรอกนะ’ ท่านนายพลประกาศกร้าวอย่างโกรธจัดจนหนวดกระตุก เมื่อไอ้หนุ่มหาญกล้าแอบปีนรั้วลวดหนามเข้ามาหาลูกสาวท่านถึงในบ้าน

    ‘ผมไม่กลัวครับ ผมรักน้องกุลจริงๆ และไม่เคยคิดจะหลอกลวงเธอเลย’

    ชาตรีตอบเสียงหนักแน่นอย่างไม่เกรงกลัว ...เมื่อรักแล้วคนอย่างเขากล้าเสี่ยงเสมอ เพราะรู้ว่าสิ่งที่เขาพยายามต่อสู้เพื่อให้ได้มานั้นมีค่ากับชีวิตของเขามากเพียงใด

    ‘หมายความว่าเอ็งจะยอมแอ่นอกรับกระสุนข้าแต่โดยดีสินะ’ ว่าพลางยกปืนยาวในมือขึ้นเล็ง ‘แล้วเอ็งจะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ’

    ‘สิ่งที่ผมตัดสินใจ ผมไม่มีวันเสียใจ เมื่อได้เจอน้องกุลผมถึงรู้ว่าความหมายในชีวิตคืออะไร และวันนี้ผมก็จะขอสู้เพื่อสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผม แม้ว่าจะต้องเดิมพันด้วยชีวิตก็ตาม’ ชาตรีหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกตอนนั้นเขาคิดอยู่อย่างเดียวว่า

    ตายเป็นตาย!

    “เปรี้ยง!!!”  

    เสียงปืนลั่นดังสนั่นไปทั่ว หากเมื่อลืมตาขึ้นชาตรีกลับไม่พบบาดแผลบนหน้าอกของเขาแต่อย่างใด และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองผู้สูงวัยกว่า ชายหนุ่มก็พบว่านายพลการุณย์กำลังมองตรงมาที่เขาด้วยสายพินิจพิจารณาอย่างหนักหน่วงก่อนปืนในมือที่ถูกหันกระบอกยิงขึ้นฟ้าจะถูกลดลง

    ‘ถ้าเอ็งรักยายกุลจริง เอ็งก็ต้องพิสูจน์ให้ข้าเห็น’

    ‘ครับท่าน’ ชาตรีตอบรับอย่างลิงโลด ประกายแห่งความสำเร็จของเขาทอแสงขึ้นรำไรแล้ว

    หลังจากนั้นชาตรีก็เพียรพยายามอย่างหนัก ชายหนุ่มเลิกการเป็นนักเลงหัวไม้และเสือผู้หญิงอย่างสิ้นเชิง และกลับมาช่วยดูแลกิจการต่างๆ ที่มีอยู่มากมายของผู้เป็นบิดา ซึ่งนั่นไม่เพียงแต่ทำให้นายพลการุณย์และคุณหญิงกุลนัดดาพอใจเท่านั้น หากพ่อกำนันและแม่ของเขาเองก็พลอยดีใจไปด้วยที่ลูกชายกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีได้


    กว่าจะเอาชนะและพิสูจน์ให้บิดามารดาของหญิงสาวได้เห็นว่า ลูกชายกำนันที่เคยเป็นทั้งนักเลงและเสือผู้หญิงอย่างเขา ยอมทิ้งลายเสือกลายมาเป็นแมวเหมียวเชื่องๆ แล้วจริงๆ เวลาก็ผ่านไป 3 ปีเต็ม จนในที่สุดความความจริงใจของเขาก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อนายพลการุณย์และคุณหญิงยอมยกบุตรสาวเพียงคนเดียวให้หมั้นกับเขา และกำลังจะมีงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้านี้

    ‘ก็ดี ไปจัดการเรื่องผู้หลักผู้ใหญ่ให้เรียบร้อยก่อนก็ดี แต่อย่าเผลอไปหลงเสน่ห์สาวเหนือคนไหนเข้าล่ะ’ นายพลการุณย์เอ่ยทีเล่นทีจริงด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ริมฝีปากภายใต้หนวดดกเข้มปรากฏรอยยิ้มนิดๆ ขณะที่ดวงตาคมดุจตาเหยี่ยวนั้นเป็นประกายอย่างที่เคยทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหนาวๆ ร้อนๆ กันมาแล้วนักต่อนัก หากชายหนุ่มตรงหน้ากลับยิ้มสบตามองตรงมาโดยไม่หลบตาแม้แต่น้อย

                   ‘ผมรับรองครับท่านว่าจะไม่ทำให้ผิดหวังให้ท่านต้องผิดหวังเป็นอันขาด’ ชาตรีตอบอย่างหนักแน่น หัวใจของเขาปิดประตูลั่นดาลอย่างแน่นหนาไม่ให้ใครเข้ามาได้อีกแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติเขาจะไม่มีวันทำให้ผู้หญิงที่เขารักต้องเสียใจเป็นอันขาด

    ‘คุณหนูมาแล้วค่ะ’ เสียงของสาวใช้ดังขึ้น ก่อนที่หญิงสาวผู้เป็นนายในชุดกระโปรงนิวลุคสีชมพูอ่อนจะเดินตามออกมา

    แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 51 22:37:08

    จากคุณ : นารีจำศีล - [ 26 ก.ค. 51 22:00:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom