Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    จอมนางคู่บัลลังก์ บทที่ 4

    ตอนที่ 1-3  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6833585/W6833585.html



    บทที่ 4


    “ฮู่...ดูงิ้วเรื่องเอกจบแล้ว” ครั้นฉูเป่ยเจี๋ยเดินจากไป คุณหนูฮัวก็สบโอกาสอ้าปากหาวหวอดดังที่ใจอยาก แล้วกระโดดลุกขึ้นเลิกม่านเปิดออก พูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายว่า

    “เป็นทหารขนานแท้เลยเชียว มีแต่หน้าตาท่าทางเท่านั้นที่ดูดี ไม่รู้จักพูดอะไรที่มันสนุกๆ เสียบ้างเลย แล้วเจ้าก็ยังอุตส่าห์คุยกับเขาได้ตั้งเป็นนานสองนาน อ้าว...เสี่ยวหง ทำไมถึงไม่พูดอะไรเล่า ?” ตอนท้ายร้องทักอย่างประหลาดใจ

    พิงถิงกำลังขมวดคิ้วนิ่งใคร่ครวญอย่างร้อนใจ จึงเอ่ยรับไปตามแกนโดยที่ความคิดยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวของ “ตงติ้งหนาน” ซึ่งเพิ่งจากไป

    มีข่าวของนายน้อยอย่างนั้นหรือ ?

    ทุกคนในวังจิ้งอานหวางปลอดภัยดีหรือไม่ ?

    “ตงติ้งหนาน” ไปทำอะไร ?

    ท่วงท่าการเดินเหินนั้น ท่าทีที่กล่าวถึงเรื่องการศึกในการสนทนาเล่นนั้น และอาการกระซิบบอกข่าวอย่างระมัดระวังนั่น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่พิงถิงคุ้นเคยอย่างลึกซึ้งทั้งสิ้น...นั่นเป็นบุคลิกของผู้ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่

    ...แม่ทัพใหญ่หรือ ?... หญิงสาวเริ่มนึกถึงแม่ทัพซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังของตงหลินที่ทั้งหนุ่มแน่น มีความสามารถจริง แล้วยังเป็นราชนิกุลตงหลินไปทีละคนๆ

    นามของเจิ้นเป่ยหวางผุดขึ้นมาเป็นคนแรกทันที...

    หญิงสาวกะพริบตา นึกเจ็บใจตัวเองที่เมื่อก่อนไม่ส่งคนไปลอกภาพใบหน้าของฉูเป่ยเจี๋ยมาให้ดูสักภาพ

    แต่การที่เจิ้นเป่ยหวางจับพลัดจับผลูมากำนัลพิณและขอพบนาง......สาวใช้ของวังจิ้งอานหวาง......มันจะไม่บังเอิญจนพิสดารเกินไปหน่อยหรือ ?

    คุณหนูฮัวเห็นหญิงสาวนั่งเหม่อ ก็เอามือปิดปากพูดกลั้วหัวเราะ

    “คนเขาไปแล้ว เจ้ายังมัวหลงเพ้ออยู่อีก หรือว่าน้องนุชพี่ยาหัวใจตรงกัน ต่างคะนึงหากันเสียแล้ว ?” จากนั้นเอาผ้าเช็ดหน้าโบกไปมาตรงหน้าพิงถิง

    เมื่อขนตาสัมผัสถูกผ้าเช็ดหน้า พิงถิงจึงค่อยได้สติ และพูดว่า

    “ง่วงจัง ข้าอยากกลับห้องไปนอนพักเจ้าค่ะ”

    “ยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลยนะ”

    “พรุ่งนี้เช้าค่อยทานชดเชยก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

    เมื่อกลับมาถึงห้องและเอนกายนอนลงบนเตียงแข็งกระด้างแต่สะอาดสะอ้าน พิงถิงก็เริ่มขบคิดอีกครั้ง

    “นายน้อย......”

    หญิงสาวกัดฟันกรอด ยิ่งกระวนกระวายใจหนักกว่าเดิม เปลวไฟขุมหนึ่งแผดเผาเบาๆ อยู่ภายในอก ร้อนใจมากเสียจนต้องรีบสั่งตัวเองเบาๆ

    “อย่าร้อนใจสิ พิงถิง ! การร้อนใจมีแต่จะทำให้เสียเรื่องนะ !”

    จิตใจที่ร้อนรนกระวนกระวายค่อยๆ สงบลง หญิงสาวสูดหายใจลึกสองครั้งอย่างเยือกเย็น แล้วหลับตาลง ในสมองผุดภาพผืนธงของจิ้งอานหวางอันแสนคุ้นเคย

    นางนึกถึงนายน้อย นึกถึงวังจิ้งอานหวาง นึกถึงระหว่างทางที่พวกเขาขี่ม้ากลับบ้านหลังจากได้รับชัยชนะ......


    <>::<>::<>


    เสี่ยวจิ้งอานหวางเพิ่งจะชนะศึก กองทัพใหญ่เคลื่อนทัพไปอย่างแช่มช้า ธงประจำตัวสีสันสดใสของจิ้งอานหวางพลิ้วไสวอยู่สูงเด่น สองข้างซ้ายขวามีธงรองแม่ทัพข้างละสี่ผืน ยิ่งเสริมให้ดูองอาจน่าเกรงขามเป็นทวีคูณ

    แม่ทัพผู้อยู่ด้านหน้าสุดขี่อาชาตัวสูงใหญ่ สวมเครื่องแบบทหารสีม่วงลายมังกรขนด บนไหล่คลุมชุดเกราะซึ่งขัดถูจนเงาวับ ยอดกระบี่ที่ข้างเอวเลี่ยมทองฝังหยก ดูสูงค่าสุดประมาณ

    คนผู้นี้ก็คือ เหอเสีย ซึ่งผู้คนพากันจุปากชมเชยนั่นเอง...

    ในวันนั้น เหอเสียซึ่งชนะศึกกลับมาไม่มีสีหน้ายินดีแม้แต่น้อย คิ้วเข้มมีเอกลักษณ์ทั้งคู่ขมวดลึก

    “นายน้อย !” เสียงหวานใสของสตรีดังมากระทบโสตจากด้านหลังพร้อมด้วยเสียงฝีเท้าม้าวิ่งไล่ตามหลังมา

    แม้ไม่หันกลับไปดู เหอเสียก็ทราบว่าผู้ที่ไล่ตามหลังมาคือใคร

    “พิงถิง สองวันมานี้ไม่สบายไม่ใช่หรือ ข้าอุตส่าห์สั่งเอาไว้แล้วนี่ว่าให้เจ้านั่งเกี้ยว ทำไมถึงยังขี่ม้าอีกเล่า ?”

    พิงถิงไล่ตามมาจนทัน แล้วขี่ม้าเคียงข้างไปกับผู้เป็นนาย

    “ข้าเปราะบางปานนั้นเสียที่ไหนกันเจ้าคะ ? ก็แค่ไอไม่กี่ครั้งเท่านั้นเอง ตงจั๋วน่ะสิดันตกอกตกใจเกินเหตุ รีบร้อนแล่นมารายงานนายน้อยเสียได้ ข้าน่ะกลัวจริงๆ นะเจ้าคะว่านายน้อยจะเห็นว่าข้าอ่อนแอป่วยง่าย แล้วครั้งหน้าจะไม่ให้ข้าติดตามกองทัพมาออกรบด้วยอีก”

    “หากไม่พาเจ้ามาออกรบด้วยแล้วเจ้าจะยอมหรือ ? เฮ้อ...แย่ตรงที่ทำให้เจ้าต้องลำบากไม่ใช่น้อยนี่สิ เป็นเด็กผู้หญิงแท้ๆ แต่กลับต้องมาอยู่ท่ามกลางดงอาวุธ พอล้มป่วยก็ไม่มีหมอดีๆ มาช่วยดูแลให้” เหอเสียถอนหายใจ

    หญิงสาวหัวเราะคิก ลูบผมที่ถูกลมตีจนยุ่งเบาๆ

    “ข้าไม่ลำบากสักหน่อยเจ้าค่ะ ก็มีสาวใช้คนไหนบ้างเล่าที่โชคดีมีโอกาสได้ติดตามนายน้อยมาออกรบเหมือนอย่างข้า ?” เสียงหัวเราะเพิ่งดังขึ้นได้ไม่เท่าไร คิ้วของหญิงสาวก็ขมวดมุ่น ก่อนจะไอออกมาเบาๆ

    ผู้เป็นนายหันมามอง “เป็นอะไรไป ? ถ้ายังไม่หายดีก็อย่าฝืนเลย แดดจัดออกอย่างนี้ เจ้าก็ยังดันทุรังขี่ม้าตามข้ามา ถ้าไม่ยอมเชื่อฟังกันละก็ ข้าจะไม่อนุญาตให้เจ้าตามมาออกรบด้วยอีกจริงๆ นะ”

    หญิงสาวรีบเอามือปิดปากกลบเกลื่อนเสียงไอทันที หลังจากผ่านไปชั่วครู่ นางก็เงยหน้าขึ้นเห็นสายตาห่วงใยของผู้เป็นนาย จึงยิ้มบางๆ

    “นายน้อยไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ ข้าน่ะแข็งแรงยิ่งกว่าม้าเสียอีกนะ” นัยน์ตาเปล่งประกายฉลาดเฉลียวกวาดมองใบหน้าผู้เป็นนายชั่ววูบ ก่อนจะหลุบตาลงกล่าวเบาๆ

    “ข้ากลัวแค่ว่า......เฮ้อ......กลัวว่าเวลาที่นายน้อยกำลังกลุ้มใจ...กลับไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้นเองเจ้าค่ะ” จบคำหญิงสาวก็ถอนหายใจเบาๆ

    คำพูดของนางแทงใจดำของเหอเสียเข้าให้อย่างจัง ชายหนุ่มนิ่งตะลึง ก่อนจะยิ้มเฝื่อนๆ พร้อมกับส่ายหน้า

    “ยายเด็กประหลาดเอ๋ย ปิดบังอะไรเจ้าไม่ได้เลยสิน่า”

    ครั้นเห็นว่าสีหน้าของสาวใช้ตัวน้อยไม่ได้มีเลือดฝาดเช่นยามปกติ ชายหนุ่มก็รั้งบังเหียนหยุดม้า แล้วเบือนหน้ามาพูดยิ้มๆ

    “มานี่เถอะ ข้าจะช่วยประคองให้ เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย เราสองคนมาพูดเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจอย่างจริงจังกันหน่อยดีกว่า”

    “เจ้าค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า แล้วลงจากหลังม้าตามที่สั่ง

    ชายหนุ่มยื่นมือออกไปอุ้มสาวใช้ตัวน้อยขึ้นมาวางให้นั่งลงตรงหน้า แล้วใช้มือหนึ่งโอบเอวช่วยประคองร่างบอบบางเอาไว้ ส่วนอีกมือจับบังเหียน จากนั้นจึงใคร่ครวญถึงสิ่งที่กำลังคิดอยู่เมื่อครู่ ก่อนจะกระซิบว่า

    “ครั้งนี้ที่รับบัญชามากวาดล้างทัพตงหลินที่รุกรานชายแดน พวกเราประมือกับฉูเป่ยเจี๋ยมาได้สองเดือน โดยเปลือกนอกพวกเราชนะ แต่ในความเป็นจริงคือพวกเราแพ้แล้ว”

    พิงถิงพยักหน้า “นายน้อยกล่าวได้ถูกต้อง เพราะแม้ตงหลินจะถอยทัพกลับไป แต่กองทัพของกุยเล่อได้บาดเจ็บบอบช้ำอย่างหนัก ขอเพียงตงหลินยกทัพมารุกรานชายแดนอีกครั้ง เกรงว่ากุยเล่อคงไม่มีกองทัพใหญ่ให้ใช้งานได้อีก เฮ้อ...หากไม่ใช่เพราะต้าหวางหวาดระแวงต่อวังจิ้งอานหวางเสียจนสองปีมานี้ไม่ยอมออกราชโองการให้นายน้อยนำทัพออกรบละก็ สถานการณ์มีหรือจะย่ำแย่ถึงขั้นนี้ได้”

    “พิงถิง อย่าวิจารณ์ต้าหวางโดยพล่อยปาก” ผู้เป็นนายเอ่ยเสียงหนัก “จำเอาไว้นะว่าต้าหวางคนใหม่ไม่ใช่องค์ชายซู่เมื่อสมัยก่อนจะขึ้นครองราชย์อีกแล้ว”

    มุมปากของหญิงสาวโค้งขึ้น ทำท่าจะเอ่ยคัดค้าน แต่เมื่อนึกถึงว่าหลังจากขึ้นครองราชย์ องค์ชายซู่ได้เปลี่ยนไปมากจริงๆ  หญิงสาวก็รู้สึกจุกอยู่ในอกและกล้ำกลืนคำพูดที่คิดจะกล่าวแย้งลงไป เปลี่ยนเป็นเอ่ยปลอบว่า

    “ข้าทราบดีว่านายน้อยรู้สึกแย่แค่ไหน การที่กองทัพบอบช้ำมากขนาดนี้ไม่ใช่ความผิดของนายน้อยเลย ด้วยเวลาสองปีที่พ่ายแพ้ยับเยิน แค่ที่ตอนนี้สามารถคงสภาพเอาไว้ได้ถึงระดับนี้ ก็ถือว่ายากยิ่งแล้ว การที่ครั้งนี้ต้าหวางรอให้สถานการณ์มีแต่หนทางพ่ายแพ้โดยไม่อาจพลิกฟื้นแล้วจึงค่อยส่งนายน้อยไปรับช่วงดูแล เห็นได้ชัดเสียยิ่งกว่าชัดว่าจงใจจะทำให้นายน้อยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก”

    “เพราะอย่างนี้แหละข้าถึงได้กังวล หากศึกครั้งนี้ไม่ชนะ เมื่อกลับถึงเคอหลง เกรงว่าข้าคงจะถูกพิจารณาโทษในทันที แม้แต่ท่านพ่อเองก็จะพลอยติดร่างแหไปด้วย เพราะอำนาจของวังจิ้งอานหวางมีมากเกินไปจริงๆ  หากข้าเป็นต้าหวาง ข้าก็ต้องคิดและทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะลดอำนาจของวังจิ้งอานหวางเช่นกัน”

    เมื่อหวนนึกถึงสารพัดวิธี “ลดอำนาจ” และการปฏิบัติอย่างเย็นชาของต้าหวางคนใหม่หลังจากที่ขึ้นครองราชย์ คนทั้งสองต่างนึกหนาวเยือกอยู่ในใจ

    ครั้นเห็นว่าสาวใช้ตัวน้อยของเขาเริ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเป็นกังวลต่อเรื่องของทางวังอีกแล้ว เหอเสียก็คลี่ยิ้ม ยื่นนิ้วหนึ่งออกไปคลึงตรงกลางระหว่างสองคิ้วเรียวงามเบาๆ อย่างเอ็นดู

    “อย่าคิดแล้วเลย พูดเรื่องที่ฟังแล้วสบายใจกันหน่อยดีกว่า ครั้งนี้โชคดีที่ได้แผนการล่อศัตรูเข้ามาในภูเขาแล้วเปิดทางแม่น้ำมาท่วมถนนอันยอดเยี่ยมของเจ้า ถึงได้ทำให้ฉูเป่ยเจี๋ยพ่ายแพ้ยับเยินไปหนึ่งยก และตื่นตระหนกจนถอยทัพกลับไปได้ ตอนนี้ทั้งกองทัพต่างรู้กันหมดแล้วว่าพวกเรามีเสนาธิการหญิงอยู่ กลับไปถึงเคอหลงเมื่อไร ข้าจะให้ท่านพ่อตกรางวัลแก่เจ้าอย่างงามเลยทีเดียว บอกมาสิ ครั้งนี้เจ้าอยากจะได้อะไร ?”

    “ยังจะตกรางวัลอีกหรือเจ้าคะ ? รางวัลที่หวางเยี่ยให้ข้าจนถึงตอนนี้น่ะ ข้าใช้สิบชาติก็ใช้ไม่หมดแล้วนะ” พิงถิงมองท้องฟ้า ดวงตะวันเริ่มคล้อยลงไปอยู่อีกฟากหนึ่ง ธงจิ้งอานหวางซึ่งยกชูสูงอยู่ข้างๆ ได้ทอดเงาลงมาช่วยบดบังเปลวแดดให้นางไปกว่าครึ่งพอดี หญิงสาวหันไปมองสีหน้าของผู้เป็นนายอย่างพินิจอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงหันหน้ากลับไปดังเดิม ทอดตามองออกไปเบื้องหน้า พูดเบาๆ ว่า

    “นายน้อย มีอยู่เรื่องหนึ่ง ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาหรือไม่”

    “ระหว่างเจ้ากับข้ายังมีเรื่องใดที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาหรือไม่อยู่ด้วยรึ ?”

    หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ชั่วขณะ แล้วจึงฉีกยิ้ม

    “ข้าไม่พูดดีกว่า เพราะถ้าพูดแล้ว นายน้อยก็จะกลุ้มใจอีก”

    ชายหนุ่มเหมือนจะเดาได้ว่าสาวใช้ตัวน้อยคิดจะพูดอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าจึงสะดุดค้างเล็กน้อย

    จากนั้นทั้งสองต่างปล่อยให้ม้าก้าวไปอย่างแช่มช้าโดยไม่ได้เอ่ยอะไรกันอีก

    เสียงเกือกม้าย่ำลงบนดินเหลืองซึ่งถูกเปลวแดดแผดเผาจนร้อนระอุดังกึกๆ  สะกิดละอองฝุ่นลอยขึ้นมาเล็กน้อยเป็นระยะๆ

    พิงถิงนิ่งมองไปข้างหน้าเงียบๆ โดยไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เหอเสียทราบดีว่าสาวใช้ผู้เปรื่องปราดจนเป็นที่เลื่องลือของเขาคนนี้กำลังขบคิด จึงโอบนางเอาไว้เงียบๆ แล้วให้ม้าผ่อนฝีเท้าลง

    ผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงสาวค่อยเอ่ยว่า

    “ข้าจะลองพูดดูก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

    “ล้างหูน้อมฟังขอรับ” เหอเสียอดกระเซ้าไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของสาวใช้คนสนิท

    “นายน้อยเจ้าคะ หากข้าเดาถูกละก็ สถานการณ์จะย่ำแย่มากเลยนะเจ้าคะ นี่ข้าไม่ได้กำลังล้อเล่นหรอกนะ” พิงถิงพูดเสียงขุ่นเล็กน้อยขณะที่หันไปเหลือบมองผู้เป็นนาย แล้วกล่าวต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “ด้วยความสามารถของฉูเป่ยเจี๋ย เขาไม่มีทางไม่รู้แน่นอนว่าทัพของเราไม่สามารถที่จะสู้ต่อได้ ขอเพียงเขายันทัพเอาไว้อีกสองเดือน กองทัพใหญ่ชายแดนของกุยเล่อมีหวังได้จบสิ้นกัน การที่เขาจงใจถอนทัพในตอนที่พวกเราใกล้จะยืนหยัดสู้ต่อไปไม่ไหวอยู่รอมร่อ ก็เพื่อ......เพื่อให้นายน้อยชนะศึกกลับไป”

    “มิผิด เรื่องนี้เจ้ากับข้าต่างก็รู้กันดี แต่เหตุใดเขาจึงต้องทำเช่นนี้เล่า ?”

    จากคุณ : Linmou - [ 28 ก.ค. 51 08:25:05 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom