ช่วงนี้อากาศที่ประเทศอังกฤษร้อนอบอ้าว ติดต่อกันมาหลายวันแล้วค่ะ ร้อนๆอย่างนี้ทั้งคนไข้และพยาบาล อาจจะเพี้ยนขึ้นมาพร้อมๆกันก็ได้นะคะ
หลังจากที่เอาเรื่องของคนไข้และเพื่อนร่วมงานมาชื่นชมพอสมควรแล้ว จากกระทู้ก่อนๆ ถ้าไม่พูดถึงเรื่องของตัวเองเลยก็กระไรอยู่ ใครเขาจะเชื่อว่าพยาบาลไทย บ้านนอกอย่างดิฉันจะดีพร้อมขนาดไม่มีเรื่องหน้าแตก เปิ่น เชยมาเล่าสู่กันฟังบ้าง และเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ทำงานเป็นพยาบาลฝึกหัดของอังกฤษค่ะ
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีคนไข้เยอะมาก แต่ละตึกก็ไม่ต่ำกว่า 40 คนทุกวัน ที่นอนพักรักษาตัว ตึกที่รับดิฉันทำงานครั้งแรกในชีวิตที่นี่ คือ ตึก ศัลยกรรมโรคเส้นเลือด ( Vascular Unit) คนไข้ส่วนใหญ่ช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่เน้นหนักเรื่องนอนพักบนเตียง
วันหนึ่งขณะที่ดิฉันกำลังให้การดูแล Mr. Woods คนไข้ผู้ชาย อายุราวๆ 60 ปี คนหนึ่ง ซึ่งป่วยด้วยโรค Legs ulcer ทำให้ขามีแผลเนื้อตายเขียวดำ เนื่องจากการขาดเลือดมาเลี้ยง คุณลุงคนนี้ต้องนอนพักบนเตียง และทำแผลทุกวัน
Nurse , I want to wee , could you please help me คนไข้ถามขณะที่ดิฉันเดินผ่าน
จากป้ายปลายเตียง Bed Rest Only ทำให้ดิฉันรู้ว่า Mr. Woods ไม่สามารถเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายปัสสาวะเองได้ ดิฉันจึงถามว่า
Would you like me to get you a bottle
ดิฉันถามคุณลุงเพื่อความมั่นใจว่าแกจะใช้กะเปาะใส่ปัสสาวะหรือไม่ เพราะบางครั้งคนไข้อาจจะอยากใช้ commode (โถส้วมเคลื่อนที่) แทนก็ได้
I dont need a bottom , why do I need it, I got one myself
Mr. Woods ตอบมาว่า แก ไม่ต้องการ "ก้น" เพราะแกมีก้นของแกเองอยู่แล้ว
ดิฉันอดขำไม่ได้กับคำตอบของคนไข้ ซึ่งอาจจะเป็น เพราะแกได้ยินไม่ชัด หรือ อาจจะเป็นเพราะสำเนียงภาษาอังกฤษของดิฉันแย่เกินไป ก็อาจเป็นได้ ทำให้แก เข้าใจผิด คิดว่าดิฉันจะไปเอา ก้น มาให้ให้แก
์No, I meant
.a bottle for your wee wee
ดิฉันพูดซ้ำ คำเดิมกับแก พยายามออกเสียงให้ชัดที่สุด เท่าที่จะทำได้
" I don't need a bottom " แกยืนยันคำเดิม
" Not Bottom, I said.. bottle " ดิฉันพยายามอธิบาย
............
Mr. Woods มองหน้าดิฉันอย่าง งงๆ พร้อมทั้งหันไปถามคนไข้ผู้ชายเตียงใกล้ๆว่าดิฉันพูดว่าอะไร
What did the nurse say
She asked if you want ้a bottle
คนไข้อีกคน วัย 40 ปี บอกกับแกว่า จะเอากะเปาะใส่ปัสสาวะหรือไม่ พยาบาลจะไปหยิบให้
Oh yes, please
คุณลุงหันมาตอบพร้อมทั้งหัวเราะ อย่างถูกอกถูกใจทีแกหลงเข้าใจผิดดิฉันในตอนแรก
ดิฉันยิ้มให้แก พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณคนไข้คนนั้น ที่ช่วยแก้ไขปัญหา ให้ มิฉะนั้น คงต้องอธิบายกันเรื่อง ก้น ที่แกเข้าใจผิด กันอีกนาน และเผลอๆ แกอาจจะปัสสาวะรดที่นอนแทน ก็เป็นได้ กว่าจะพูดกันรู้เรื่อง
ขณะที่ดิฉันเดินผ่านหน้าเคาท์เตอร์พยาบาล ไปยังห้องน้ำเพื่อหยิบขวดที่ว่า พยาบาลรุ่นพี่คนหนึ่งถามดิฉันว่า
Where are you going
I am going to get a bottle for one of my patients
ดิฉันตอบว่าจะไปหยิบกะเปาะถ่ายปัสสาวะให้คนไข้คนหนึ่ง
พยาบาลคนนั้นมองหน้าดิฉันแบบ งง ยกกำลังสอง พร้อมทั้งถามว่า
What do you mean ? Get a bottom ???????
อีกแล้วหรือนี่ ??? ทำไมภาษาดิฉันมันเพี้ยนได้ขนาดนี้ ดิฉันเดินไปหยิบ BOTTLE (ขวดใส่ฉี่) ที่ไม่ใช่ BOTTOM ( ก้น ของใครก็ไม่รู้) มาส่งให้เธอดู พยาบาลรุ่นพี่คนนั้นหัวเราะกับเพื่อนอีกคนอย่างฝืนเอาไว้ไม่ได้ ............
ในขณะที่ดิฉันเดินเอาเจ้าสิ่งนั้นไปให้คนไข้ อย่างเซ็งๆ ในความสามารถด้านภาษาของตัวเอง
กลับถึงบ้านตอนเย็น พยายามฝึก ออกเสียง Bottle กับ Bottom อยู่หลายสิบรอบ
เหมือนคนบ้าก็ว่าได้
..................
ยัง......................ยังไม่จบเพียงแค่นั้น ถ้าเรื่องหน้าแตก....มีเพียงแค่นี้ ก็คงไม่ใช่ พยาบาลหลังเขาที่ ทะเยอทะยาน สมองไหล มาทำงานเมืองนอก อย่างดิฉันแน่นอนค่ะ
หลังจากผ่านเรื่อง ขวด กับ ก้น มาได้ไม่กี่วัน เหตุการณ์ที่หนักกว่าเดิม ก็เกิดขึ้น ขณะที่ดิฉัน ช่วยตามคณะแพทย์ราวด์คนไข้ในช่วงเช้าตรู่วันหนึ่ง ก่อนที่จะลงเวรดึก
Mr. Trent วัย 43 ปี เป็นคนไข้รับใหม่ในเวรดึกของดิฉัน
คนไข้ผู้ชายรายนี้ มีแผลที่เกิดจากภาวะการขาดเลือดไปเลี้ยง หรือ Ischemia เช่นเดียวกับคนไข้คนอื่นๆในตึก อีกทั้งเกิดการติดเชื้อที่แผลร่วมด้วย
เนื่องจากหมอประจำบ้าน และ หมอเฉพาะทางยังไม่เคยเจอคนไข้มาก่อน ทำให้ ดิฉันต้องรายงานอาการของคนไข้ ให้กลุ่มหมอที่มาเยี่ยมรับทราบ
ขณะที่ดิฉันเล่ารายละเอียดต่างๆอยู่นั้น อาจารย์หมอถามว่า
How is the wound , can I have a look
หลังจากที่ดิฉันเปิดแผลให้กลุ่มหมอที่มาเยี่ยมไข้ดู หมอคนหนึ่งพูดขึ้นว่า
It doesnt look that bad
I dont think it is infected
หมอประจำบ้านคนหนึ่งพูดแย้งขึ้นว่า ลักษณะของแผลที่เห็น ไม่น่าจะติดเชื้อ ขณะที่หมอคนอื่นๆกำลังคิดว่าควรจะให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับการทำแผลด้วย
ดิฉันได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า
He didnt have any temperature this morning , but he did last night .. He was really hot in bed when I got him in at 11.00 pm
ทุกคนหัวเราะขึ้นพร้อมๆกัน รวมทั้งคนไข้ เมื่อได้ยินพยาบาลต่างชาติมือใหม่ รายงานอาการจบ
ดิฉันก็สงสัยตัวเองว่า พูดอะไรผิดเพี้ยนไปอีกแล้วนะ ทั้งๆที่พยายามอธิบายเพื่อสนับสนุนอาการว่า แผลคนไข้น่าจะติดเชื้อจริง เพราะมีไข้ร่วมด้วยตอนแรกรับเข้ามาไว้ที่ตึก
ดิฉันมองหน้าคนโน้นที คนนี้ที ด้วยหน้าตาเด๋อด๋าสุดๆ ก็จะอะไรอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะภาษาอังกฤษของดิฉันวิบัติอีกแล้ว
ประโยคที่เรียกเสียงหัวเราะ ( แถมเวทนาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้) จากทุกคนก็คือ
He was really hot in bed
ก็ประโยคที่ว่านี้ ถ้าแปลดีๆ แล้วมันหมายถึง อุณหภูมิความร้อน บนเตียง ที่ส่อไปในทางอย่างว่า..
เสียมากกว่า แถมดิฉันยังยืนยันด้วยอีกว่า when I got him in at 11.00 pm
(ขณะที่ดิฉันรับคนไข้ผู้ชายรายนี้ไว้เมื่อเวลา 5 ทุ่ม เมื่อคืนนี้)
แปลรวมๆแล้วคือ คนไข้ผู้ชายรายนี้ ร้อนมาก (ขณะที่นอน) บนเตียงเมื่อคืนนี้ ตอนที่ดิฉันรับเขาไว้ในการดูแล เมื่อ เวลา 23.00 น.
เรื่องภาษาเพี้ยนๆ สร้างความอับอายขายหน้าให้ดิฉัน มีอยู่แทบทุกวันในช่วงนั้น จะว่าไปแล้ว ก็เหมือน เด็กบ้านนอกเข้ากรุง แต่ที่อาการมันเปิ่น เฉิ่มกว่าหลายเท่านัก เพราะมันเป็น กรุงลอนดอน เจ้าค่ะ ก็ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาที่แม่หัดให้พูดตั้งแต่เล็กๆนี่นา....
รู้อย่างนี้แล้ว...ไปบอกใครที่ไหนเขาจะเชื่อว่า....ทุกคนที่จะมาเป็นพยาบาลที่อังกฤษ ต้องผ่านการสอบ IELTS คะแนน 7.0 มาก่อน....เฮ้ออออ
แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 51 04:06:04
แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 51 03:55:08
จากคุณ :
teansri
- [
28 ก.ค. 51 03:36:21
]