เมื่อไม่นานมานี้เอง
ที่ผมเพิ่งได้ สัมผัส
กับความรู้สึก เช่นนี้
จึงได้มาเล่าสู่กันฟัง
ดังนี้ ขอรับ.
. . . . .
คือ กระผมได้ถูกเพื่อนฝูง ลาก ไป (อีกแล้ว)
ใน ผับ แห่งหนึ่ง
ซึ่งก็ได้ขอตัวกลับบ้าน
เปนมากมาย หลายประโยค
แต่ก็มิอาจทัดทาน
ด้วยใจอ่อน
แลมิอาจเพิกถอน
การ ร่ำสุรา
อันกำลัง ติดพระพาย
(ภาษาไทยท่านว่า ติดลม)
ในหมู่ คณามิตร ชิดใกล้ . . .
. . . . .
ผาณิต ผิว์ ชิดมด
ฤๅจะอด กระไรได้
ร่ำสุรา มีนารี
เหตุการณ์ฉันนี้
จะ ปฏิเสธ ฉันใด
ง า น เ ข้ า เ เ ล้ ว . . .
ฉั น . . .
. . . . .
เค้าเรียกกันว่าอะไรนะ
เออ. . .
ส า ว ด ริ๊ ง ค์
ใช่ไหม
น่านแหละ. . .
She ก็ถูกเจ้าเพื่อนผม
เรียกมา
นั่งเบียดเสียดกับ ผม อยู่ฅนหนึ่ง
อ้ายเราก็พยายาม กระเถิบหนี
She ก็ยังรุกประชิด มาทางขวา
จนกระทั่งต้อง
ยอมคุยก๋า She
ซะงั้น. . .
. . .
เมื่อเวลาผ่านไป
ผมก้มหน้าถามเธอ
ในขณะที่กำลังไล่นับนิ้วเธอ
จาก นิ้วชี้ข้างซ้าย
กระทั่งถึง นิ้วก้อย ข้างขวา
ว่า
หนู เรียนหนังสืออะไรมาบ้างหรือคะ
เธอตอบว่า
หนูเรียนปีสี่แล้วค่ะ
ที่ มหาวิทยาลัย. . .(ที่ไหนสักที่หนึ่ง)
ผมค่อนข้าง ตกใจ
พลางกล่าว ขอโทษเธอ
แต่ก็ยังง่วนอยู่กับการนับนิ้วเธอต่อไป
โดยกวดขัน
พอผมนับถึง
นิ้วชี้ข้างขวา
ที่ผมคิดว่า
น่าจะ
นับนิ้วของเธอได้ครบ
จึงได้ถามเธอว่า
แล้วหนูเรียนวิชาอะไรเล่าคะ
แล ก็เปนเวลา
ที่ผมกำลังกำอุ้งมือของเธอ
เพราะไม่มีนิ้วของเธอ
จะให้ไล่จับแล้ว ฉะนั้น
เธอก็ได้ตอบผมว่า
เอก ภาษาไทย ค่ะ
คราวนี้
งานเข้าจริง จริง
ซะแล้วละสิ ขอรับ
ทั่นผู้ชม. . .
. . . . .
ก็เลยคุยกันต่อไป
อีกอย่างยาวความ
มากมาย หลายประโยค
แลหลาย อรรถรส
ด้วยความรู้สึกของ
ฅน ที่ รักภาษาไทย เหมือนกัน
. . . . .
กระทั่ง เวลาผ่านไป
กระทั่ง อุ้งมือที่กำลังสัมผัสกัน
ก็กลายเปนความอบอุ่น อ่อนโยน
เช่นเดียวกับ แววตา
ที่กำลัง สื่อถึงกัน
ด้วยความเข้าใจ
โดย สลัด บรรยากาศรอบข้าง โดยทั้งนั้น
ให้หายไป
เพียงเรา รู้ กันอยู่ว่า
เรา รัก ศิลปวัฒนธรรมไทย
ด้วย หัวใจ ที่ตรงกัน
ก็ เท่านั้น
. . . . .
ท่ามกลาง ไฟ แสง สี ในสถานที่นั้น
ผมนั่ง พินิจ ประกายสว่าง
จากแววตาที่กระจ่าง
กระทั่งเห็นชัดเจน
ในใบหน้างาม ของเธอ
. . . . .
จึง จู่จู่
ผมก็ถามเธอขึ้นมาเฉย เฉย ว่า
หนู
เคยฟัง เสภา ไหม
เธอคง เคืองผม
จึงได้ หน้าคว่ำ
แล้ว บอกว่า
เอกไทย
ไม่รู้จัก เสภา
ก็ เกินไปแล้วค่ะ
ผมจึงรีบรวบรัดตัดความว่า
จะรังเกียจไหม
ถ้าพี่จะขับเสภา ชมโฉม บางบท
ให้คุณฟัง
เธอไม่ตอบ
แต่ ยิ้มให้ผม. . .
. . . . .
บัดดล
เสียงกระซิบ เสภา
ข้าง ซอกกรรณ
จึงพลันปรากฎ
ในท่ามกลาง
สรรพสำเนียง รอบด้าน
โดยฉะนั้น
. . . . .
*. . .เจ้าร่างน้อย นั่งนิ่ง บนตั่งต่ำ
คมขำ งามแฉล้ม แจ่มใส
คิ้วคาง บางงอน อ่อนละไม
รอยไร เรียบรับ ประดับดี
ผมเปลือยเลื้อยลง จนประบ่า
งอนปลาย เกศา ดูสมศรี. . . . .*
. . . . .
พอผม ขับเสภา ได้เพียงเท่านี้
วง Heavy heart หืด. .ที่ เวที
ก็ เขย่า ลูกคอเสียง
ใน เดซิเบล ที่มากขึ้น
กระทั่ง
กลบ เสียงเสภาของผม เสียสิ้น. . . . .
. . . . .
อีกไม่นาน
ผม และเพื่อน
ก็ได้อำลาจากผับนั้น
ด้วยเงื่อนไขของ เวลา
แล หน้าที่ ในวันต่อไป
. . . . .
แต่ก็ไม่ก่อนที่
ยัยหนู
เธอจะ
หยิกแก้มผม จนเปนรอยแดง
ผม สะดุ้ง
แต่ก็ถามตามความคุ้นเคย(แม้เพียงเมื่อสักครู่)
ว่า
หยิกแก้มพี่ ทำไมคะ ?
เธอตอบว่า
น ข ลิ ขิ ต ค่ะ.
. . . . .
เชื่อไหมว่า
แม้ ณ ปัจจุบันนี้
ผมยังแปล
วลีสุดท้ายของเธอ
ในวันนั้น
ยังไม่ได้เลย
ดังนี้ ขอรับ.
แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 51 08:04:47
แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 51 08:02:27
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
วันภาษาไทยแห่งชาติ 07:56:53
]