Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ผู้หญิงหยาดน้ำค้าง

    ผู้หญิงคนนั้นนั่งหลบฝนอยู่บนฟุตบาทใต้ชายคาตึกเก่าๆ แห่งนั้นมานานแล้ว  ตุลเห็นเธอตั้งแต่ฝนเริ่มตก จากระเบียงห้องพักของเขาบนชั้นสาม  คั่นด้วยถนนสายแคบที่นานๆ จะมีเพียงมอเตอร์ไซค์ผ่านมาสักคันหนึ่ง  ในยามดึกสงัดเช่นนี้


    วันนี้สายฝนที่โปรยปรายลงมาตั้งแต่เย็นยังไม่ยอมขาดเม็ดลงง่ายๆ ความเหงาที่ราวกับจะปลิวมาพร้อมละอองฝนทำให้ตุลทำงานไม่ได้เลย  คอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วที่ใช้พิมพ์ต้นฉบับจึงถูกเปิดทิ้งดาย  ทั้งที่ใกล้ถึงวันส่งต้นฉบับเต็มที  ตุลชักหงุดหงิดที่เปิดวิทยุฟังก็แล้ว  หยิบเอากีตาร์ออกมาเล่นก็แล้ว  อ่านหนังสือจบไปเล่มหนึ่งก็แล้ว  เม็ดฝนก็ยังไม่จากไปเสียที

    ออกมาจุดบุหรี่สูบที่ริมระเบียง  ท่าทีของหญิงสาวบนอีกฝั่งถนนดูสะดุดตา  ตุลมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบเที่ยงคืน  เธอคนนั้นมานั่งอยู่ทำไมจนดึกดื่นป่านนี้  โดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน  จะว่ารอใครหรืออะไรก็ดูจะนานเกินไปเสียแล้ว

    หรือจะเป็นผี  ตุลคิดอย่างขนลุกนิดๆ เมื่อเห็นท่านั่งนิ่งไม่ไหวติงนั้น  แต่ผีต้องโผล่มาแวบเดียวแล้วหายไปสิ  นี่ผีอะไรจะมานั่งอดนั่งทนให้เขาเห็นอยู่ตั้งห้าหกชั่วโมง  ไม่รู้จักเมื่อยเสียบ้างเลย

    แม้จะหวาดๆ อยู่บ้าง  แต่ความอยากรู้อยากเห็นประกอบกับความไม่อาจนิ่งดูดายดูจะมีอิทธิพลมากกว่า  ตุลจึงนั่งกระสับกระส่ายมองดูเธอคนนั้นอยู่ได้เพียงไม่ถึงสิบนาที  ก่อนจะคว้าร่มเดินลงบันไดไปอย่างไม่ลังเล


    ในแสงมัวๆ ของหลอดไฟริมทางเดิน  ดวงหน้าที่แหงนเงยมองเขาเผือดซีด  แต่ก็ยังเห็นได้ชัดถึงความอ่อนสะอาดของผิวพรรณ  และความพริ้มพรายของปากแก้มคิ้วคาง  ที่ทำให้ตุลได้แต่มองอย่างตะลึงลาน  กว่าคำพูดตะกุกตะกักจะผ่านลำคอ

    "คุณ..ง่า.. เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ  ผม..เอ้อ..เห็นคุณนั่งอยู่นานแล้ว"

    ดวงตาดำจัดของคนตรงหน้ากะพริบติดๆ กัน  ก่อนที่เธอจะเปิดปาก  เสียงนั้นแม้อ่อนเบา  หากก็เสนาะใส  ไม่มีร่องรอยของความหดหู่เศร้าสร้อยอย่างที่ตุลคิดว่าเธอน่าจะมี

    "เปล่าค่ะ  ไม่ได้เป็นอะไร"

    "แล้วคุณมานั่งอยู่ทำไม  ดึกป่านนี้แล้ว"

    เหมือนเธอจะหยุดคิดไปชั่วขณะ  ก่อนที่ศีรษะเล็กๆ นั้นจะส่ายช้าๆ

    "ไม่ทราบสิคะ"

    "อ้าว"  ตุลอุทาน  ก่อนจะถามใหม่  "งั้นคุณจะไปไหน  หรือว่ารอใครอยู่"

    "เปล่าค่ะ"  ดวงตาใสแจ๋วประสานกับเขาโดยไม่หลบเลี่ยง  "ก็..มานั่งเฉยๆ"

    "แล้วกัน"  ตุลอุทานได้แค่นั้น  "เอางี้นะฮะ  นั่งอยู่อย่างนี้มันอันตราย  ผมว่าคุณกลับบ้านก่อนดีกว่า  ถ้าจะรออะไรแถวนี้้ก็ค่อยมาอีกทีพรุ่งนี้แล้วกัน"

    "บ้าน?"  ฝ่ายนั้นทวนคำ  "ฉัน.. ฉันไม่มีบ้านนี่คะ"

    "อ้าว"  ช่วยไม่ได้ที่ตุลจะต้องอุทานคำเดิมซ้ำๆ  "ไม่มีได้ไงฮะ  หนีออกจากบ้านมา  หรือว่าหนีใครมา"


    คำถามของเขาอาจจะละลาบละล้วงเกินไป  เพราะตุลเห็นเธอนิ่งไปทันที  จนเขานึกเสียใจที่ไปไล่เรียงเธออย่างนั้น  หากคำตอบของเธอทำให้ตุลอยากจะร้อง  อ้าว  ออกมาอีกรอบ

    "ไม่ทราบค่ะ"  

    มองดวงหน้าสวยสดนั้นอย่างสงสัยว่ามีวี่แววจะรวนกันหรือเปล่า  แต่ตุลก็ไม่เห็นอะไรนอกจากความพิสุทธิ์ใส  จนเขานึกปราดไปถึงหยาดน้ำค้างยามเช้าอย่างช่วยไม่ได้

    "คุณชื่ออะไร"  ลงอย่างนี้ก็ต้องซักประวัติกันละ  ตุลไม่คิดหรอกว่าคำตอบของอีกฝ่ายจะกลับเป็น

    "ไม่ทราบค่ะ"

    "อ้าว"  ตุลชักอยากจะเอาหัวโขกกำแพงแรงๆ เมื่อต้องร้องออกมาอย่างนั้นอีกครั้ง  "หมายถึงคุณจำไม่ได้หรือฮะว่าตัวเองชื่ออะไร"

    "จำไม่ได้?"  เจ้าหล่อนทวนคำ  "ไม่ใช่จำไม่ได้นะคะ  ฉันไม่รู้ต่างหาก"

    ตุลกดลิ้นไว้ทันก่อนจะร้องว่า  อ้าว  ออกมาอีก  

    "คุณไม่สบายหรือเปล่า"  เขานึกคำถามออกแค่นั้น

    "เปล่านี่คะ"  เสียงเธอฉงน  "ฉันดูเหมือนคนป่วยหรือคะ"

    "เอ้อ..ก็นิดหน่อย"  ตุลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจ  เม็ดฝนภายนอกเริ่มหนาเม็ดขึ้นอีกครั้ง  ละอองบางเบาเย็นชื้นนั้นสาดเข้ามาถึงตรงที่เขายืนอยู่  การยืนพูดกันอยู่อย่างนี้ย่อมไม่ดีแน่

    "เข้าไปคุยในห้องผมก่อนมั้ยครับ  นั่งอยู่อย่างนี้เดี๋ยวเป็นหวัด"  พูดแล้วก็กลั้นใจ  กลัวเจ้าหล่อนจะตวาดแว้ดออกมาว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง  หากเขาก็คาดผิดอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงใสตอบชัดเจน

    "ไปสิคะ"


    ตุลกลืนคำว่า  อ้าว  ลงคอไปอีก  ก่อนจะกางร่ม  มองดูร่างเล็กๆ ที่ลุกยืนขึ้นข้างกาย  จากรูปร่างผิวพรรณ  ท่าทางอายุเจ้าตัวคงจะไม่เกินสิบเจ็ดสิบแปด  จนตุลชักหนาวๆ ร้อนๆ กับข้อหาพรากผู้เยาว์

    ช่างมันก่อน  ตอนนี้มาคิดก่อนเถอะว่าจะทำยังไงกับเจ้าหล่อนดี

    กวนโอ๊ยหรือบ้า  หรือปัญญาอ่อน  หรือความจำเสื่อมก็ไม่รู้

    หรือมิจฉาชีพก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน..




    "หนาวนะฮะ  ดื่มอะไรหน่อยมั้ย"  ตุลจับตามองเมื่อเห็นเธอนั่งลงกับเบาะนุ่มบนพื้นอย่างง่ายๆ

    "ก็ดีค่ะ  ขอบคุณ  ฝนตกนี่หนาวเหมือนกันนะคะ"  เธอซุกตัวลงกับผ้าห่มผืนบางที่เขายื่นให้  ชุดเสื้อกระโปรงติดกัน สีนวลๆ ยาวแค่เข่าของเจ้าตัวดูจะป้องกันความเย็นชื้นของอากาศแทบไม่ได้เลย

    ตุลส่งถ้วยนมอุ่นๆ ให้เธอ  คิดว่ามันคงเหมาะกับเธอมากกว่าแอลกอฮอล์ดีกรีแรงในมือเขา

    ฝ่ายนั้นรับไปแต่โดยดี  ดูเธอผ่อนคลายเป็นกันเองราวกับไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่จู่ๆ ตัวเองจะเดินตามชายหนุ่มแปลกหน้าขึ้นมาจนถึงห้องพักในยามวิกาลเช่นนี้

    หรือจะเป็นพวกอย่างว่า  ตุลเดาไปในทางร้ายอีก

    "อร่อยจังค่ะ"  เธอยิ้มสดใส  เจิดจ้าจนตุลตาพร่าไปครู่หนึ่ง  ในแสงนวลๆ ของหลอดหกสิบแรงเทียน  ตุลเพิ่งได้เห็นผิวเนื้อเนียนละเอียดเป็นสีเหลืองลออ  ดวงตาคมล้อมด้วยกรอบขนตาหนา  จมูกเรียวและริมฝีปากเล็กๆ สีสด  รับกันอย่างเหมาะเจาะราวกับปั้น  นี่กระมังที่เขาเรียก  "ปากแก้มคิ้วคางเหมือนอย่างหุ่น"    



    "ผมขอถามอีกทีนะคุณ  เอาสั้นๆ เลย  ตอบมาเถอะ"  ตุลดึงสติตัวเองกลับมา  ถามเป็นการเป็นงาน  "คุณเป็นใคร  ชื่ออะไร  แล้วออกมานั่งทำอะไรดึกดื่นป่านนี้"

    "ไม่ทราบค่ะ"  เสียงใสยืนยันคำเดิม  "ฉันรู้ว่าทุกคนต้องมีชื่อ  แต่ฉันไม่มีชื่อนี่คะ  และฉันก็ไม่ได้ออกมาทำอะไรค่ะ  ฉันนั่งเฉยๆ"

    คำตอบนั้นฟังแปลกพิกล  ตุลมองดวงตาดำจัดใต้คิ้วเรียวได้รูป  มันไม่ได้มีแววยียวนกวนประสาท  หรือหลงลืมเลื่อนลอยอะไรแม้แต่น้อย  หรือจะพูดให้ถูก  เขาเชื่อว่าเจ้าหล่อนมีสติสตังปกติดี  และตอบคำถามเขาตามความเป็นจริงทุกอย่าง

    เพียงแต่เป็นความจริงที่ดูประหลาดไปหน่อยเท่านั้น

    "คุณตั้งชื่อให้ฉันหน่อยได้ไหมล่ะคะ"  ประโยคต่อมาของเธอกลับเป็นอย่างนั้น



    ตุลมองเธอนิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง  ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประดังประเดกันเข้ามา  นี่เจ้าหล่อนจะมาไม้ไหนกัน  หรือจะเป็นเด็กใจแตกที่มาหลอกผู้ชายหาเงินไปเสพยา  หรืออาจจะเป็นเด็กหลงทางที่ไม่มีที่ไป  หรือเป็นอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ตุลนึกไม่ถึงและไม่อยากจะนึก  เพราะในที่สุด  ดวงตาใสแจ๋วนั้นก็ทำให้เขาหลุดปากก่อนจะทันรู้ตัวเสียอีก


    "น้ำฟ้า.. ผมเรียกคุณว่าน้ำฟ้าก็แล้วกัน"


    เธอมากับฝน  และทำให้เขานึกถึงความพิสุทธิ์ใสของหยาดน้ำค้างยามเช้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


    "เพราะจังเลยค่ะ  ขอบคุณนะคะ"  รอยยิ้มของเธอแจ่มกระจ่าง

    "ผมว่าคุณกลับบ้านดีกว่า"  ตุลถอนใจเฮือกกับรอยยิ้มบาดตานั้น  "อายุคุณถึงสิบแปดหรือยังก็ไม่รู้  ผมไม่อยากโดนข้อหาพรากผู้เยาว์"

    "ถึงแล้วค่ะ  ฉันอายุยี่สิบ"  คราวนี้คำตอบกลับชัดเจน  จนตุลอยากจะร้อง  อ้าว  ออกมาอีกรอบ

    "ทำไมเกิดรู้อายุตัวเองขึ้นมาละครับ"  เสียงเขามีแววประชด  "มีบัตรประจำตัวหรืออะไรพวกนี้ไหม  ขอผมดูหน่อย  อย่าบอกนะว่าไม่มีอีก"

    "ไม่มีค่ะ"  ดูเจ้าหล่อนไม่รับรู้คำประชดประชันใดๆ

    "คุณล่ะคะ  ชื่ออะไร  แต่ไม่ต้องให้ฉันดูบัตรหรอกนะคะ"  เสียงเธอกลั้วหัวเราะ

    "แค่ให้รู้ว่าฉันควรเรียกคุณว่าอะไรก็พอ"

    ตุลถอนใจอีกเฮือก  ใจอ่อนและอ่อนใจไปพร้อมๆ กัน

    "ตุลฮะ  เรียกว่าตุลก็แล้วกัน"

    ฝ่ายนั้นพยักรับแต่โดยดี  แล้วก็เปิดปากหาวเหมือนเด็กๆ

    "ง่วงแล้วล่ะค่ะ  ขอฉันนอนก่อนได้ไหม"

    ตุลสัญญากับตัวเองแล้วว่าคืนนี้เขาจะไม่ร้อง  อ้าว  ออกมาอีกเป็นอันขาด  จึงได้แต่ชี้มือไปที่โซฟาเก่าๆ ริมหน้าต่าง

    "นอนบนนั้นละกัน  เตียงผมมันสกปรกเต็มที  จะสละให้คุณนอนก็ดูจะไม่สุภาพบุรุษยิ่งกว่าโซฟาอีก"


    เธอมองตามสายตาเขา  เตียงไม้เตี้ยๆ ขนาดนอนสองคนที่รกรุงรังไปด้วยกองหนังสือ  และเศษกระดาษที่กองสุมจนแทบไม่เหลือที่ให้นอน  มีกองผ้าห่มขยุกขยุยกับหมอนเก่าๆ ซุกเอาไว้

    "ค่ะ  ขอบคุณ"  เธอตอบรับง่ายๆ  ส่งถ้วยในมือคืนเขา  ก่อนจะลากผ้าห่มที่ห่อตัวไว้เดินหัวซุนไปนอนลงบนโซฟา  ครู่เดียวตุลก็ได้ยินเสียงหายใจยาวสม่ำเสมอ  แปลว่าเจ้าตัวหลับสนิทไปแล้ว


    ยังกับเด็ก  ตุลคิดอย่างขันๆ หรี่แสงโป๊ะไฟกลางห้องลงด้วยกลัวมันจะไปรบกวนคนนอนหลับ  ตัวเขาเองนั่งลงกับโต๊ะทำงาน  น่าแปลกที่ความวุ่นวายกับเจ้าหล่อนทำให้สมองเขาดูปลอดโปร่งขึ้นมาก  ตุลจรดนิ้วลงกับแป้นพิมพ์



    ผู้หญิงบางคนก็เหมือนหยาดน้ำค้าง  
    เธอไม่ต้องทำอะไรเลย  หากใบไม้ที่เธอเกาะเกี่ยวก็ฉ่ำชื่น
    สงสัยเพียงแค่..
    เธอจะระเหยหายไปกับแสงแดดยามสายไหมนะ..




    สายฝนภายนอกขาดเม็ดไปแล้ว  ตุลลุกไปปิดประตูระเบียงที่ยังเปิดอ้า  ความไม่ระวังทำให้ไหล่เขาชนเอากรอบรูปเล็กๆ บนชั้นหนังสือจนเกือบตกลงมา  ตุลใช้สองมือรับเอาไว้ได้ทัน  ก่อนจะวางมันลงอย่างเดิมโดยไม่มอง

    ภาพถ่ายใบนั้นสีหม่นซีด  เนื่องจากโดนแสงแดดจากระเบียงแผดเผาอยู่ทุกวันโดยความตั้งใจของเขาเอง  ตุลยังไม่เข้มแข้งพอจะเผาให้มันเป็นจุณลงไปต่อหน้าต่อตา  เขาทำกับมันอย่างใจร้ายที่สุดก็ได้แค่เพียงทิ้งให้มันถูกแดดเผาจนซีดจางไปเอง

    เช่นเดียวกับความทรงจำที่อยู่ในนั้น


    นานแค่ไหนแล้วที่เขาคิดว่าแม้แต่ความทรงจำก็ไม่มีเหลือ  ตั้งแต่เธอคนนั้นเก็บข้าวของเดินออกจากห้องเก่าๆ ห้องนี้ไป  เธอไม่ได้มีเขาคนเดียว  ตุลเองก็รู้มาตลอด  หากก็ไม่เคยทำใจกับการจากไปของเธอได้เสียที

    นานแค่ไหนแล้วที่หัวใจของตุลไม่เคยเปิดรับใครอีก  เขาจมอยู่กับงานเขียนหนังสือที่เขารัก  โดยไม่มีสายตาไว้เหลือบแลผู้หญิงคนไหนอีกเลย  ตุลบอกตัวเองไม่ได้ว่าความเกลียดกับความรักที่เขามีต่อเธอคนนั้น  อย่างไหนมันมากกว่ากัน  เหมือนกับที่บอกตัวเองไม่ได้ว่า  แท้จริงแล้ว..เขารอคอย..หรือหวาดกลัวการได้พบเธออีกครั้งกันแน่


    ตุลซุกตัวลงกับเตียงกว้างที่บัดนี้ข้างหนึ่งสุมเต็มไปด้วยหนังสือ  เขาไม่อาจปล่อยให้มันว่างอยู่ได้  เพราะมันหมายถึงหยดน้ำตาในยามดึกเมื่อมือควานเปะปะไปพบแต่ที่นอนที่ว่างเปล่า


    ชีวิตหนึ่งปีที่ผ่านมาของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับภาพถ่ายสีซีดบนชั้นหนังสือนั่นแหละ..




    (มีต่อค่ะ)

    จากคุณ : โยษิตา - [ 8 ส.ค. 51 06:26:00 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom