Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    [เรื่องแปล] จอมนางคู่บัลลังก์ บทที่ 7 (เขียนโดย...เฟิงน่ง)

    ตอนที่ 1-3  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6833585/W6833585.html

    ตอนที่ 4-6   http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6837939/W6837939.html



    บทที่ 7


    วันนี้วังเจิ้นเป่ยหวางเงียบสงัดยิ่งกว่าทุกวัน ทหารองครักษ์สองแถวยืนนิ่งสองตามองตรงไม่มีเหลือบซ้ายแลขวาอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของวัง ส่วนภายในวัง เหล่าสาวใช้ต่างพากันเขย่งเท้าค่อยๆ ย่องเดินในอาการตัวลีบ หากใครรู้สึกคันคออยากจะไอ จะต้องรีบย่องไปยังที่ซึ่งไกลจากตัวหวางเยี่ยผู้เป็นประมุขวังให้มากที่สุด จึงค่อยกล้าส่งเสียงไอออกมาเบาๆ

    แม้แต่ฉู่ม่อหรานผู้หนักแน่นเยือกเย็นเสมอมาซึ่งกำลังยืนห้อยมืออยู่ข้างๆ ผู้เป็นนายในห้องหนังสือ เวลานี้บนหน้าผากก็ยังมีเหงื่อผุดซึม

    ฉูเป่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นจากกองหนังสือราชการ ถามเสียงเรียบ

    “ร้อนมากรึ ?”

    “มิได้พ่ะย่ะค่ะ”

    “เช็ดเหงื่อซะ”

    “รับบัญชา”

    ฉูเป่ยเจี๋ยไม่ได้ออกอาการเดือดดาลสุดขีดดังที่พิงถิงคาดคิดแต่อย่างใด

    เมื่อวานซืน หลังได้รับจดหมายจากคุณหนูฮัว ชายหนุ่มก็ตอบจดหมายกลับและดำเนินการถอนพันธะหมั้นหมายให้คุณหนูฮัวทันทีภายในวันนั้น

    หลังจากจัดการกับว่าที่บ้านสามีของคุณหนูฮัวเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มก็เตรียมตัวอยู่หนึ่งคืน เมื่อไปเยือนคฤหาสน์ตระกูลฮัวอีกครั้งอย่างเอิกเกริกในวันรุ่งขึ้นเพื่อทำพิธีสู่ขออย่างเต็มพิธีการ คุณหนูฮัวก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังอย่างเปิดเผย

    หลังจากฟังจบ ชายหนุ่มไม่ได้ถลึงตา ไม่ได้แผดร้องด่าทอ และไม่ได้อาละวาด เขาเพียงแค่ยืนที่ด้านนอกห้องของพิงถิงชั่วครู่สั้นๆ  แล้วจากไปโดยไม่ได้เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว

    ตอนนั้นคุณหนูฮัวหลงนึกว่าวิกฤติการณ์ผ่านพ้นไปแล้วเสียอีก ทั้งยังพูดกับพ่อบ้านฮัวอย่างแสนซื่อว่า

    “ข้าทายไม่ผิดใช่ไหมล่ะ ? เจิ้นเป่ยหวางน่ะใจกว้างออกจะตาย คราวนี้เสี่ยวหงคิดมากไปเองแท้ๆ”


    <>::<>::<>


    เมื่อกลับไปถึงวังในตอนเย็น ฉูเป่ยเจี๋ยก็นั่งลงละเลียดดื่มน้ำชาร้อนจัดไปหนึ่งถ้วย ฉู่ม่อหรานติดตามมายืนอยู่ด้านข้างในอาการหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะชายหนุ่มทราบดีว่า...เจ้านายโมโหแล้ว

    จริงดังคาด หลังจากดื่มน้ำชาร้อนจัดหมดถ้วย ฉูเป่ยเจี๋ยก็วางถ้วยชาลง แล้วสั่งเสียงราบเรียบ

    “พรุ่งนี้ตอนตะวันตกดิน จงประหารล้างบ้านตระกูลฮัวที่หน้าประตูวัง”

    ครั้นได้ยินผู้เป็นนายเอ่ยปาก ฉู่ม่อหรานจึงค่อยระบายลมหายใจอย่างโล่งอก รีบขานรับเสียงดัง

    “รับบัญชา !”

    “ไม่เว้นแม้สัตว์เลี้ยง” ฉูเป่ยเจี๋ยกล่าวเพิ่มอีกห้าพยางค์

    มาบัดนี้ ตะวันใกล้จะตกดินแล้ว คนในคฤหาสน์ตระกูลฮัวซึ่งพากันร้องห่มร้องไห้เป็นที่น่าเวทนาต่างถูกจับมัดมือไพล่หลังคุมตัวมาคุกเข่าลงที่เบื้องหน้าประตูใหญ่ของวังโดยมีดาบที่ลับจนคมกริบจ่ออยู่ที่ด้านหลังลำคอ จะรอก็แต่คำสั่งของหวางเยี่ยเพียงคำเดียวเท่านั้น

    “ฝ่าบาท...” ฉู่ม่อหรานมองท้องฟ้า แล้วกล่าวอย่างนอบน้อม “ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

    “ถึงเวลาแล้วรึ ?” ฉูเป่ยเจี๋ยนิ่งฟังเสียงความเคลื่อนไหวรอบด้าน

    มีเพียงความเงียบสงัด...สิ่งที่เขารอคอยดูเหมือนจะสูญเปล่าเสียแล้ว...

    ชายหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีทันควัน ใบหน้าเคร่งเครียดเย็นชาเพิ่มประกายบ้าคลั่งกระหายเลือดซึ่งปกติน้อยนักจะปรากฏ ก่อนจะแค่นหัวเราะเสียงเย็นยะเยียบ เอ่ยว่า

    “ประหารได้”

    ปลายเสียงที่เอ่ยยังไม่ทันสิ้นสุด สายลมอ่อนจางก็รำเพยพัด นำพาเสียงพิณระเรื่อยข้ามกำแพงสูงลิบของวัง ลูบไล้ผ่านร่างใหญ่กำยำดั่งภูผาของเหล่าองครักษ์ ลอดไหลผ่านหน้าต่างซึ่งเปิดอ้าของห้องหนังสือ ล่องลอยมาเข้าสู่โสตของฉูเป่ยเจี๋ย

    “ด้วยกลียุค จึ่งเกิดวีรชน ด้วยวีรชน จึ่งมียอดพธู สุดจะยั้งซึ่งยุคเข็ญ สุดจะยั้งซึ่งยุคเข็ญ......”

    เสียงขับร้องแผ่วพลิ้ว คือบทเพลงซึ่งดังลอดมาจากด้านหลังม่านมู่ลี่ในวันนั้นนั่นเอง

    ครั้นแล้วน้ำเสียงอันอ่อนหวานไพเราะได้ผันแปรเป็นแฝงเร้นความเฉียบแหลมร้อยเล่ห์อย่างแนบเนียน...

    “ด้วยใฝ่รบ จึ่งได้เรืองนาม ด้วยเรืองนาม จึ่งมิหน่ายเล่ห์ อันการศึกมิหน่ายเล่ห์ อันการศึกมิหน่ายเล่ห์......”

    เสียงพิณเสนาะโสต ดั่งสายน้ำตกไหลถั่งท้นอาบทั่วผืนพสุธา ประหนึ่งธารสายน้อยกลางภูผา และประดุจวิหคถลาลมที่เดี๋ยวบินต่ำเลียดผ่านผืนหญ้าเขียวขจี เดี๋ยวบินสูงพุ่งทะยานสู่ชั้นฟ้า

    มุมปากฉูเป่ยเจี๋ยโค้งขึ้น

    ฉู่ม่อหรานเผลอยืนตะลึงฟังอยู่ครู่ใหญ่ กว่าจะได้สตินึกขึ้นได้ว่าเพิ่งจะรับคำสั่งจากท่านแม่ทัพมา ขณะทำท่าจะก้าวออกไปถ่ายทอดคำสั่งนั่นเอง เสียงของฉูเป่ยเจี๋ยก็ดังมาจากด้านหลังว่า

    “ระงับการประหารเอาไว้ก่อน เจ้าจงไปเชิญหญิงสาวที่ดีดพิณนั่นมาที่วังนี่”

    “รับบัญชา !”


    <>::<>::<>


    และแล้วฉูเป่ยเจี๋ยก็ได้พบกับดวงตาดำขลับที่ทั้งน่ารักและน่าชังคู่นั้นอีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว

    ยามนี้ ดวงตาดำขลับใสกระจ่างคู่นั้นกำลังมองตรงมาที่เขา ไม่หวาดหวั่น และไม่ท้าทาย ไม่เกรงกลัว และไม่ลำพอง พิงถิงมองชายหนุ่มด้วยแววตานุ่มนวล แล้วย่อกายคารวะอย่างนอบน้อม

    “ถวายบังคมเพคะ”

    น้ำเสียงอันคุ้นเคย...น้ำเสียงที่ดังลอดมาจากด้านหลังม่านมู่ลี่...ส่งผลให้ริมฝีปากบางเฉียบของฉูเป่ยเจี๋ยเม้มเข้าหากันทันที

    ชายหนุ่มหรี่ตา ยืนค้ำศีรษะก้มหน้าลงมองหญิงขวัญกล้าเทียมฟ้าตรงหน้า

    “วันนี้ข้านับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว เจ้าเป็นทั้งคุณหนู และเป็นสาวใช้ เป็นทั้งคนใบ้ และร้องเพลงได้ เจ้ายังมีความสามารถใดอีก จงแสดงออกมาให้เปิ่นหวาง(๑)ดูทีรึ !”

    ภยันตรายซึ่งแฝงเร้นอยู่ในท่าทีแข็งกร้าวพุ่งเข้าโจมตีใส่หน้าของพิงถิงตรงๆ

    การต้องเผชิญกับความน่าครั่นคร้ามแม้มิกราดเกรี้ยวของเจิ้นเป่ยหวาง กระทั่งนักรบที่อาจหาญที่สุดยังต้องตัวสั่นเทา ทว่าพิงถิงกลับยิ้มละไม เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือกระแสตัดพ้ออยู่บางเบา

    “ฝ่าบาทกริ้วหรือเพคะ ?”

    ฉูเป่ยเจี๋ยแค่นเสียงเย็น ย้อนถามโดยไม่เอ่ยตอบว่า

    “เจ้ารู้หรือไม่ว่าอันการศึกมิหน่ายเล่ห์ เล่ห์สำเร็จจักชนะ เล่ห์ล้มเหลวจักพ่ายแพ้ ?”

    “ผู้ชนะเป็นเจ้า ผู้แพ้เป็นโจร” หญิงสาวสลายรอยยิ้ม แล้วถอนหายใจ “เช่นนี้...ได้แต่ขอให้ฝ่าบาทลงอาญาเท่านั้น” จบคำก็จับชายกระโปรงขึ้น คุกเข่าก้มหน้าหมอบกราบลงกับพื้นจริงๆ

    ฉูเป่ยเจี๋ยเลิกคิ้วด้วยสีหน้าคล้ายกับจะยิ้มอยู่เหนือศีรษะของหญิงสาว มือหยิบหยกทับกระดาษก้อนสี่เหลี่ยมขึ้นมาคลึงเล่นอย่างแช่มช้า

    “ข้ารู้ดีว่าเป้าหมายของเจ้าคือสิ่งใด ยามเผชิญภัยมิอาจตัดใจละทิ้งตระกูลฮัว นับว่าสาวใช้เช่นเจ้ายังพอจะมีจิตใจดีงามอยู่บ้าง ก็ได้...ข้าจะอภัยให้ตระกูลฮัวชั่วคราว แต่ว่า......” ชายหนุ่มเว้นจังหวะ แล้วเอ่ยเสียงเย็นยะเยียบ “เจ้ารั้งอยู่ที่วังนี่”

    “รั้งอยู่ที่วังรับใช้ฝ่าบาทหรือเพคะ ?”

    “แล้วเจ้าคิดจะมาเป็นพระชายาข้างั้นรึ ?” ชายหนุ่มแดกดัน

    หญิงสาวผู้หมอบอยู่แทบเท้าค่อยๆ ถวายบังคมอีกครั้งโดยไม่เอ่ยอะไรอีก


    <>::<>::<>


    ๑. เปิ่นหวาง (benwang) แปลว่า “ตัวข้าองค์ชายผู้นี้” เป็นสรรพนามเรียกตัวเองแบบแฝงความหยิ่งผยองทระนง ; เปิ่น แปลว่า ตัวข้า...ผู้นี้ ; หวาง แปลว่า เจ้าชาย ชาวจีนโบราณมักชอบใช้คำสรรพนาม “เปิ่น + ฐานะ , สถานะที่ฟังดูดี” เป็นการเน้นย้ำหรือแสดงความทระนงในตัวเอง เช่น เปิ่นกูหนี่ยง , เปิ่นส้าวเหยีย(ตัวข้านายน้อยผู้นี้) , เปิ่นกงจื่อ(ตัวข้าคุณชายผู้นี้) , เปิ่นเสียวเจี่ย(ตัวข้าคุณหนูผู้นี้) , เปิ่นกวน(ตัวข้าขุนนางผู้นี้) ฯลฯ

    จากคุณ : Linmou - [ 31 ก.ค. 51 05:02:22 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom