ที่โรงเรียน
.ในวิชาภาษาไทย เพื่อนๆในชั่นต่างออกมาอ่านเรียงความหน้าห้องตามลำดับเลขที่ ใกล้ถึงฉันแล้วสิ!!กระดาษขาวในมือดูสั่นไหวเล็กน้อยถึงความไม่มั่นใจและตื่นเต้น เพื่อนๆส่วนมากเขียนเรียงความออกมาได้ดีจนฉันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เพราะเขาเหล่านั้นมีแม่ เพื่อนบางคนบอกว่าแม่ของเขาเป็นคนดี บางคนบอกว่าแม่เขาสวย
แต่เรียงความของฉันที่อยู่ในมือ
ต่างจากเพื่อนๆเหลือเกิน
คุณครูประจำชั่นเดินมาเรียกฉันถึงที่โต๊ะแต่ไม่ได้ให้ฉันออกไปอ่านเรียงความหน้าห้อง คุณครูพาฉันเดินออกจากห้องเรียนไป
ทุกคนมองฉันอย่างแปลกๆ แม้ตัวฉันเองก็ไม่รู้ว่าคุณครูจะพาฉันไปไหน?
.
ทันทีที่ลุงเห็นฉันเดินออกมาจากห้องเรียนก็รีบปรี่เข้ามาดึงแขนของฉันขึ้นรถสามล้อทันที ฉันมองกลับไปที่คุณครูเพราะยังไม่ทันได้อ่านเรียงความ เห็นคุณครูพยักหน้าช้าๆไม่ได้พูดว่าอะไร
ลุงจะพาหนูไปไหน?
ฉันถามหลังจากที่รถสามล้อของลุงผ่านพ้นรั้วของโรงเรียน ลุงไม่ได้พูดอะไรกับฉัน นอกจากตั้งหน้าตั้งตาปั่นจักรยานสามล้อถีบมุ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด ฉันจำได้ว่ามันไม่ใช่ทางที่กลับบ้านแต่เป็นทางที่ไปวัด
พูดถึงวัดแล้วฉันรู้สึกจิตใจไม่ดีและรู้สึกกลัวมากๆ ฉันกลัวผี ฉันฝังใจว่าผีจะอยู่ที่วัด แต่ความรู้สึกจะต่างจากที่ป้าพามาทำบุญเวลามีงานบุญสำคัญๆหรือตักบาตรในวันพระ เพราะความรู้สึกนั้นฉันอิ่มใจ และคิดว่าฉันได้แผ่ส่วนกุศลไปให้ผีที่อยู่ในวัดได้กิน...เพื่อนๆฉันก็พูดกันแบบนี้ทุกคน ว่าผีจะอยู่ที่วัดแต่เรามองไม่เห็น ฉันได้แต่สงสัยว่าลุงพาฉันมาที่วัดทำไม
ไปเร็วๆ
เสียงผู้ชายคนหนึ่งที่รู้จักกัน บอกให้ลุงรีบไปที่วัดเร็วๆ ทำให้ฉันอดตื่นเต้นไม่ได้ แสดงว่าที่วัดต้องมีเรื่องสำคัญๆแน่เลยเพราะใครๆก็มากันที่วัด
เมื่อถึงวัดแล้ว ลุงจอดรถสามล้อไว้ที่ใต้ต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ แล้วอุ้มฉันกึ่งเดิน-กึ่งวิ่ง ขึ้นศาลาไป ฉันพยายามมองหาป้า แต่ก็ไม่พบ เพราะผู้คนเยอะเหลือเกิน ยิ่งเห็นบางคนร้องไห้ ฉันก็รู้สึกไม่ดีเพิ่มขึ้น เขาร้องไห้ทำไมกัน?
กราบแม่ของหนูซะ
เสียงของป้าแก่ๆคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับยื่นธูปให้ฉันหนึ่งดอก
แม่ของฉันเหรอ? ผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงหน้าคือแม่ของฉันใช่ไหม? ฉันยิ้มด้วยความดีใจ ฉันดีใจมากๆที่ได้เห็นแม่ของฉันแล้ว และลุงก็พาฉันมาตามหาแม่จริงๆด้วย
ฉันโผเข้ากอดร่างของผู้หญิงที่นอนคลุมผ้าขาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกอบอุ่นและอิ่มเอมที่สุด
ฉันร้องเรียก แม่ๆ ได้อย่างเต็มปากและภาคภูมิใจที่สุด...ต่อไปนี้ฉันมีแม่เหมือนคนอื่นๆแล้ว ฉันเขย่าตัวแม่ แต่แม่ก็ไม่ยอมโอบกอดฉัน เหมือนที่ฉันอยากให้แม่กอด ฉันเงยหน้ามองที่ใบหน้าของแม่ที่บัดนี้ผ้าขาวได้เลื่อนลงมากองที่หน้าอก ร่างของผู้หญิงที่ฉันเรียกว่าแม่
นั่นคือป้าของฉัน....นี่!!...นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ป้าตายแล้ว!!
ฉันร้องไห้เสียใจเมื่อรู้ว่าผู้หญิงที่ฉันอ่านเรียงความให้เมื่อเช้าจะด่วนจากไปแบบนี้ ป้า!!ป้าของฉัน เสียงของฉันคร่ำครวญอยู่นาน ไม่มีใครตำหนิที่ฉันส่งเสียงร้องดังลั่นกลางศาลา และก็ไม่มีใครเข้ามาปลอบใจฉันสักคนนอกจากจะดูอยู่ห่างๆด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ ฉันรู้สึกตัวได้ถึงความอ้างว้าง ความเหงา และโดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คนที่แน่นศาลาในขณะนั้น แต่ไม่มีใครสักคนที่ฉันจะสนิทใจหรือโอบกอดได้อย่างเต็มรักเท่ากับผู้หญิงที่นอนแน่นิ่งไร้ลมหายใจตรงหน้า....
ลุงจ๋าอยู่ไหน? ไหนลุงบอกว่าแม่หนูอยู่นี่ไง แม่หนูอยู่ไหน?
ฉันมองหาลุงไม่เห็น ทั้งๆที่ลุงก็ยืนอยู่ใกล้ๆฉัน แต่ฉันมองอะไรไม่เห็นแล้ว ฉันรู้เพียงว่าม่านน้ำตามันเอ่อล้นคลอเบ้า
นี่แหละคือแม่ของหนู คนที่เลี้ยงหนูมา คนที่เช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวให้หนูตั้งแต่เกิด หนูรู้ไหม?แม่ของหนูอยู่ตรงนี้แล้ว หนูจะวิ่งตามหาคนที่ทำให้หนูเกิดมาแต่ไม่ดูแลเลี้ยงดูหนูอีกทำไม? เชื่อลุงเถอะนะ ว่าชีวิตของหนูตอนนี้ไม่มีใครจะทำหน้าที่ๆยิ่งใหญ่และรักหนูเท่ากับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว
กราบเท้าแม่ของหนูเสียเถอะ!!ลุงจะพาแม่หนูขึ้นไปนอนบนนั้นแล้ว
ลุงส่งธูปให้ฉันใหม่อีกครั้ง พร้อมกับชี้ไปที่ตั่งไม้ยกสูงในศาลา ด้านล่างมีโลงสี่เหลี่ยมสีน้ำตาล วางเตรียมไว้พร้อม ใจหายอย่างบอกไม่ถูกเหลือเกิน เขาจะพราก "แม่"ไปจากฉันอีกแล้วใช่ไหม? ต่อไปนี้ฉันจะเรียกใครว่าแม่ได้อีก...
ฉันรับธูปดอกนั้นด้วยความรู้สึกอ้างว้างและสับสน ฉันเสียเวลาถามใจตัวเองมาโดยตลอดว่า แม่ของฉันอยู่ไหน? แม่ของฉันเป็นใคร?
ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าแม่ของฉันก็คือ คนที่เลี้ยงดู ทนุถนอนกล่อมเลี้ยงจนมีวันนี้ คนที่ฉันไม่เคยมองเห็น คนที่ฉันไม่เคยเรียกเขาว่า แม่ ฉันเฝ้าแต่ร้องเรียกหาแม่ผู้ให้กำเนิด-แต่ไม่เคยเหลียวมองดูแม่ผู้เลี้ยงดู...
ฉันขอโทษ
ฉันขอโทษนะแม่จ๋า
.
.........
อะไรรึจะลุง?
ฉันมองกระดาษสีขาวลายเดียวกับที่ฉันเขียนเรียงความ แต่ต่างกันที่กระดาษแผ่นนั้นเปียกเลอะไปด้วยคราบน้ำเต้าหู้
ป้าเขาฝากจดหมายไว้ให้ บอกว่าเอาให้ลูกอ่าน ฉันรับมาอ่านด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย
ค่อยๆเปิดอ่านทีละบรรทัดอย่างช้าๆ น้ำตาที่ไหลรินและตื้นตันใจเมื่ออ่านจดหมายนั้นจบ ท้ายสุดนี้ไม่มีคำบรรยายใดๆที่ฉันจะพูดได้เต็มปากเต็มคำและเต็บในหัวใจของฉันได้เท่ากับคำๆนี้อีกแล้ว....
ฉันรักแม่มากนะ
.แม่ของฉัน
หลังจากนั้น..."วัด"ไม่ใช่สถานที่น่ากลัวสำหรับฉัน "วัด"ไม่ได้มีแต่ "ผี" เท่านั้นที่อาศัยอยู่ แต่วัดมีความอบอุ่นทุกครั้งที่ฉันนึกถึง มีความสงบนิ่งและเยือกเย็นให้ฉันได้อาศัยพักกาย-พักใจจากเรื่องวุ่นวายและจิตใจที่ตึงเครียด...เหนือสิ่งอื่นใด....วัดคือที่ๆแม่ของฉันอยู่ สักวันฉันจะต้องไปอยู่ดูแลแม่...ที่นี่...ทุกชาติไป
"....คุณครูสั่งให้เขียน เรียงความถึงแม่ฉัน บอกให้ส่งให้ทันวันพรุ่งนี้
มันยากจัง ทำไม่ไหว...หนูแม่ไม่มี แล้วจะเขียนให้ดีได้อย่างไร?
เป็นห่วงก็ไม่รู้ ดูแลก็ไม่คุ้น.."กอดแม่อุ่นจริงๆ" มันจริงไหม?.....
ห่มผ้าไม่เคยอุ่นเลย-กอดหมอนไม่เคยอุ่นใจ นอนหลับไปอย่างเดียวดายทุกที..
ไม่มีอะไรจะเขียน ให้ครูได้อ่านพรุ่งนี้ บนหน้ากระดาษก็เลอะน้ำตา...
ถ้าแม่ฟังอยู่ ไม่ว่าแม่อยู่ไหน? ไม่ว่าแม่เป็นใคร? ช่วยส่งรักกลับมา
ถ้าแม่ฟังอยู่...คิดถึงหนูหน่อยหนา...หนูขอสัญญา..หนูจะเป็นเด็กดี!!..."
(ขออุทิศบนความนี้ให้กับผู้หญิงที่ทำหน้าที่"แม่"ทุกๆคนด้วยความรักและเทิดทูน จากก้อนเลือดที่ยังหายใจ...)
ปล.ขอหยิบยกบทเพลงนี้ที่ได้มาจากอินเทอร์เนตฝากไว้ในผลงานนี้ด้วยนะครับ...
แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 51 17:52:43
แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 51 11:15:50
แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 51 10:59:38