ได้ไอเดียจากประเด็นผู้ชายดีๆ ในนิยายที่มาตั้งเสวนาไว้ในห้องนี้น่ะค่ะ เลยขออินเทรนด์กะเขามั่ง เหอะ เหอะ
สนองความอยากของตัวเอง (อีกแล้วนะเอ็ง)
******************************************************************
"คุณเพียงเพ็ญ! คุณกล้าดียังไงถึงได้มาตบหน้าผม" ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีจัดในชุดสูทที่ดูด้วยตาเพียงข้างเดียวก็มองออกได้ในทันทีว่าราคาไม่ใช่น้อยยืนลูบหน้าตัวเองพร้อมกับเข่นเขี้ยวถามหญิงสาวร่างบาง ผิวขาวเนียนละเอียดพร้อมกับดวงหน้าหวานที่กำลังยืนเชิดหน้าท้าทายเขาอยู่
"ทำไมฉันจะไม่กล้า ผู้ชายจิตใจเลวทรามอย่างคุณมาพูดจาดูถูกคุณแม่ของฉันอย่างนั้น คิดว่าตัวเองร่ำรวยล้นฟ้าแล้วจะมาดูถูกคนจนๆ อย่างครอบครัวฉันได้อย่างนั้นหรือไงกัน" หญิงสาวร่างบางเชิดหน้าท้าทายชายหนุ่ม ดวงตากลมโตฉายแววเข้มข้นเอาเรื่อง
"ถ้าคุณพูดว่าผมเลวอีกครั้ง ผมจะไม่เกรงใจคุณแล้วนะ" เขากัดฟันกรอดจนสันกรามนูนขึ้นเห็นได้ชัดแสดงถึงอารมณ์กรุ่นโกรธที่กำลังยากจะระงับไว้ได้
"ทำไม ฉันจะพูด ผู้ชายอย่างคุณมันเลว เลวๆๆ..."
ห้วงเสียงเธอขาดหายไปในทันทีที่ริมฝีปากของชายหนุ่มตรงเข้าบดขยี้กลีบปากเรียวสวยอย่างไม่ปราณีปราศรัย ใบหน้าของหญิงสาวเหยเกด้วยความเจ็บปวดจากการกระทำจาบจ้วงนั้น เธอใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเหลือเพื่อผลักหน้าอกแกร่งของชายหนุ่มให้ผละออกไป พร้อมทั้งฟาดฝ่ามือลงเข้าที่ใบหน้าชายหนุ่มฉาดใหญ่
"คุณ คุณนี่มันเลวจริงๆ คุณปรพล" ร่างบางสั่นเทิ้มไปด้วยแรงโทสะ มือเรียวถูปากแรงๆ เหมือนต้องการลบรอยประทับที่น่ารังเกียจออกไปจนกลัวว่าเรียวปากนั้นจะช้ำเสียให้ได้ ปรพลที่กำลังมึนชาจากแรงกระทบสะบัดหน้ากลับมาอีกครั้งด้วยแววตาวาวโรจน์ราวกับเสือที่กำลังจ้องตะครุบเหยื่อ วงแขนแข็งแรงตวัดรัดร่างอรชรเข้าหาตัวอีกครั้งเพื่อประทับริมฝีปากซ้ำที่เดิมโดยที่ฝ่ายถูกกระทำไม่มีแรงต้านทานใดๆ อีกต่อไป
เนิ่นนานเกินกว่าจะรับรู้ได้ จากความรุนแรงแปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลอ่อนหวานจนเพียงเพ็ญต้องเปลี่ยนจากการผลักไสเป็นเกาะประคองเขาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง เพราะหากเธอปล่อยมือร่างเธออาจทรุดลงได้ด้วยความวาบหวามที่เขาก่อ
"เสร็จทุกรายไป เรื่องไหนก็เรื่องนั้น" ผมบ่นออกมาเบาๆ กับตัวเองที่หน้าร้านเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อดัง ทีวีจอแบนที่แบนไปทั้งจอกำลังแพร่ภาพละครภาคค่ำอยู่แทบทุกจอ คุณปรพลเจ้าของบริษัทใหญ่โตที่สันดอนชอบลวนลามสาวสวย หุ่นดียังกับออกมาจากสถาบันลดน้ำหนักหลักแสน แต่กลับเป็นเป้าสงสัยว่าจะมาปอกลอกพ่อของไอ้คุณปรพลนั่น เธอคือคุณเพียงเพ็ญ เรื่องที่ว่าก็กำลังทำให้ประชาชนสาวชาวออฟฟิตผมติดกันงอมแงม มิน่า พระเอกมันหล่อขาดใจนิสัยเถื่อนสะเทือนใจสาวกันอย่างนี้นี่เล่าถึงได้ติดกันนัก
ไม่เข้าใจจริงๆ ผู้หญิงสมัยนี้ ทุกวันจันทร์ผมตอกบัตรเข้าออฟฟิตมาก็จะเจอแต่ขาเก่าเม้าท์กระจายอยู่แต่ไอ้เรื่องพ่อปรพลแสนรักแสนหลงของสาวๆ นี่ นอกจากหน้าตาหล่อโคตร หุ่นล่ำน้ำลายสาวแท้สาวเทียมหกรดเสื้อ แถมรวยจนชาตินี้ไม่มีวันใช้เงินหมดแล้วก็ไม่เห็นมันจะมีดีอะไรสักอย่าง วันๆ เอาแต่หาเรื่องนางเอก ทำเป็นโมโหอย่างนั้นอย่างนี้ พูดอะไรก็ไม่เข้าหูสักอย่าง เอะอะก็จับจูบ จับจูบ แม่คุณเพียงเพ็ญนางเอกนั่นก็ซื้อ ซื่อ มาพูดจาภาษาสุภาพใส่หน้าเสมือนคำด่าให้พระเอกจูบได้ทุกวี่ทุกวัน ไม่เกินพีเรียดหน้าหรอก ได้เสียแหงแซะ
อันที่จริงผมไม่ได้ติดละครออนแอร์อย่างใครเขาหรอกครับ แต่ความที่ผมเป็นคนขี้เหงา ออกจากที่ทำงานกลับห้องเช่าก็ยิ่งเงียบเหงาไปใหญ่ ห้างนี้อยู่ไม่ไกลจากที่พักผมนัก ทุกวันต้องมาอาศัยแอร์เย็นๆ เดินเล่นเป็นเพื่อนพนักงานห้างแถวนี้ปิดร้านเสมอ แล้วไอ้ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้านี่ก็ใหญ่โตโอ่โถงเหลือแสน เดินผ่านยังไงต้องได้เจอฉากในละครทุกที ผ่านมาทีไรคุณนางเอกเธอก็เชิดหน้าด่าสวยๆ เป็นผมนะ ไม่มาทำเป็น 'คุณนี่มันเลวจริงๆ' หรอก ถามจริงเหอะ คนธรรมดาเวลาด่าเขาจะพูดกันอย่างนี้ไหม เคยได้ยินเจ๊บ้านเช่าหลังอพาร์ทเม้นต์ผมเขาด่าผัวออกบ่อย 'ไอ้เอี้ย เมิงนี่มันสันดอนจริงๆ'
ได้อารมณ์กว่าเยอะครับ
แล้วอย่างนี้หนุ่มนิสัยดีมีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างผมจะได้เกิดหรือ แค่ไม่หล่อ ไม่รวย พ่อไม่ได้ป่วยตายทิ้งมรดกไว้มากมายให้ใครๆ มาแย่งเปิดพินัยกรรมทำเรื่องน้ำเน่าอย่างใครเขานี่ครับ พอหันมามองดูสารรูปตัวเองจากตีนจรดหัวแล้วลากกลับหัวจรดตีนอีกที เออ มันก็น่าคิดแฮะ
หนุ่มตัวด๊ำดำ ล่ำกว่าคนติดยาหน่อย สูงน้อยกว่ามาตรฐานชายไทยไปเกือบคืบ หน้าเสี้ยมเหลี่ยมมุมมาพร้อมดั้งจมูกอันน้อยนิดน่าเปลี่ยนนามสกุลเป็น วงศ์คำเหงา นี่ก็บอกสถานที่เกิดได้ดีกว่าใบสูติบัตรเสียอีก
'หน้าอย่างเมิงไม่ต้องถามก็รู้ว่าบ้านอยู่ไหน'
เพื่อนผมมันเคยพูดใส่หน้าไว้ว่าอย่างนั้น
แล้วยิ่งตอนนี้ผมอินเทรนด์หาย่ามผ้าดิบมาสะพายให้ได้แนวรักษ์โลกอย่างที่ปกติคนอื่นเขาทำแล้วจะดูเท่ห์ แมน แต่พอลองมาทำดูมั่งแล้วให้อารมณ์เด็กก้นกุฏิน่าไปเดินถือถุงก๊อบแก๊บตามพระบิณฑบาตยามเช้ายิ่งนัก
หรือย่ามตลาดนัดราคาสามสิบเก้าบาทจะเท่ห์ไม่เท่าย่ามราคาห้าร้อยกว่าบาทในร้านติดยี่ห้อ มันต่างกันยังไง ก็เห็นลอกมาเหมือนดิกอย่างนั้นน่ะ
แต่คิดไปคิดมาก็เข้าท่าดี หรือจะกลับไปขออาศัยวัดอยู่แทนการเจียดค่าข้าวค่าน้ำมาจ่ายค่าเช่าห้องโทรมๆ ไม่ถึงสองพันบาทที่กำลังใช้ซุกหัวนอนอยู่ตอนนี้ดี ก็ผมมันไม่รวยนี่ครับ ลำพังเงินเดือนพนักงานธุรการบริษัทเล็กๆ ธรรมดามันจะได้สักกี่พันในยุคน้ำมันแพงอย่างนี้ อ๊ะ อย่าเพิ่งคิดว่าผมไปได้ผลกระทบทางตรงจากค่าน้ำมันเชียวนะ เงินจะเก็บไว้ซื้อรถเครื่องสักคันยังไม่มีแล้วจะเอาอะไรที่ไหนไปซื้อรถยนต์ แต่มันดันไปกระทบกับข้าวแกงสิบห้าบาทของผมต่างหาก ทุกวันนี้จ่ายยี่สิบยังไม่ได้ไข่สักใบด้วยซ้ำไป
<ต่อช่องล่างค่ะ>
แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 51 01:54:56
จากคุณ :
BestChild
- [
8 ส.ค. 51 01:42:03
]