วันแรกที่ผมเจอเธอ ผมยังจำได้ไม่ลืม วันนั้นเป็นวันเปิดเทอมใหม่ของนักเรียนชั้นม.4
เฮ้ย เอ็งรู้จักนางฟ้าห้องสี่รึเปล่า
นางฟ้าไหนวะ
เด็กใหม่ไง ย้ายมาจากโรงเรียนอื่น เห็นว่าพ่อเส้นใหญ่นะเว้ย ไม่ต้องสอบก็เข้าได้เลย
สวยมากเลยเหรอ
ทั้งสวย ทั้งน่ารักว่ะ หน้าตาตอนเค้าไม่ยิ้มนะดุชิบ แต่พอยิ้มเท่านั้นแหละ โลกสว่างเลยเอ็งเอ้ย
สวยก็แค่นั้น กินไม่ได้ อีกอย่างหญิงสวย พ่อรวยเค้าก็ไม่มองคนอย่างเอ็งกับข้าหรอก โน่นรุ่นพี่ที่ขับรถมาเรียนโน่น ถึงจะคู่ควรกับเค้า
ก็นั่นไง เค้าถึงเรียกเธอว่า นางฟ้า
ผมได้ยินกิตติศัพท์ของเธอมาตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอม เพราะโรงเรียนที่ผมเรียนจะมีช่วงเรียนปรับพื้นฐานก่อนขึ้นชั้นม ปลาย แต่ผมไม่ได้เข้าเรียนเนื่องจากไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด ช่วงที่เค้าเรียนปรับพื้นฐานกันมีแต่คนอยากเรียนห้องที่เธอเรียนอยู่ เด็กนักเรียนชายต่างมองเธอและพยามเข้าไปคุยด้วย แต่ดูว่าไม่มีใครเข้าถึงเธอซักคนเดียว
ขอยืมปากกาหน่อยได้มั้ยคะ
ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง เธอยิ้มให้ผม ทำเอาผมตาพร่าเข้าใจตอนนั้นเองว่าโลกสว่างในบัดดลเป็นยังไง ด้วยความตกใจปนงกเงิ่นผมเผลอทำปากกาตก พอก้มลงไปเก็บหัวก็ดันไปชนโต๊ะนักเรียนล้มเสียงดังจนทุกคนในห้องหันมามอง เธอหัวเราะขำในความเปิ่นของผม นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้รู้จักและสนิทกับเธอ
ทำไมแก้วไม่เลือกเรียนมหาลัยในกรุงเทพล่ะ ทำไมต้องเลือกที่เรียนซะไกลเลย
รู้แล้วอย่าบอกใครนะ คือเราอยากรับน้องรถไฟน่ะ
แค่เนี้ย
ใช่แค่เนี้ย เธอตอบพร้อมส่งยิ้มละลายใจให้ผมเช่นเคย
แก้วเป็นคนชอบผจญภัยและมักจะคิดอะไรไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเค้า สิ่งที่ทุกคนเห็นภายนอกคือความสวยงาม แต่สิ่งที่ผมเห็นจากแก้วคือจิตใจที่งดงามยิ่งกว่าภายนอกหลายเท่าตัวนัก มีหลายอย่างที่คนอื่นไม่รู้เกี่ยวกับตัวแก้ว เช่นเธอชอบใจอ่อนกับหมาจรจัด บ่อยครั้งที่เธอซื้อก๋วยเตี๋ยวแล้วกินแต่เส้น ยกลูกชิ้นกับเนื้อให้หมาจรจัดที่นั่งมองอยู่ บางทีเธอยอมเดินกลับบ้านเพราะเอาค่ารถเมล์ไปซื้อไก่ย่างให้หมาแมวข้างทางกิน
ชีวิตผกผันให้ทั้งผมและเธอไกลห่างกัน แต่ระยะทางที่แสนไกลไม่ได้พลัดพรากมิตรภาพของเราไปด้วย เธอมักจะส่งจดหมายมาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ผมฟังเสมอและบางครั้งก็แนบรูปที่เธอถ่ายกับเพื่อนๆหรือหมาแมวข้างทาง ทุกครั้งที่ผมอ่านจดหมายผมมักเห็นรอยยิ้มของเธอในจดหมายนั้นด้วย
แก้วเรียนจบแล้วจะกลับมาทำงานที่กรุงเทพรึเปล่า
คงไม่เพราะเราสมัครงานไปอยู่ทางภาคใต้แล้ว
อ้าวทำไมไม่กลับมาอยู่บ้านล่ะ ไม่รู้จักใครซักคนที่ภาคใต้ไปอยู่แล้วใครจะดูแล
ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เพื่อนเยอะแยะ
นั่นสินะ เธอเป็นคนมีเพื่อนเยอะมากแทบทุกภาคของประเทศไทยเลยก็ได้ ผมซะอีกที่ไม่ค่อยคบใคร และไม่มีใครคบด้วย
แต่ไม่ว่าจะภาคเหนือหรือภาคใต้ เธอและผมก็ยังคงติดต่อกันอยู่เสมอ จดหมายเธอยังคงส่งมาเหมือนเดิม เล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันของเธอ แม้ว่าเรื่องราวเหล่านั้นเป็นเพียงกิจวัตรที่ฟังดูน่าเบื่อ แต่เธอมีวิธีเล่าที่ทำให้ผมขำไปด้วยเสมอ
คิดจะทำงานที่ภูเก็ตอีกนานเท่าไหร่เหรอ แก้ว
ไม่รู้สิ คงทำไปเรื่อยๆมั้ง ก็ชอบทะเลน่ะ ถ้ากรุงเทพมีทะเลกลับบ้านไปตั้งนานแล้ว
อยากไปดูจังว่าที่โน่นมีอะไรดีให้แก้วอยู่ได้ตั้งนาน
มาสิ ทะเลที่นี่สวยนะ หาดทรายก็ขาวสะอาด
นี่แก้วพูดจริงรึเปล่า
จริงสิ มาเมื่อไหร่ล่ะเดี๋ยวเป็นไกด์นำเที่ยวเอง
ผมอยากเก็บเวลาช่วงนี้ไว้นานเท่านาน เธอขี่มอเตอร์ไซด์ในขณะที่ผมซ้อนท้าย พูดแล้วก็อายผมขี่มอเตอร์ไซด์ไม่เป็นน่ะครับ ผมแอบได้กลิ่นผมเธอลอยมาตามลม อยากให้ถนนเส้นนี้ทอดยาวไม่มีวันสิ้นสุด
ดูสิทะเลสวยนะ อยากเกิดเป็นนางเงือกจัง
อย่าเลยแก้ว
ทำไมเหรอ
สงสารพระอภัย เดี๋ยวท่านแยกไม่ออกว่าส่วนไหนหน้า ส่วนไหนหลัง
พลั่ก เสียงเธอทุบผมครับ
ช่วงเวลาสั้นๆที่ผมอยู่ภูเก็ตมันทำให้ผมรู้ว่าผมอยากอยู่ใกล้เธอตลอดไป แต่ผมไม่อยากทำลายมิตรภาพระหว่างเราด้วยคำว่า รัก
อยู่คนเดียวอย่างนี้ไม่เหงาบ้างเหรอ
ไม่มีเวลาให้เหงาหรอก มีเรื่องให้ออกไปสนุกตั้งเยอะ เบื่อๆว่างๆก็ขี่มอเตอร์ไซด์ไปนั่งริมทะเล
ผมอยากมาอยู่ภูเก็ตบ้างจังแก้ว
ก็มาสิ ที่นี่อากาศก็ดี อาหารก็อร่อย เลิกงานอยากเห็นทะเลขับรถมาแป๊บเดียวเอง
นั่นสิเนอะ อิจฉาแก้วจัง
เด็กกรุงเทพขนานแท้อย่างมิว คงอยู่นานๆไม่ได้หรอก อกแตกตายไม่มีความบันเทิงมากมายเหมือนกรุงเทพ
แล้วแก้วจะขึ้นกรุงเทพเมื่อไหร่ล่ะ
คงอีกนานน่ะ เพราะคงจะยุ่งจนเลยปีใหม่ไปแล้วล่ะ
ยังไงก็อย่าลืมโทรบอกผมนะก่อนกลับกรุงเทพ เดี๋ยวจะพาเด็กบ้านนอกไปดูแสงสีในเมืองกรุงซะหน่อย
เธอยิ้มให้ผมเหมือนเคย
ตั้งแต่ผมกลับจากภูเก็ตคราวนั้น ผมไม่ได้รับการติดต่อจากแก้ว ผมเองก็ยุ่งเกี่ยวกับงานที่คั่งค้างช่วงที่ผมลาไปเที่ยว ผมเขียนจดหมายไปหาแก้ว แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับก็คิดว่าเธอคงยุ่ง ผมพยามโทรหาเธอ แต่ก็โทรไม่ติดเช่นกัน
แต่แล้ววันนึงขณะที่ผมกลับเข้าบ้าน ผมเห็นผู้หญิงคนนึงนั่งคุยอยู่กับแม่ผม พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็พบว่าเป็นแก้วนั่นเอง ผมทั้งแปลกใจและดีใจไปพร้อมกัน เพราะไม่คิดว่าแก้วจะมาหาผมถึงที่บ้าน และแก้วขึ้นกรุงเทพก็ไม่บอกให้ผมรู้ตัวก่อน
ผมกำลังจะเดินเข้าไปทักแก้ว แต่แก้วลุกขึ้นเดินตามแม่ผมขึ้นไปชั้นบนซะก่อน ผมสงสัยว่าแม่จะพาแก้วไปไหน ก็เลยค่อยๆแอบตามขึ้นไป ปรากฎว่าแม่พาเธอเข้าไปในห้องนอนผม ผมนึกในใจว่าแม่ไม่น่าพาเธอไปห้องนอนผมเลย เพราะมันรกยิ่งกว่ารังหนูซะอีก อีกอย่างถ้าเธอเข้าไปเธอก็จะรู้ความลับของผมทั้งหมดน่ะสิ ผมรีบวิ่งเข้าไปห้าม แต่ไม่ทันซะแล้ว
แก้วเดินเข้าไปในห้อง แล้วยืนนิ่งตะลึงมองดูผนังห้องซึ่งเต็มไปด้วยรูปถ่ายของเธอแปะเต็มฝาผนัง
บางรูปเป็นรูปแอบถ่าย บางรูปเป็นรูปที่ตอนเรียนมัธยม ดีนะที่ผมยังไม่ทันได้อัดรูปตอนที่ผมไปภูเก็ตมาแปะไว้
แก้วค่อยๆเดินไปบนโต๊ะทำงานของผม สมุดบันทึกของผมวางอยู่บนนั้น ผมภาวนาอย่าให้แก้วอ่านสมุดบันทึกเล่มนั้น แต่แก้วนั่งลงและค่อยๆเปิดสมุดบันทึกทีละหน้าๆ
ผมนั่งอยู่ตรงประตูห้องมองแก้วด้วยความหดหู่ ไหล่ของเธอไหวระริก เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา ผมอยากเข้าไปโอบกอดแก้ว ไม่อยากให้เธอต้องร้องไห้เสียใจ แต่ผมรู้ว่าผมคงทำไม่ได้
ผมอยากเห็นใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเธอมากกว่าคราบน้ำตา แก้วหันมามองรอบๆห้องของผม และหยิบกรอบรูปบนหัวเตียง เป็นรูปถ่ายคู่กันเพียงรูปเดียวเท่านั้นตอนที่เราเล่นละครเวที ในรูปแก้วใส่ชุดนางฟ้า มีผมหมอบอยู่ข้างๆเล่นเป็นหมาธรรมดาตัวนึง ผมเขียนด้วยปากกาเมจิกบนกรอบรูปว่า
I love you my angel
แก้วยิ้มให้กับภาพในกรอบรูปนั้น เสียงเธอกระซิบเบาๆกับกรอบรูปว่า
แก้วก็รักมิวเหมือนกัน
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อไหลซึมเต็มหน้านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ผมฝันอย่างนี้ คงเป็นตั้งแต่วันที่ผมได้รับข่าวว่าแก้วจมน้ำเสียชีวิต ก่อนผมลงไปหาเธอได้เพียงสามวันเท่านั้น
จากคุณ :
ข้าวโพดแมวติสต์แตก
- [
8 ส.ค. 51 14:24:56
]